นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ 2559 โดยมี ครม.เข้าร่วมด้วย เป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะสามารถปราบได้จริง แต่ก็อยู่ที่คนนำไปใช้มากกว่า ถ้าคนนำไปใช้ไม่ทำงาน ก็ปราบโกงไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงความน่ากลัว มันก็น่ากลัว เพราะเขียนเอาไว้น่ากลัว จากเดิมไม่เคยเขียนอย่างนี้ ประเด็นหลักๆ คือ ถ้าทำก็อย่าให้คนจับได้ ถ้าจับได้ก็เสียอนาคตไปเลยในทางการเมือง แต่ก่อนไม่เสียอนาคต 1-2 ปี ออกจากคุก พอคนลืมก็ลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้ แต่อันใหม่ จะสมัครไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่าจะผิดหลักมนุษยธรรมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราไม่ใช้เกณฑ์นี้ จะไปเจอเกณฑ์อื่น ก็สมัครไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ คือถ้าสมาชิกสภาท้องถิ่นทุจริต สมัครไม่ได้ ซึ่งก็มีมานานแล้ว แต่การเมืองระดับชาติกลับไม่เป็นไร เขาก็เอาหลักเดียวกันมาใช้ ไม่ใช่แค่ทุจริต ยังมีเจ้ามือหวยเถื่อน เจ้ามือการพนัน ค้ายาเสพติด ฉ่อโกงประชาชน แชร์ต่างๆ ที่เป็นเจ้ามือ จะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้เลยตลอดชีวิต ถึงบอกว่าหนัก ดังนั้น ถ้าทำอย่าให้จับได้ ถ้าจับได้จะเสียอนาคต
เมื่อถามว่ากฎระเบียบเรายังเอื้อให้คนคอร์รัปชันได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ค่อยไปแก้กัน ไม่เป็นไร อันนั้นเป็นเรื่องระเบียบลูกหลาน แต่มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ครม.รับหลักการ และส่งให้กฤษฎีกาตรวจ กำลังจะเสร็จ และจะเข้าสนช. กฎหมายนี้น่ากลัวกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม หรือเรียกว่า กฎหมาย 7 ชั่วโคตร วันนี้ลดลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตร หมายความว่า ตัวทำ เมียทำ ลูกทำ พี่ทำ น้องทำ พ่อทำ แม่ทำ ไม่ได้ ห้ามยิบจนคนไม่อยากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะใครจะรับอะไร ต้องระวัง จะรับของไม่ได้ จะมีปัญหาต่อไป พูดกันโดยเคร่งครัดตามกฎหมายเขามีบอกว่า ถ้าเล็กน้อยยกโทษให้ได้ แต่ถ้าเอาตามกฎหมาย แค่เอาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์ตไฟหลวงก็จะผิด เอาซองตราครุฑใส่เงินไปให้งานแต่งงาน ก็ผิด เวลาเขียนไม่ได้เขียนเล็กอย่างนี้ เขาเขียนหมด มันเลยย้ำตั้งแต่เอารถหลวงมาใช้ ยันซองกระดาษหลวง มาตรการแบบนี้ประเทศอื่นเขาก็มีทั้งนั้น แต่เราไม่เคยมี พอกฎหมายออกมา จะมีคนค่อนขอดจะเอาจริงเอาจัง ก็ช่วยไม่ได้ กฎหมายเอาผิดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคงไม่มีการเอาจริงเอาจัง แล้วถ้าเกิดมีคนเอาจริงขึ้นมา ก็ซวย อันนี้น่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกฎหมายพรรคการเมือง จะเอากันตายเลย นายวิษณุ กล่าวว่า "ผมไม่เอานิยายอะไรกับพวกนี้ จะมีอำนาจอะไร พูดเผื่อฟลุ๊คให้เขาเห็นด้วยแล้วจะได้นำไปใช้ ไม่เห็นด้วยก็แล้วกัน ก็พูดใหม่อีก เมื่อถามว่าท้ายสุดจะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เอาไว้สักพักก่อน เขามีเวลาให้ 8 เดือน
ด้านนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศย้ำในการใช้นโยบายปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน โดยใช้สัญลักษณ์เปิดไฟไล่โกงพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ว่า ถือเป็นโอกาสดีมาก ที่นายกฯ ประกาศนโยบายปราบการทุจริตคดโกงทั่วประเทศ ซึ่งไม่อยากให้เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง เพราะถึงเวลาต้องขุดรากถอนโคน ของรากเหง้าการทุจริตโกงชาติได้แล้ว เพราะพบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะมีการทุจริตเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนมากกระจายไปทั่วประเทศ หากรัฐบาลจะทำ ก็ขอให้เริ่มที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งถือเป็นอปท.ที่จัดเป็นเขตพื้นที่องค์กรพิเศษ มีการจัดเก็บภาษี ใช้จ่ายและบริหารงาน โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นของตัวเอง
"จากการตรวจสอบ พบว่ากทม.มีการทุจริตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เรียกว่าจับตรงไหนเจอตรงนั้น แม้วันนี้ส่วนหัวจะไม่มีแล้ว แต่ยังมีผู้บริหารจากฝ่ายการเมือง และข้าราชการประจำบางส่วนที่ยังร่วมมือกำกับดูแล แต่การทุจริตก็ยังไม่ลดลง จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้รมว.มหาดไทย หรือ. ตั้งกรรมการพิเศษจากทำเนียบรัฐบาล เข้ามากำกับดูแล และหากจะเปิดไฟไล่โกงในกรุงเทพฯ ผมขอให้เริ่มไล่โกงที่ศาลาว่าการ กทม. ก่อนดีที่สุด" นายวิลาศ กล่าว
เมื่อถามว่าจะผิดหลักมนุษยธรรมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราไม่ใช้เกณฑ์นี้ จะไปเจอเกณฑ์อื่น ก็สมัครไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ คือถ้าสมาชิกสภาท้องถิ่นทุจริต สมัครไม่ได้ ซึ่งก็มีมานานแล้ว แต่การเมืองระดับชาติกลับไม่เป็นไร เขาก็เอาหลักเดียวกันมาใช้ ไม่ใช่แค่ทุจริต ยังมีเจ้ามือหวยเถื่อน เจ้ามือการพนัน ค้ายาเสพติด ฉ่อโกงประชาชน แชร์ต่างๆ ที่เป็นเจ้ามือ จะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้เลยตลอดชีวิต ถึงบอกว่าหนัก ดังนั้น ถ้าทำอย่าให้จับได้ ถ้าจับได้จะเสียอนาคต
เมื่อถามว่ากฎระเบียบเรายังเอื้อให้คนคอร์รัปชันได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ค่อยไปแก้กัน ไม่เป็นไร อันนั้นเป็นเรื่องระเบียบลูกหลาน แต่มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ครม.รับหลักการ และส่งให้กฤษฎีกาตรวจ กำลังจะเสร็จ และจะเข้าสนช. กฎหมายนี้น่ากลัวกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม หรือเรียกว่า กฎหมาย 7 ชั่วโคตร วันนี้ลดลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตร หมายความว่า ตัวทำ เมียทำ ลูกทำ พี่ทำ น้องทำ พ่อทำ แม่ทำ ไม่ได้ ห้ามยิบจนคนไม่อยากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะใครจะรับอะไร ต้องระวัง จะรับของไม่ได้ จะมีปัญหาต่อไป พูดกันโดยเคร่งครัดตามกฎหมายเขามีบอกว่า ถ้าเล็กน้อยยกโทษให้ได้ แต่ถ้าเอาตามกฎหมาย แค่เอาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์ตไฟหลวงก็จะผิด เอาซองตราครุฑใส่เงินไปให้งานแต่งงาน ก็ผิด เวลาเขียนไม่ได้เขียนเล็กอย่างนี้ เขาเขียนหมด มันเลยย้ำตั้งแต่เอารถหลวงมาใช้ ยันซองกระดาษหลวง มาตรการแบบนี้ประเทศอื่นเขาก็มีทั้งนั้น แต่เราไม่เคยมี พอกฎหมายออกมา จะมีคนค่อนขอดจะเอาจริงเอาจัง ก็ช่วยไม่ได้ กฎหมายเอาผิดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคงไม่มีการเอาจริงเอาจัง แล้วถ้าเกิดมีคนเอาจริงขึ้นมา ก็ซวย อันนี้น่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกฎหมายพรรคการเมือง จะเอากันตายเลย นายวิษณุ กล่าวว่า "ผมไม่เอานิยายอะไรกับพวกนี้ จะมีอำนาจอะไร พูดเผื่อฟลุ๊คให้เขาเห็นด้วยแล้วจะได้นำไปใช้ ไม่เห็นด้วยก็แล้วกัน ก็พูดใหม่อีก เมื่อถามว่าท้ายสุดจะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เอาไว้สักพักก่อน เขามีเวลาให้ 8 เดือน
ด้านนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศย้ำในการใช้นโยบายปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน โดยใช้สัญลักษณ์เปิดไฟไล่โกงพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ว่า ถือเป็นโอกาสดีมาก ที่นายกฯ ประกาศนโยบายปราบการทุจริตคดโกงทั่วประเทศ ซึ่งไม่อยากให้เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง เพราะถึงเวลาต้องขุดรากถอนโคน ของรากเหง้าการทุจริตโกงชาติได้แล้ว เพราะพบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะมีการทุจริตเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนมากกระจายไปทั่วประเทศ หากรัฐบาลจะทำ ก็ขอให้เริ่มที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งถือเป็นอปท.ที่จัดเป็นเขตพื้นที่องค์กรพิเศษ มีการจัดเก็บภาษี ใช้จ่ายและบริหารงาน โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นของตัวเอง
"จากการตรวจสอบ พบว่ากทม.มีการทุจริตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เรียกว่าจับตรงไหนเจอตรงนั้น แม้วันนี้ส่วนหัวจะไม่มีแล้ว แต่ยังมีผู้บริหารจากฝ่ายการเมือง และข้าราชการประจำบางส่วนที่ยังร่วมมือกำกับดูแล แต่การทุจริตก็ยังไม่ลดลง จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้รมว.มหาดไทย หรือ. ตั้งกรรมการพิเศษจากทำเนียบรัฐบาล เข้ามากำกับดูแล และหากจะเปิดไฟไล่โกงในกรุงเทพฯ ผมขอให้เริ่มไล่โกงที่ศาลาว่าการ กทม. ก่อนดีที่สุด" นายวิลาศ กล่าว