MGR Online - ผบช.ก.เรียก ตร.ชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิต “เสี่ยชูวงษ์” ติดตามความคืบหน้า รับสืบสวนเชิงลึกพบความสัมพันธ์ พ.ต.ท.บรรยิน-ป้อนข่าว ผู้ต้องหาโอนหุ้น ผลตรวจดีเอ็นเอเด็กในเครื่องใช้ชี้ชัดหลักฐานสำคัญ ยันหลักฐานทุกอย่างเที่ยงตรง
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4 บก.ป.ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจหมื่นล้าน โดยใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า คดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชน โดยในส่วนของคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้นพบว่าคืบหน้าไปมาก ตำรวจ กก.1 บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาในคดี ก่อนจะนำกำลังไปจับกุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดประกอบสำนวน เชื่อว่าจะสามารถสรุปส่งฟ้องอัยการได้ไม่เกินเดือนสิงหาคมคมนี้ ในกรณีที่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พี่สาวของนายชูวงษ์นำหลักฐานสำคัญมามอบให้ชุดสืบสวนกองปราบปรามนั้น ตนยังไม่ได้ตรวจสอบ ทราบเพียงว่าชุดสืบสวนรับหลักฐานดังกล่าวไว้แล้ว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ในส่วนของผลดีเอ็นเอที่ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ส่งมาให้ตำรวจกองปราบปรามนั้น ถือว่ามีความสำคัญและชัดเจนที่จะใช้ประกอบสำนวนได้ แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แม้ตนจะชี้แจงต่อสังคมในหลายๆ ประเด็น แต่ก็มีหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถพูดออกไปได้ แต่อยากยืนยันเพื่อให้ทางฝ่ายผู้เสียหาย และฝ่ายผู้ต้องหามั่นใจได้ว่าตำรวจจะไม่มีการคุกคาม ไม่มีเติม ไม่มีเพิ่ม ไม่มีตัด ทุกอย่างเที่ยงตรงเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทุกอย่างถูกต้องตามความจริงและชอบด้วยกฎหมาย
“ยอมรับว่าในทางสืบสวนพบความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.ท.บรรยิน และน.ส.อุรชา แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เชื่อเถอะว่าไม่ช้าไม่นานความจริงทุกอย่างก็ต้องปรากฏ” ผบช.ก.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ทาง กก.4 บก.ป.ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจสอบอุบัติเหตุเมื่อครั้งที่ น.ส.รสรินทร์ ศรีนุกูล อดีตภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน รถเสียหลักก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อปี 2534 นั้น พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าบุคคลใดทำผิด ไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ต้องถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ยอมรับว่าในคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้นมีปัญหาในส่วนของพยานหลักฐานในเรื่องของระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลานาน หลักฐานก็เสียหายไปบ้าง รวมทั้งขาดประจักษ์พยาน หรือหลักฐานที่ยืนยันว่าผู้ต้องหากระทำการ แต่ขณะเดียวกันตำรวจก็มั่นใจเนื่องจากมีพยานหลักฐานอื่นๆ ที่ก็สามารถยืนยันการกระทำการของผู้ต้องหาได้เช่นกัน
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หากผู้ต้องหาจะปฏิเสธก็เป็นสิทธิของเขา ความจริงเราชอบให้ผู้ต้องหาปฏิเสธ เนื่องจากจะได้สู้คดีกันไป เอาพยานหลักฐานมาแสดงกันเลย เพราะหากรับสารภาพก็แสดงให้เห็นผู้ต้องหาสำนึก ก็จะได้รับการลดโทษ แต่หากสู้คดีและสุดท้ายพยานหลักฐานที่มีเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทำความผิดจริง ศาลตัดสินก็จะได้รับความผิดไปเต็มๆ