กรณีอุบัติเหตุเรือบรรทุกคนโดยสาร 2 ชั้น ซึ่งทำพิธีตามศาสนาอิสลามจมลงในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดสนามไชย ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (18 ก.ย.)
สำหรับเรือที่ล่มชื่อสมบัติมงคลชัย เจ้าของเรือชื่อนายสุนทร พันธุ์เสือทอง ผู้ควบคุมเรือชื่อนายทานทัศน์ พันธ์เสือทอง เรือหมายเลขทะเบียน 106600841 กว้าง 5.05 ยาว 27.70 ลึก 1.40 ขนาด 52.70 ตันกรอส ใบอนุญาตใช้เรือหมดอายุวันที่ 7 มิถุนายน 2560
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 สาขาอยุธยา และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ นำเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กำกับและอำนวยความปลอดภัยในบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งติดตามผู้ควบคุมเรือและเจ้าของเรือเพื่อมาสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ และในส่วนของเรือสมบัติมงคลชัยจะดำเนินการกู้เรือขึ้นจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อหาสาเหตุการจม
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ซึ่งตามมาตรฐานปกติบรรทุกได้ 50 คน แต่รายงานเบื้องต้นทราบว่ามีการบรรทุกกว่า 100 คน ทำให้ส่งผลต่อการบังคับเรือ ประกอบกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ทั้งนี้ยืนยันแบบเรือเป็นไปตามระเบียบของกรมเจ้าท่า มีใบอนุญาตและหมดอายุในปี 2560 โดยหลังจากนี้เตรียมยึดใบอนุญาตและปรับเงิน 1 หมื่นบาท และยึดเรือลำที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ ส่วนคดีอาญาให้ตำรวจดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นพบตัวผู้ขับเรือแล้ว ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำ
ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ ทีมกู้ภัยเริ่มภารกิจค้นหาผู้สูญหายแต่มีอุปสรรคเนื่องจากสีน้ำขุ่นมัว ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นของนักประดาน้ำแทบเป็นศูนย์ ต้องใช้วิธีมือคลำ โดยหากพบร่างผู้สูญหายหรือศพผู้เสียชีวิต ก็จะทำการกระตุกเชือก เพื่อให้เจ้าหน้าที่บนฝั่งทราบแล้วดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ
นอกจากนี้ ท้องฟ้าบริเวณดังกล่าวยังมืดครึ้ม มีเมฆมาก ซึ่งหากมีฝนตกลงมาจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการค้นหาผู้สูญหายมากยิ่งขึ้น เพราะช่วงนี้กระแสน้ำในจุดเกิเหตุเชี่ยวกราก รวมทั้งมีตอไม้ และปูนแท่งอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุดที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มจากเหตุการณ์เรือล่มครั้งนี้อีก 1 ราย เป็นหญิง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 15 ศพแล้ว
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายดังนี้
ผู้เสียชีวิต (ที่โรงพยาบาล) ได้แก่
1.น.ส.ชยาภา มหาครุฑ อายุ 28 ปี
2.นางละมัย กระจ่างแสง อายุ 61 ปี
3.นายเสน่ห์ แจ่มคง อายุ 76 ปี
4.นางเตือนใจ ขันธมะ อายุ 50 ปี
5.นางหทัยทิพย์ ครุฑอาชาติ อายุ 33 ปี
6.นางวาสนา คงแจ่ม อายุ 48 ปี
ผู้เสียชีวิต (ในที่เกิดเหตุ)
1.ด.ช.ธิเบศ มาทอง อายุ 4 ปี
2.ด.ช.อนุสรณ์ กระจ่างแสง อายุ 4 ปี
3.ด.ญ.ภาวดี หวังจำปี อายุ 15 ปี
4.นายประเสริฐ ขันธรักษ์ อายุ 45 ปี
5.น.ส.ปนัดดา บุญรักษ์ อายุ 15 ปี
6.นายสมพงษ์ รัมมะเอ็ด อายุ 25 ปี
7.นางวรรณี เมาะซัง อายุ 40 ปี
8.นางรติฉัตร เปลี่ยนพืช อายุ 20 ปี
ส่วนผู้สูญหาย ณ ขณะนี้ ได้แก่
1.น.ส.วชิรา บุญญิตา อายุ 19 ปี
2.นางอนันดา บุญรัก อายุ 39 ปี
3.ด.ญ.นัสริน บุญรัก อายุ 13 ปี
4.นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 70 ปี
5.ด.ช.อธินัน แสงขำ อายุ 2 ปี
6.ด.ช.อับดุลราวี กระจ่างแสง อายุ 4 ปี
7.ด.ญ.อามีรา กระจ่างแสง 3 ปี
8.มัชรีณ์ รักพงษ์ อายุ 48 ปี
สรุป เมื่อเวลา 07.30 น. พบผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย บาดเจ็บ 46 คน สูญหาย 13 ราย
สำหรับเรือที่ล่มชื่อสมบัติมงคลชัย เจ้าของเรือชื่อนายสุนทร พันธุ์เสือทอง ผู้ควบคุมเรือชื่อนายทานทัศน์ พันธ์เสือทอง เรือหมายเลขทะเบียน 106600841 กว้าง 5.05 ยาว 27.70 ลึก 1.40 ขนาด 52.70 ตันกรอส ใบอนุญาตใช้เรือหมดอายุวันที่ 7 มิถุนายน 2560
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 สาขาอยุธยา และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ นำเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กำกับและอำนวยความปลอดภัยในบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งติดตามผู้ควบคุมเรือและเจ้าของเรือเพื่อมาสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ และในส่วนของเรือสมบัติมงคลชัยจะดำเนินการกู้เรือขึ้นจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อหาสาเหตุการจม
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ซึ่งตามมาตรฐานปกติบรรทุกได้ 50 คน แต่รายงานเบื้องต้นทราบว่ามีการบรรทุกกว่า 100 คน ทำให้ส่งผลต่อการบังคับเรือ ประกอบกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ทั้งนี้ยืนยันแบบเรือเป็นไปตามระเบียบของกรมเจ้าท่า มีใบอนุญาตและหมดอายุในปี 2560 โดยหลังจากนี้เตรียมยึดใบอนุญาตและปรับเงิน 1 หมื่นบาท และยึดเรือลำที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ ส่วนคดีอาญาให้ตำรวจดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นพบตัวผู้ขับเรือแล้ว ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำ
ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ ทีมกู้ภัยเริ่มภารกิจค้นหาผู้สูญหายแต่มีอุปสรรคเนื่องจากสีน้ำขุ่นมัว ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นของนักประดาน้ำแทบเป็นศูนย์ ต้องใช้วิธีมือคลำ โดยหากพบร่างผู้สูญหายหรือศพผู้เสียชีวิต ก็จะทำการกระตุกเชือก เพื่อให้เจ้าหน้าที่บนฝั่งทราบแล้วดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ
นอกจากนี้ ท้องฟ้าบริเวณดังกล่าวยังมืดครึ้ม มีเมฆมาก ซึ่งหากมีฝนตกลงมาจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการค้นหาผู้สูญหายมากยิ่งขึ้น เพราะช่วงนี้กระแสน้ำในจุดเกิเหตุเชี่ยวกราก รวมทั้งมีตอไม้ และปูนแท่งอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุดที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มจากเหตุการณ์เรือล่มครั้งนี้อีก 1 ราย เป็นหญิง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 15 ศพแล้ว
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายดังนี้
ผู้เสียชีวิต (ที่โรงพยาบาล) ได้แก่
1.น.ส.ชยาภา มหาครุฑ อายุ 28 ปี
2.นางละมัย กระจ่างแสง อายุ 61 ปี
3.นายเสน่ห์ แจ่มคง อายุ 76 ปี
4.นางเตือนใจ ขันธมะ อายุ 50 ปี
5.นางหทัยทิพย์ ครุฑอาชาติ อายุ 33 ปี
6.นางวาสนา คงแจ่ม อายุ 48 ปี
ผู้เสียชีวิต (ในที่เกิดเหตุ)
1.ด.ช.ธิเบศ มาทอง อายุ 4 ปี
2.ด.ช.อนุสรณ์ กระจ่างแสง อายุ 4 ปี
3.ด.ญ.ภาวดี หวังจำปี อายุ 15 ปี
4.นายประเสริฐ ขันธรักษ์ อายุ 45 ปี
5.น.ส.ปนัดดา บุญรักษ์ อายุ 15 ปี
6.นายสมพงษ์ รัมมะเอ็ด อายุ 25 ปี
7.นางวรรณี เมาะซัง อายุ 40 ปี
8.นางรติฉัตร เปลี่ยนพืช อายุ 20 ปี
ส่วนผู้สูญหาย ณ ขณะนี้ ได้แก่
1.น.ส.วชิรา บุญญิตา อายุ 19 ปี
2.นางอนันดา บุญรัก อายุ 39 ปี
3.ด.ญ.นัสริน บุญรัก อายุ 13 ปี
4.นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 70 ปี
5.ด.ช.อธินัน แสงขำ อายุ 2 ปี
6.ด.ช.อับดุลราวี กระจ่างแสง อายุ 4 ปี
7.ด.ญ.อามีรา กระจ่างแสง 3 ปี
8.มัชรีณ์ รักพงษ์ อายุ 48 ปี
สรุป เมื่อเวลา 07.30 น. พบผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย บาดเจ็บ 46 คน สูญหาย 13 ราย