xs
xsm
sm
md
lg

วัดธรรมกายแถลงการณ์ 8 ข้ออ้างดีเอสไอทำคดี “ธัมมชโย” ไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - คณะสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกายแถลงการณ์ 8 ประเด็น อ้างขาดความเชื่อมั่นการสอบสวนดีเอสไอ คดี “ธัมมชโย” ฟอกเงิน-รับของโจร พร้อมร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการตามขั้นตอน

วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายแถลงการณ์วัดพระธรรมกาย แถลงการณ์กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับคดี พระธัมมชโยไปยังอัยการเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2559 ดังนี้

1. เนื้อหาในคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษ ที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจที่จะแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 ทั้งนี้ เทียบเคียงตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 9/2481 และเรื่องเสร็จที่ 776/2546 บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกระทำดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

2. การที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนีมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้วเผยแพร่ไปยังประชาชนโดยทั่วไป ก่อนที่จะนำหมายเรียกดังกล่าวมาส่งให้แก่พระเทพญาณมหามุนี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนอาจมีอคติต่อพระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้นายมโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้งกับพระเทพญาณมหามุนี เข้าร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวน ชี้นำวิธีการจัดการกับพระเทพญาณมหามุนี การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขาดความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้

3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่ง ที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 ขอความร่วมมือจากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4. คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 โดย ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ได้ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด และการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีโดยลำดับ เหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แนะนำให้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนีก็ได้ดำเนินการตามคำแนะนำเรียบร้อย และมีการนัดประชุมของคณะกรรมการครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2559

5. แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2559 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิถุนายน ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ ทั้งการออกหมายจับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว 6. วัดพระธรรมกายรู้สึกเสียใจและขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไม่รักษาข้อตกลง ไม่ให้เกียรติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและการคณะสงฆ์ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าอาจมีเล่ห์กลอุบาย

7. พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจนและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกายยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับสมาชิกสหกรณ์ และ 8. การดำเนินคดีนี้กับพระเทพญาณมหามุนี จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ท้ายแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า วัดพระธรรมกายเคารพในกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น