เปิดร่างงบปี 61 “องค์กรอิสระ-รัฐสภา-ศาล” ได้รับเสนอจัดสรร 43,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 60 กว่า 3,586 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 9 พบ กกต.ขอจัดสรร 10,715.5 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 2,026.4 ล้านบาท ส่วน 3 หน่วยงานที่ถูกคำสั่ง คสช.ยุบทิ้งได้รับเสนอจัดสรร 121.4 ล้านบาท เหตุคำสั่ง ระบุการใช้งบประมาณยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะมีกฎระเบียบบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
วันนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตี (สลค.) ทำหนังสือเวียนแจ้ง หน่วยงานรัฐภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท โดยพบว่าการจัดสรรงบประมาณเฉพาะในส่วนหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานอิสระของรัฐ และกองทุนหมุนเวียน ภายใต้การกำกับของหน่วยงานดังกล่าว เสนอขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 67,466.6 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้มีการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ ให้จำนวน 43,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2560 จำนวน 3,586 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9
ทั้งนี้ มีหน่วยงานที่เสนอของบประมาณซึ่งสำนักงบประมาณเห็นชอบจัดสรรให้ ประกอบด้วย หน่วยงานรัฐสภา ได้แก่ สำนักเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสถาบันพระปกเกล้า พบว่า ปี 2560 ได้รับการจัดสรร 4,153 ล้านบาท ปี 2561 ขอรับการจัดสรร 8,021.8 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 5,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,637.6 ล้านบาทหรือ ร้อยละ 39.4
ขณะที่หน่วยงานของศาล ได้แก่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลปกครอง พบว่า ปี 2560 ได้รับการจัดสรร 20,715.3 ล้านบาท ปี 2561 ขอรับการจัดสรร 33,135.1 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 21,735.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,019.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9
ในส่วนของหน่วยงานอิสระของรัฐ 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พบว่า ปี 2560 ได้รับการจัดสรร 14,815.3 ล้านบาท ปี 2561 ขอรับการจัดสรร 25,863.2 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 15,805.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 990.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.7
ขณะที่หน่วยงานที่น่าสนใจอย่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอจัดสรร 10,715.5 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 2,026.4 ล้านบาท
สุดท้าย กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน ได้แก่ กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง กองทุนเพ่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง พบว่า ปี 2560 ได้รับการจัดสรร 355.5 ล้านบาท ปี 2561 ขอรับการจัดสรร 446.5 ล้านบาท ได้รับการเสนอจัดสรร 293.7 ล้านบาท ลดลง 61.8 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 17.4
มีรายงานว่า สำหรับในส่วนของสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่สำนักงบประมาณ เสนอจัดสรรงบประมาณกว่า 121.4 ล้านบาทมาด้วยนั้น ให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 71/2559 เรื่องการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
“ที่ระบุว่า ในข้อ 5 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ของนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี อาจมอบหมายให้ไปช่วยปฏิบัติงานในองค์กรอื่นได้ ในระหว่างยังไม่มีกฎหมายหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือนายกรัฐมนตรี กำหนดให้สำนักงานตามวรรคหนึ่งโอนหรือไปเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดหน่วยงานอื่นใด ให้บรรดาผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และเงินงบประมาณของสำนักงานดังกล่าวที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่ คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับยังคงเป็นของสำนักงานนั้นๆ ทั้งนี้ ให้การบริหารงานบุคคล การเบิกจ่ายและใช้งบประมาณกระทำได้เท่าที่จำเป็น คำสั่งนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีกฎระเบียบบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นหรือนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น”
ขณะที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเมืองที่มีกองทุนพัฒนาการเมืองด้านพลเมือง รับการเสนองบประมาณ จำนวน 13 ล้านบาท