ผู้จัดการรายวัน360 - ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ ปปง.ยึดทรัพย์ “บรรยิน ตั้งภากรณ์” กับพวกไว้ชั่วคราว 2 รายการ “หุ้น - รถพอร์ช” มูลค่าราว 16 ล้าน พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน เปิดโอกาสผู้เสียหายจากคดีนี้ยื่นคําร้องต่อศาล ขอให้นำทรัพย์สินมาชดใช้ เผยจ่อยึดบ้าน 2 หลัง-หุ้น เพิ่มด้วย
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.59 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทําความผิดมูลฐาน โดยมีสาระสำคัญว่า เลขาธิการ ปปง.ได้ใช้อํานาจตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําผิดของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก ไว้ชั่วคราว จํานวน 2 รายการพร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินจากการกระทําความผิดมูลฐานในรายคดีที่เกี่ยวข้อง สามารถยื่นคําร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจํานวนความเสียหายที่ได้รับต่อ สํานักงาน ปปง. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้นําทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง.ได้แถลงผลการตรวจสอบการทำธุรกรรมในคดีที่ กองปราบปราม ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน และพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง. พ.ศ.2542 โดยมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องของกลุ่มผู้ต้องหามูลค่ารวมกว่า 31 ล้านบาท อาทิ หุ้นบริษัท WIN มูลค่า 10 ล้านบาท และ รถยนต์ยี่ห้อพอร์ช มูลค่า 6 ล้านบาท โดยวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ ปปง.ได้ร่วมกับตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวคนสนิท ทรัพย์สินซึ่งเป็นบ้าน 2 หลัง เข้าข่ายการถ่ายโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากคดีหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้านที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ทาง ปปง.จึงมีมติให้อายัดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพัก) ของทั้ง 2 หลัง มูลค่ารวมกว่า15 ล้านบาท และยังได้ยึดพยานเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีด้วย
อย่างไรก็ตามในคำสั่งยึดทรัพย์กล่าวถึงเฉพาะหุ้นบริษัท WIN และรถยนต์ยี่ห้อพอร์ชเท่านั้นในส่วนของบ้าน 2 หลังขณะนี้และคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้ยึดทรัพย์แล้ว แต่เลขาธิการ ปปง.ยังไม่ได้ออกคำสั่งออกมา รวมทั้งยังมีในส่วนของหุ้นอีกบางส่วนที่กำลังพิจารณายึดทรัพย์ตามความผิดมูลฐานเดียวกันด้วย.
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.59 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทําความผิดมูลฐาน โดยมีสาระสำคัญว่า เลขาธิการ ปปง.ได้ใช้อํานาจตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําผิดของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก ไว้ชั่วคราว จํานวน 2 รายการพร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินจากการกระทําความผิดมูลฐานในรายคดีที่เกี่ยวข้อง สามารถยื่นคําร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจํานวนความเสียหายที่ได้รับต่อ สํานักงาน ปปง. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้นําทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง.ได้แถลงผลการตรวจสอบการทำธุรกรรมในคดีที่ กองปราบปราม ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน และพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง. พ.ศ.2542 โดยมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องของกลุ่มผู้ต้องหามูลค่ารวมกว่า 31 ล้านบาท อาทิ หุ้นบริษัท WIN มูลค่า 10 ล้านบาท และ รถยนต์ยี่ห้อพอร์ช มูลค่า 6 ล้านบาท โดยวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ ปปง.ได้ร่วมกับตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวคนสนิท ทรัพย์สินซึ่งเป็นบ้าน 2 หลัง เข้าข่ายการถ่ายโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากคดีหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้านที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ทาง ปปง.จึงมีมติให้อายัดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพัก) ของทั้ง 2 หลัง มูลค่ารวมกว่า15 ล้านบาท และยังได้ยึดพยานเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีด้วย
อย่างไรก็ตามในคำสั่งยึดทรัพย์กล่าวถึงเฉพาะหุ้นบริษัท WIN และรถยนต์ยี่ห้อพอร์ชเท่านั้นในส่วนของบ้าน 2 หลังขณะนี้และคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้ยึดทรัพย์แล้ว แต่เลขาธิการ ปปง.ยังไม่ได้ออกคำสั่งออกมา รวมทั้งยังมีในส่วนของหุ้นอีกบางส่วนที่กำลังพิจารณายึดทรัพย์ตามความผิดมูลฐานเดียวกันด้วย.
