ผู้จัดการรายวัน 360 - หน.พนง.สอบสวน “วัดเครือธรรมกาย” รุกป่าเมืองเลย เผยศาลอนุมัติหมายจับ “ธัมมชโย-ธรรมกาย” ฐานสร้างวัดรุกที่ป่าสงวนฯ กระจายหมายทั่ว ปทง เจอที่ไหนจับได้เลย “พระสนิทวงศ์” ตั้งโต๊ะแถลงโต้ทันควัน อ้างชื่อวัดธรรมกายครอบครอง ไม่เกี่ยวเจ้าอาวาส
วานนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร (บก.ภ.) จ.เลย พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ธวัชวิเชียร รอง ผบก.ภ. จ.เลย หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี วัดป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ เนื้อที่รวม 129 ไร่ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดเลยได้อนุมัติออกหมายจับ พระเทพมหาญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา นายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแลวัด ในข้อหาร่วมยึดครอบครองทำประโยชน์ อยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำ โดยประการใดอันเป็นการทำลายป่า และเป็นการเสื่อมเสียป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ลงวันที่ 15 ส.ค.59 เลขที่ 174/59 และ 175/59
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค.พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย โดยพบว่ามีการออกเอกสารหลักฐานตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) อันเป็นเท็จรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ เนื้อที่รวม 129 ไร่ โดยออกให้ในชื่อ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เข้าไปยึดถือครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือ เผาป่าฯ และมีความผิดตาม ม.9 (108 ทวิ) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14
“ขณะนี้ได้ส่งหมายจับไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศพบตัวที่ไหนจับกุมตัวได้เลย ส่วนการรวบรวมหลักฐานส่งให้อัยการคาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสารและหลักฐานให้แล้วเสร็จเดือนหน้านี้” พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ระบุ
ด้าน นายศักดิ์ชาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดสวนป่าหิมวันต์ แต่ไม่มีการจับกุมตัวแต่อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาเข้าแสดงตัวและไม่ได้หลบหนี ซึ่งวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย โดยไม่ได้ขอหมายจับ ในข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถางป่าสงวน โดยมีอัตราจำคุกไม่เกิน 5ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
** “ธรรมกาย” แถลงโวยไม่เป็นธรรม
วันเดียวกัน ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 16.00 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย และนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงว่า พื้นที่สวนป่าหิมวันต์ วัดพระธรรมกาย อ.ภูเรือ จ.เลย จำนวน 129 ไร่นั้น อยู่ในความครอบครองของวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่พระธัมมชโย แต่อย่างใด ตามน.ส.3 ก. เลขที่ 726 เล่ม 8ก หน้า 26 เลขที่ดิน 87 หมายเลข 5247 แผ่นที่ 118 นอกจากนี้หนังสือราชการที่ ลย.0817/1992 ลงวันที่ 24 ก.ค.59 ก็ระบุว่าพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 129 ไร่นั้น อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ
ส่วนประเด็นพื้นที่ 52 ไร่ ที่อยู่นอกเหนือ น.ส.3 ก.นั้น พระสนิทวงศ์ ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ของสวนป่าหิมวันต์ หรือวัดพระธรรมกาย หรือของพระธัมมชโย แต่อย่างใด โดยปัจจุบันเป็นของชาวบ้านในจังหวัดเลยรายหนึ่ง ซึ่งพื้นที่แห่งนี้อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2532
"ตามที่มีการนำเอาพื้นที่ดังกล่าวมากล่าวหา วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี ว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นการกล่าวหาโดยมิชอบ ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดตามข้อเท็จจริง แต่กลับมีการรวบรัด เร่งรีบ ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งไปยื่นขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี ต่อศาลจังหวัดเลย ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น สวนป่าหิมวันต์ หรือ วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพื้นที่ 52 ไร่ดังกล่าวเลย" พระสนิทวงศ์ กล่าว.
วานนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร (บก.ภ.) จ.เลย พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ธวัชวิเชียร รอง ผบก.ภ. จ.เลย หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี วัดป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ เนื้อที่รวม 129 ไร่ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดเลยได้อนุมัติออกหมายจับ พระเทพมหาญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา นายศักดิ์ชาย มงคลเคหา ผู้ดูแลวัด ในข้อหาร่วมยึดครอบครองทำประโยชน์ อยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำ โดยประการใดอันเป็นการทำลายป่า และเป็นการเสื่อมเสียป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ลงวันที่ 15 ส.ค.59 เลขที่ 174/59 และ 175/59
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค.พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า สวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย โดยพบว่ามีการออกเอกสารหลักฐานตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) อันเป็นเท็จรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ เนื้อที่รวม 129 ไร่ โดยออกให้ในชื่อ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เข้าไปยึดถือครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือ เผาป่าฯ และมีความผิดตาม ม.9 (108 ทวิ) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14
“ขณะนี้ได้ส่งหมายจับไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศพบตัวที่ไหนจับกุมตัวได้เลย ส่วนการรวบรวมหลักฐานส่งให้อัยการคาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสารและหลักฐานให้แล้วเสร็จเดือนหน้านี้” พ.ต.อ.ปิติพัฒน์ ระบุ
ด้าน นายศักดิ์ชาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดสวนป่าหิมวันต์ แต่ไม่มีการจับกุมตัวแต่อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาเข้าแสดงตัวและไม่ได้หลบหนี ซึ่งวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายศักดิ์ชาย โดยไม่ได้ขอหมายจับ ในข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถางป่าสงวน โดยมีอัตราจำคุกไม่เกิน 5ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
** “ธรรมกาย” แถลงโวยไม่เป็นธรรม
วันเดียวกัน ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 16.00 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย และนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงว่า พื้นที่สวนป่าหิมวันต์ วัดพระธรรมกาย อ.ภูเรือ จ.เลย จำนวน 129 ไร่นั้น อยู่ในความครอบครองของวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่พระธัมมชโย แต่อย่างใด ตามน.ส.3 ก. เลขที่ 726 เล่ม 8ก หน้า 26 เลขที่ดิน 87 หมายเลข 5247 แผ่นที่ 118 นอกจากนี้หนังสือราชการที่ ลย.0817/1992 ลงวันที่ 24 ก.ค.59 ก็ระบุว่าพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 129 ไร่นั้น อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ
ส่วนประเด็นพื้นที่ 52 ไร่ ที่อยู่นอกเหนือ น.ส.3 ก.นั้น พระสนิทวงศ์ ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ของสวนป่าหิมวันต์ หรือวัดพระธรรมกาย หรือของพระธัมมชโย แต่อย่างใด โดยปัจจุบันเป็นของชาวบ้านในจังหวัดเลยรายหนึ่ง ซึ่งพื้นที่แห่งนี้อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2532
"ตามที่มีการนำเอาพื้นที่ดังกล่าวมากล่าวหา วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี ว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นการกล่าวหาโดยมิชอบ ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดตามข้อเท็จจริง แต่กลับมีการรวบรัด เร่งรีบ ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งไปยื่นขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี ต่อศาลจังหวัดเลย ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น สวนป่าหิมวันต์ หรือ วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพื้นที่ 52 ไร่ดังกล่าวเลย" พระสนิทวงศ์ กล่าว.
