วานนี้ (5ก.ย.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว 3 กกต. จี้ให้ลาออกจากตำแหน่งประธาน กกต.ว่า เป็นการคุยกันเป็นความลับ ตนในฐานประธานประชุมไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เรื่องว่ามีหนังสือหารือไปยัง คสช. ว่าลาออกได้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของสำนักงาน และยังไม่ทราบว่ามีการดำเนินการหรือยัง และไม่สามารถตอบได้ว่า ข่าวที่ออกมาจะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับใคร และปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้เป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน แค่เป็นการพูดคุยกันเฉยๆ
เมื่อถามว่าได้เคยมีการตกลงกันเรื่องจะดำรงตำแหน่งประธาน กกต. เพียง 2 ปีจริงหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ก็เป็นไปทำนองนั้น เมื่อถามต่อว่า ตามข่าวระบุ ท่านได้เคยแสดงเจตนาจะลาออก จริงหรือไม่ นายศุภชัย ชีวิตตนไม่ได้ติดยึดกับอะไร มีหน้าที่ทำอะไร ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ก็ยังไมได้ตัดสินใจอะไร เพราะบ้านเมืองก็ยังอยู่ในสภาพไม่สงบอยู่ ไม่อยากไปสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอีก พยายามจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของชาติและบ้านเมือง
"เวลานี้กกต.ก็ยังมีภารกิจสำคัญ ต้องพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เราจะพิจารณาทุกสัปดาห์ เพื่อให้เสร็จทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับ ต้องใช้ความละเอียด จะสุขเอาเผากินไม่ได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตีความคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 ที่สั่งระงับการสรรหากรรมการองค์กรอิสระ และให้คนเก่าอยู่ตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ อย่างไร นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็น เพราะถ้าพูดไปก็จะเท่ากับเข้าข้างตนเอง เมื่อถามว่าจะรอหนังสือตอบกลับจากคสช.ก่อน ใช่หรือไม่ จึงจะตัดสินใจ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย เดินทางไปรับเข็มวิทยฐานะ ในพิธีมอบเข็มกิตติคุณและประกาศนียบัตรของสถาบันพระปกเกล้า ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าว ซึ่งนายศุภชัยก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และทักทายผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับบอกหลังให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่เครียด เพราะเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ติดยึดกับอะไร
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า หากจะมีการสลับสับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งในกกต. เอง โดยไม่มีการสรรหา รับสมัคร หรือคัดเลือก ไม่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ตามคำสั่ง คสช. เพราะไม่ได้เป็นการสรรหาใหม่ แต่เป็นข้อตกลงภายในของแต่ละหน่วยงาน แต่ละองค์กร ไม่ได้ไปผูกมัด หรือเกี่ยวพันกับคนอื่นที่จะรับรู้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าจะนำไปสู่การนำความกราบบังคมทูล หรือไม่ เพราะจะเป็นการเพิ่มพระราชภาระ ดังนั้น จะต้องพิจารณาหลายชั้น ต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ ขนาดรัฐบาลจะปรับรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) รัฐบาลยังต้องคิดว่าเมื่อไรจะถึงเวลาอันสมควร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของสำนักงาน ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการทำหนังสือถึง คสช. เพื่อสอบถามว่าหากจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธาน กกต.จะขัดคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบล่าสุด ยังไม่พบว่ามีการส่งหนังสือดังกล่าวออกไป และมีกระแสข่าวว่า ทาง กกต. 3 เสียง อาจจะให้มีการทบทวนการส่งหนังสือดังกล่าว หลังนายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์เป็นการส่งสัญญาณมายัง กกต. ว่า การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ อาจไม่เหมาะสม โดยช่วงเย็นวานนี้ กกต.ทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันหารือที่ห้อง กกต.คนหนึ่ง ขณะที่ในส่วนของนายศุภชัย มีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นเสียงเดียว แต่พนักงานต่างแสดงความเห็นใจ ซึ่งมีรายงานว่าประธาน กกต. จะยังไม่ตัดสินใจอะไร
เมื่อถามว่าได้เคยมีการตกลงกันเรื่องจะดำรงตำแหน่งประธาน กกต. เพียง 2 ปีจริงหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ก็เป็นไปทำนองนั้น เมื่อถามต่อว่า ตามข่าวระบุ ท่านได้เคยแสดงเจตนาจะลาออก จริงหรือไม่ นายศุภชัย ชีวิตตนไม่ได้ติดยึดกับอะไร มีหน้าที่ทำอะไร ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ก็ยังไมได้ตัดสินใจอะไร เพราะบ้านเมืองก็ยังอยู่ในสภาพไม่สงบอยู่ ไม่อยากไปสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอีก พยายามจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของชาติและบ้านเมือง
"เวลานี้กกต.ก็ยังมีภารกิจสำคัญ ต้องพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เราจะพิจารณาทุกสัปดาห์ เพื่อให้เสร็จทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับ ต้องใช้ความละเอียด จะสุขเอาเผากินไม่ได้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตีความคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 ที่สั่งระงับการสรรหากรรมการองค์กรอิสระ และให้คนเก่าอยู่ตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ อย่างไร นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็น เพราะถ้าพูดไปก็จะเท่ากับเข้าข้างตนเอง เมื่อถามว่าจะรอหนังสือตอบกลับจากคสช.ก่อน ใช่หรือไม่ จึงจะตัดสินใจ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย เดินทางไปรับเข็มวิทยฐานะ ในพิธีมอบเข็มกิตติคุณและประกาศนียบัตรของสถาบันพระปกเกล้า ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าว ซึ่งนายศุภชัยก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และทักทายผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับบอกหลังให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่เครียด เพราะเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ติดยึดกับอะไร
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า หากจะมีการสลับสับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งในกกต. เอง โดยไม่มีการสรรหา รับสมัคร หรือคัดเลือก ไม่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ตามคำสั่ง คสช. เพราะไม่ได้เป็นการสรรหาใหม่ แต่เป็นข้อตกลงภายในของแต่ละหน่วยงาน แต่ละองค์กร ไม่ได้ไปผูกมัด หรือเกี่ยวพันกับคนอื่นที่จะรับรู้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าจะนำไปสู่การนำความกราบบังคมทูล หรือไม่ เพราะจะเป็นการเพิ่มพระราชภาระ ดังนั้น จะต้องพิจารณาหลายชั้น ต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ ขนาดรัฐบาลจะปรับรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) รัฐบาลยังต้องคิดว่าเมื่อไรจะถึงเวลาอันสมควร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของสำนักงาน ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการทำหนังสือถึง คสช. เพื่อสอบถามว่าหากจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธาน กกต.จะขัดคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบล่าสุด ยังไม่พบว่ามีการส่งหนังสือดังกล่าวออกไป และมีกระแสข่าวว่า ทาง กกต. 3 เสียง อาจจะให้มีการทบทวนการส่งหนังสือดังกล่าว หลังนายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์เป็นการส่งสัญญาณมายัง กกต. ว่า การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ อาจไม่เหมาะสม โดยช่วงเย็นวานนี้ กกต.ทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันหารือที่ห้อง กกต.คนหนึ่ง ขณะที่ในส่วนของนายศุภชัย มีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นเสียงเดียว แต่พนักงานต่างแสดงความเห็นใจ ซึ่งมีรายงานว่าประธาน กกต. จะยังไม่ตัดสินใจอะไร