MGR Online - ผอ.สำนักสื่อฯ วัดพระธรรมกายแจง “พระมหาบุญชัย” ผอ.ฝ่ายการเงิน เบี้ยวให้ปากคำดีเอสไอเป็นครั้งที่ 3 เพราะเวลากระชั้นชิดหาเอกสารไม่ทัน อ้างประมวลกฎหมายแพ่งพระมีเอกสิทธิ์จะไปให้ปากคำหรือไม่ก็ได้ ย้ำเป็นพระไม่ใช่โจร ถือศีล 227 ข้อ ขอยื่นยันความถูกต้อง
ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวกรณี พระมหาบุญชัย จารุทัตโต ถูกดีเอสไอแจ้งความ #theta360 - Spherical Image - RICOH THETA
ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวกรณี พระมหาบุญชัย จารุทัตโต ถูกดีเอสไอแจ้งความ #theta360 - Spherical Image - RICOH THETA
วันนี้ (3 ส.ค.) เวลา 13.30 น. ที่วัดพระธรรมกาย พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักการเงินการธนาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีฟอกเงินจากการรับเช็คของวัดพระธรรมกาย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีต่อพระมหาบุญชัย จารุทัตโต ผอ.ฝ่ายการเงินและบัญชี ของวัดพระธรรมกาย ผู้รับผิดชอบด้านการเงินของวัด ที่มีอำนาจสั่งจ่ายเช็ค ในข้อหาขัดหมายเรียก หลังไม่เดินทางมาให้ปากในฐานะพยานต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นครั้งที่ 3
พระสนิทวงศ์กล่าวชี้แจงว่า ตามที่ดีเอสไอได้มีหมายเรียกพระมหาบุญชัยไปให้ปากคำในฐานะพยานคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพระมหาบุญชัยได้ขอเลื่อนกำหนดนัดไป 2 ครั้ง เป็นวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา พระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก ผู้ช่วยของพระมหาบุญชัยได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนเองได้ฝากพระถวัลย์ศักดิ์ให้ไปบอกพระมหาบุญชัยเตรียมรายละเอียดทางการเงินของวัด ก่อนจะเดินทางเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย แต่เนื่องด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดจนเกินไป พระมหาบุญชัยไม่สามารถเตรียมเอกสารได้ทันทีจึงขอเลื่อนกำหนดนัดเป็นวันที่ 18 ส.ค.นี้ แต่ทางดีเอสไอไม่ยินยอมให้เลื่อน และไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพระมหาบุญชัยที่ สน.ทุ่งสองห้อง
พระสนิทวงศ์กล่าวอีกว่า วัดพระธรรมกายเองได้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนของดีเอสไอด้วยดี พระถวัลย์ศักดิ์ก็ได้เข้าให้ปากคำไปแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็มีกำหนดเข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) ขอยืนยันว่าจะเดินทางไปให้ปากคำอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ดีเอสไอระบุว่าต้องสรุปสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อส่งให้พนักงานอัยการภายในวันที่ 11 ส.ค.นี้นั้นไม่เป็นความจริง เพราะมีหนังสือจากดีเอสไอไปยังพยานอื่นๆ อีกหลายคนให้เข้ามาให้ปากคำในช่วงระหว่างวันที่ 17-24 ส.ค.นี้
พระสนิทวงศ์ยังกล่าวต่อไปว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 106/1(2) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ระบุว่า ห้ามมิให้ออกหมายเรียกพระภิกษุมาเป็นพยานไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งการที่พระภิกษุได้หมายเรียก จะเดินทางไปให้ปากคำหรือไม่ก็ได้ ถือเป็นเอกสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่ในกรณีนี้พระมหาบุญชัยได้ให้ความร่วมมือไปเป็นพยาน เพียงแต่ขอเวลาเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเท่านั้น ทั้งนี้ ทางวัดพระธรรมกายได้มีหนังสือแจ้งให้ดีเอสไอทราบก่อนหน้านี้แล้ว แต่ดีเอสไอกลับไปแจ้งความดำเนินคดี
“ที่ผ่านมาทางวัดพระธรรมกายได้มีการประสานงานกับดีเอสไอมาตลอด โดยทำงานเป็นขั้นตอน แต่พอมีกรณีนี้เกิดขึ้นทางวัดเองก็ต้องออกมาชี้แจง เพื่อขอความเป็นธรรม พระภิษุไม่ใช่โจรและยังถือศีล 227 ข้อ อยู่ในพระธรรมวินัยมาโดยตลอด ขอยืนยันความถูกต้อง” พระสนิทวงศ์กล่าว
นอกจากนี้ พระสนิทวงศ์ยังกล่าวถึงอาการอาพาธของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่าขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งทางคณะเเพทย์ ได้เสนอแนวทางว่าพระธัมมชโยยังไม่ควรออกมาปฏิบัติพิธีทางศาสนกิจ ส่วนรายละเอียดของอาการจะดีขึ้นหรือไม่ขณะนี้ยังไม่ทราบ เพราะไม่อยากไปรบกวนการพักรักษาของพระธัมมชโย