ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
“ผู้พันตึ๋ง” หรือนายเฉลืมชัย มัจฉากล่ำ อดีตผู้นำกลุ่มกระทิงแดงสมัยยุค 6 ตุลาคม2519 นักโทษคดีสังหารอดีตผู้ว่าฯยโสธร นายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ น่าจะใช้ชีวิตนอกคุกสบายแล้ว แต่เพราะพฤติกรรมไม่เปลี่ยน จึงต้องกลับเข้าไปนอนในคุกใหม่
เงื่อนไขการเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ทำให้ผู้พันตึ๋ง รอดจากการถูกประหารชีวิต ได้ลดโทษต่อเนื่อง และติดคุกอยู่เพียงประมาณ 14ปี ก่อนได้รับการพักโทษเมื่อปี 2558
แต่หลังพ้นโทษมาแล้ว ยังผิดเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติ ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุดมีพฤติกรรมข่มขู่เรียกเงินจากชาวบ้าน จึงถูกบุกจับกุมและส่งกลับเข้าคุก ต้องรับโทษที่ค้างไว้อีก 2 ปี 9 เดือน
จากนักโทษชั้นดี ผู้พันตึ๋งถูกปรับเป็นนักโทษชั้นเลว และต้องถูกจองจำไปจนถึงต้นปี 2562
มีคำถามกันมานานแล้ว อาชญากรตัวร้าย นักโทษคดีร้ายแรง ก่อพฤติกรรมอำมหิต เมื่อเข้าคุก ทำไมจึงกลายเป็นนักโทษชั้นดี ติดคุกไม่กี่ปีก็ออก แต่พ้นออกนอกคุกพฤติกรรมไม่ได้เปลี่ยน
กรมราชทัณฑ์มีหลักเกณฑ์การจัดชั้นนักโทษอย่างไร มีมาตรฐานอะไรเป็นตัวประเมิน มีการ “ค้านักโทษ” ในคุกหรือไม่ โดยใครมีเงินสามารถขอลดโทษได้ ใครจ่ายหนัก ได้พักโทษ
กรมราชทัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม โดยมีหน้าที่จองจำนักโทษที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่คุกก็เป็นอีกโลกที่ลี้ลับ ไม่ถูกตรวจสอบมากนัก ทั้งที่เป็นหน่วยงานสำคัญในการอบรมบ่งเพาะพฤติกรรมของผู้ต้องขัง เพื่อให้เกิดความหลาบจำ เกรงกลัวกฎหมาย ไม่กล้ากระทำความผิดซ้ำ และกลับตัวเป็นคนดี
แต่ถ้ามีการค้า “นักโทษ” ในเรือนจำ มีการรับผลประโยชน์ นักโทษที่มีฐานะจะติดคุกสบาย มีโทรศัพท์ส่วนตัวใช้ ค้ายาเสพติดทั้งในและนอกคุกได้
โทษหนักที่ศาลตัดสิน กรมราชทัณฑ์มีอำนาจที่จะตัดทอน ช่วยลดให้ โดยอ้างว่าเป็นนักโทษชั้นดี ขอลดโทษทุกโอกาส เมื่อเข้าเงื่อนไข จะขอพักโทษทันที
อาชญากรที่ควรชดใช้กรรมในคุกจึงออกมาเพ่นพ่านอยู่ในสังคมก่อนเวลาอันควร
ถ้ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมไม่ใช่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา กรมราชทัณฑ์คงเป็นแดนสนธยา และ “ค้าโทษ” กันต่อไป ช่วยอาชญากรที่มีฐานะและบารมี ใช้เงินไถ่โทษตัวเองได้
แต่เพราะพล.อ.ไพบูลย์ไม่ยอมให้ผู้ต้องขังที่สร้างความเจ็บปวดต่อสังคมได้รับสิทธิเหมือนคนอื่น ไม่ยอมให้มีการพักโทษกันง่ายๆ จึงเข้ามากำกับดูแลและตรวจสอบกรมราชทัณฑ์เป็นพิเศษ
ผลการตรวจเข้มการทำงานเรือนจำ ทำให้ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถูกยกเลิกการพักโทษ และทำให้ผู้พันตึ๋ง ซึ่งได้รับการพักโทษแล้ว ต้องกลับเข้าคุกอีกครั้ง
ส่วนผู้บัญชาการเรือนจำ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งสั่งพักโทษนายชนม์สวัสดิ์ และกำลังจะปล่อยตัวอยู่แล้ว ถูกคำสั่งย้ายเซ่นสังเวยพฤติกรรมที่เข้าข่ายช่วยเหลือนายชนม์สวัสดิ์
กระบวนการยุติธรรมขั้นปลายน้ำกำลังได้รับการแก้ไข พล.อ.ไพบูลย์กำลังปฏิรูปกรมราชทัณฑ์ขนานใหญ่ ไม่ให้คุกเป็นสวรรค์ของบรรดาอาชญากรที่สร้างความเจ็บปวดให้สังคม
ไม่ให้เรือนจำเป็นแหล่ง “ค้าโทษ” ไม่ให้คุกถูกแปลงสภาพเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของบรรดาอาชญากรที่มีเส้นสายและมีเงิน
ถ้ากระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ ได้รับการปฏิรูป เช่นเดียวกับกรม ราชทัณฑ์ที่พล.อ.ไพบูลย์กำลังลงดาบอยู่
ถ้ามีการผ่าตัดใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจ ไม่มีการค้าสำนวน ไม่มีการเปลี่ยนดำให้เป็นขาว การบังคับใช้กฎหมายจะมีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ส่วนอาชญากรจะเกรงกลัวความผิด เพราะเมื่อก่อคดีแล้ว ไม่อาจวิ่งเต้นอัดเงินล้มคดีได้ง่ายๆเหมือนปัจจุบัน
รัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่จะไร้ผลงานไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็เห็นชัดว่า รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเป็นคนทำงาน ทำจริงและกล้าที่จะแก้ปัญหา จนเป็นรัฐมนตรีที่เรียกความศรัทธาจากประชาชนได้อย่างท่วมท้น
การไม่ปล่อยให้นายชนม์สวัสดิ์พ้นโทษ การจับผู้พันตึ๋งกลับเข้าคุก เพียงแค่ผลงาน2 ชิ้นนี้ ประชาชนก็ปรบมือให้พล.อ.ไพบูลย์ดังกึกก้องกัมปนาทแล้ว
ถ้ารัฐมนตรีทุกคนสร้างผลงานได้เหมือน พล.อ.ไพบูลย์ ประชาชนคงยินดีให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปยาวๆ และมีแต่ “ทักษิณ ชินวัตร” กับลูกสมุน เหลือแต่คนเสื้อแดงเท่านั้นที่จะไล่