MGR Online - พริตตี้สาว “กัญฐณา ศิวาธนพล” หรือน้ำตาล ผู้ต้องหาคดีโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” เข้าพบตำรวจกองปราบปราม ให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ด้านทนายยันลูกความไม่เกี่ยวข้อง พร้อมเผยพริตตี้สาวยังรับงานตามปกติ ไม่ทราบเรื่องลูกชายอายุ 1 ขวบ
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร ในคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน พร้อมด้วยนายเสกสรร เสนาชู ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง สว.กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานคดีฆ่านายชูวงษ์ ซึ่งทาง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว
นายเสกสรรค์กล่าวว่า น.ส.กัญฐณาเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้เป็นไปตามหมายเรียกเพื่อสอบปากคำในฐานะพยานคดีฆ่านายชูวงษ์ ส่วนประเด็นที่จะมีการสอบสวนนั้นตนเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่ น.ส.กัญฐณาเข้าไปมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งประเด็นที่พนักงานสอบสวนอาจยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่ยังคงเป็นการให้การในฐานะพยานในคดี ทั้งนี้ สำหรับสำนวนคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์นั้นพ้นจากอำนาจของพนักงานสอบสวนไปแล้ว จนถึงขณะนี้ทางพนักงานอัยการก็ยังไม่มีคำสั่งหรือส่งเอกสารใดๆ มาถึง น.ส.กัญฐณา อย่างไรก็ตาม ทาง น.ส.กัญฐณายังคงยืนยันความบริสุทธิ์ในการได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์
นายเสกสรรกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ของ น.ส.กัญฐณา ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ยังคงรับงานและอาศัยอยู่ที่บ้านพักใน กทม. ขณะที่บุตรชายที่อายุเกือบ 1 ขวบแล้วนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยพบและไม่ได้สอบถามเรื่องส่วนตัวของลูกความ ส่วนเรื่องคดีฆ่านายชูวงษ์นั้นยังมั่นใจว่า น.ส.กัญฐณา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คงต้องทราบประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.กัญฐณาเสียก่อน ถึงจะมีแนวทางการดำเนินการต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการออกหมายเรียก น.ส.กัญฐณา เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับตำรวจ กก.1 บก.ป.นำกำลัง 30 นาย พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 333/94 ภายในหมู่บ้านวิสต้าปาร์ค สาทร-ปิ่นเกล้า ถนนราชพฤกษ์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ของ น.ส.กัญฐณา โดยยึดเอกสารจำนวนหนึ่งภายในบ้านพักหลังดังกล่าวไว้ตรวจสอบ ซึ่งการสอบปากคำในครั้งนี้มีการนำเอกสารทั้งหมดมาให้ น.ส.กัญฐณาได้ชี้แจงข้อมูลและที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ ด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ภายหลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเสร็จสิ้นโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง น.ส.กัญฐณาไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน โดยมอบหมายให้นายเสกสรรค์เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ โดยทนายความ น.ส.กัญฐณากล่าวว่า ประเด็นที่ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.กัญฐณานั้นเป็นการยืนยันหลักฐานเอกสารต่างๆ ได้แก่ ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ตรวจยึดมาจากบ้านพักของ น.ส.กัญฐณาก่อนหน้านี้ เพื่อให้มีการยืนยันว่าเป็นของ น.ส.กัญฐณา ส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้ซักถามจาก น.ส.กัญฐณาเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์เท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นที่เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์แต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดคดีการโอนหุ้นที่พนักงานสอบสวนพยายามซักถามเพิ่มเติมนั้นเป็นทั้งการสอบทั่วๆ ไป และเป็นการยืนยันในเรื่องของเอกสาร ซึ่งทาง น.ส.กัญฐณาก็ไม่ได้ให้การใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากได้ให้การและชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และในส่วนของคดีโอนหุ้นนั้นก็อยู่ในชั้นอัยการแล้ว ทางตนจึงไม่อยากพูดอะไรมาก เกรงจะกระทบกับรูปคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากหมายเรียกพบว่าเป็นการเรียก น.ส.กัญฐณาให้ปากคำในคดีที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ซึ่งหากเป็นการซักถามเพียงคดีหุ้นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าตำรวจมองว่าการโอนหุ้นอาจเป็นมูลเหตุจูงใจที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ นายเสกสรรค์กล่าวว่า น่าจะเป็นแนวคิดของพนักงานสอบสวนที่คิดเช่นนั้น คาดว่าพนักงานสอบสวนพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ก่อนและขณะกระทำความผิด ว่า น.ส.กัญฐณาอาจจะมีส่วนเชื่อมโยง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า น.ส.กัญฐณา ไม่ได้เชื่อมโยง หรือรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์แต่อย่างใด และก็ไม่พบพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่า น.ส.กัญฐณาเชื่อมโยงด้วย
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของ น.ส.กัญฐณา กับนายชูวงษ์ และความสัมพันธ์ของ น.ส.กัญฐณา กับ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นอย่างไรนั้น นายเสกสรรค์กล่าวว่า ยังยืนยันความสัมพันธ์ตามคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ขอชี้แจงเพิ่มเติมเนื่องจากให้การไปหมดแล้ว รวมทั้งเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี