xs
xsm
sm
md
lg

ยธ.ตั้งกก.สอบ“ตับแตก” ขีดเส้น 15 วันต้องรู้ผล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิ๊กต๊อก” ลั่นไม่ปกป้องคนผิด หากพบ จรท.ดีเอสไอเอี่ยว "อดีตที่ดินพังงา" ดับ ปลัด ยธ.เซ็นตั้ง กก.กลางตรวจเหตุผูกคอในห้องขัง ดึง 3 แพทย์ รพ.ดังร่วมสอบ ให้เวลาสรุป 15 วัน ตร.เรียกคนคุมห้องขังให้ปากคำเพิ่มอีก 2 ราย ยันมีวงจรปิดแค่ทางเดิน รอผลพิสูจน์หลักฐานก่อนฟันธง

วานนี้ (6 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคำสั่งตั้งกรรมการระดับกระทรวงตรวจสอบการเสียชีวิตของ นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า เป็นการดำเนินการตามหลักการเพื่อความสบายใจของสังคม โดยให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้มีส่วนร่วมซึ่งเป็นเรื่องภายในกระทรวง ตนเองในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม และเมื่อสอบสวนแล้วหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกระทำผิดก็ต้องลงโทษ ตนเองไม่เคยปกป้องผู้กระทำผิด ทั้งนี้ส่วนตัวต้องการให้เรื่องดังกล่าวได้ข้อยุติโดยเร็วเนื่องจากเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน พร้อมย้ำว่าการสอบสวนต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตจากสาเหตุใดหาเป็นการเสียชีวิตด้วยตนเองก็จบ แต่หากถูกกระทำให้เสียชีวิตก็ต้องสอบสวนว่าใครเป็นผู้กระทำ หากเป็นเจ้าหน้าที่กระทำก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งอาญาและวินัย ทั้งนี้แม้เจ้าหน้าที่ไม่ใช่ผู้กระทำแต่การปล่อยให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในการดูแลทำร้ายตัวเองก็ถือว่ามีความผิดทางวินัยที่จะต้องพิจารณาว่ามีความผิดมากเพียงใด ทั้งนี้ผลสอบเป็นการภายในของดีเอสไอเท่านั้น ไม่มีผลทางคดีแต่อย่างใด

** เปิดชื่อ กก.กลางสอบปม “ธวัชชัย” ดับ

ด้าน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับคณะกรรมการกลางที่ตั้งขึ้นนั้น มอบหมายให้ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย ผอ.สำนักกิจการยุติธรรม และตัวแทนแพทย์นิติเวชจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี และรพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และประเด็นความผิดชอบของเจ้าหน้าที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้ย้ำว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นการตั้งขึ้นตรวจสอบในเชิงการบริหารงานของกระทรวงซึ่งเป็นระบบปกติ สิ่งสำคัญในกรณีดังกล่าวคือการทำงานของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อให้อัยการยื่นคำร้องไต่สวนการเสียชีวิตต่อศาล ซึ่งประเด็นไต่สวนการเสียชีวิตจะทำให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเสียชีวิตเพราะเหตุใด ซึ่งศาลจะเป็นผู้มีคำสั่ง เมื่อศาลสั่งแล้วพนักงานสอบสวนจะใช้ดุลยพินิจตั้งสำนวนการสอบสวนใหม่อีกครั้งเพื่อหาผู้ทำผิด ดังนั้น ขอให้รอฟังคำสั่งศาลก่อนว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด ส่วนจะมีการผ่าพิสูจน์ศพซ้ำหรือไม่นั้นเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง คณะกรรมการกลาง หรือ ญาติของผู้เสียชีวิต ส่วนกรณีที่ญาติยื่นคำร้องขอให้แพทย์จากนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกลางด้วยนั้น เรื่องดังกล่าวแพทย์นิติเวชฯมีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้วและผลดังกล่าวต้องนำไปรวมอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน ไม่จำเป็นต้องร่วมเป็นกรรมการในชุดดังกล่าว

“หลังได้ผลสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการแล้ว กระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการ 2 แนวทาง คือ กรณีมีมูลว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการทางวินัย และ 2.หากพบว่ามีความผิดทางอาญา กระทรวงยุติธรรมจะมอบอำนาจเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย” นายชาญเชาวน์ กล่าว

สำหรับรายชื่อคณะกรรมการกลางที่กระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้น ประกอบด้วย นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักกิจการยุติธรรม รศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช และ ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ส่วนที่เหลืออีก 3 คนเป็นนิติกรชำนาญการกระทรวงยุติธรรม

** สอบ จนท.ดีเอสไอเพิ่มอีก 2 ปาก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สน.ทุ่งสองห้อง ว่า นายชยพล หวานชะเอม อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้างานควบคุมผู้ต้องหา ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.กฤติเดช ชอบค้าขาย รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้ปากคำกรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย โดย นายชยพล เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำว่า วันเกิดเหตุนั้น ตนและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ รองหัวหน้าผู้ควบคุมรวม 2 คน อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในห้องควบคุม แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ และขอให้การกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น แต่ยอมรับว่าในบริเวณห้องควบคุมมีกล้องวงจรปิด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นกล้องชนิดใดและประเภทใด เนื่องจากตนไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของกล้องดังกล่าว

“รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เนื่องจากผมเข้าทำงานมา 7 ปี ไม่เคยมีเหตุดังกล่าวเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกซึ่งผมก็กลัวว่าทางผู้บังคับบัญชาจะเอาผิดทางวินัย เพราะดีเอสไอให้ความเข้มงวดอย่างมากให้การควบคุมผู้ต้องหา จึงขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่เข้าใจในการทำหน้าที่และยังให้ความเมตตา ซึ่งตามปกติหากมีผู้ต้องหามาควบคุมจะมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของผู้ต้องหาก่อนนำควบคุมตัว และต้องเฝ้าสอดส่องพฤติกรรมของผู้ต้องหาตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีผมและรองหัวหน้าผู้ควบคุม เป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์” นายชยพล กล่าว

นายชยพล กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาทั้งหมด 3 คน ซึ่งได้เข้าให้ปากคำก่อนหน้านี้ไปแล้ว 1 คน คือ นายสมมาตร นาควงศ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ควบคุมห้องขัง ส่วนตนและ พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในฐานะรองหัวหน้าผู้ควบคุม เข้าให้การในวันนี้

** ผบก.น.2 จ่อลงตรวจที่เกิดเหตุเอง

ภายหลังพนักงานสอบสวนพร้อมอัยการ ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงร่วมสอบปากคำ นายชยพล และพ.ต.ท.ไพโรจน์ แล้วเสร็จ พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (รอง ผบก.น.2) เปิดเผยว่า คำให้การของทั้งคู่เป็นประโยชน์มาก ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่มีกล้องวงจรปิดในห้องคุมขังผู้ต้องหา มีเพียงบริเวณทางเดินด้านหน้าเท่านั้น เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ซึ่งจะสามารถบันทึกได้หรือเปล่านั้นยังไม่ทราบได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับไฟล์ภาพจากทางดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ ยังต้องรอการสอบปากคำเพิ่มเติมซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ดีเอสไอสอบไปแล้วจำนวน 3 คน กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตได้สอบน้องชายไปแล้ว กลุ่มของพยาบาลโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ สอบไปแล้วจำนวน 3 คน เหลือเพียงกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผลตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งต้องรอการตรวจพิสูจน์หลักรอบ 2 ว่าจะมีผลปรากฏออกมาอย่างไร โดยขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ 10.00 น. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง แม้จะมีการตรวจสอบไปแล้วในครั้งแรกเพื่อนำมาประกอบกับการสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถายหลังให้ปากคำ นายชยพลและ พ.ต.ท.ไพโรจน์ ไม่ให้สัมภาษณ์ใดต่อสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าว่ามีกล้องวงปิดภายในห้องคุมขังนั้น นายชยพล กล่าวว่า เป็นการสื่อสารผิดพลาด ตนต้องการบอกเพียงว่ามีกล้องอยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องของผู้ต้องหาเท่านั้น ไม่ได้มีกล้องอยู่ภายในห้องคุมขัง

** “บิ๊กแป๊ะ” ไม่หนักใจญาติขอผ่าศพซ้ำ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่าตำรวจมีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่ญาติติดใจการเสียชีวิต ก็มีขั้นตอนตรวจสอบ ซึ่งทางนิติเวชได้ผ่าพิสูจน์ศพไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในเมื่อญาติต้องการให้มีการผ่าพิสูจน์ศพซ้ำอีกครั้ง ตำรวจก็มีหน้าที่ทำให้กระจ่าง ส่วนกรณีที่กระทรวงยุติธรรมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ได้มีการประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ และไม่หนักใจว่าการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทำให้เกิดปัญหากัน ทุกอย่างเป็นไปตามพยานและหลักฐาน ตำรวจไม่มีส่วนได้เสียกับกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น