ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีทูเอส จำกัด ใช้เวลากว่า 3 ปี คิดโมเดลธุรกิจร้านหนังสือที่จะแข่งขันเท่าทันสื่อออนไลน์ ท่ามกลางวิกฤตการปิดตัวของนิตยสารหลายเล่มส่งสัญญาณต่อเนื่อง จนกระทั่งสรุปผลลัพธ์จากโจทย์ทางธุรกิจข้อสำคัญกลายเป็นร้านรูปแบบล่าสุด “ธิงค์สเปซ (Think Space)” โดยเพิ่มส่วนผสมสำคัญที่สุด คือ ไลฟ์สไตล์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็น “ทางรอด” ของร้านหนังสือและสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับสื่อออนไลน์ด้วย
“ร้านหนังสือกำลังแข่งกับออนไลน์ หลายประเทศศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ว่าญี่ปุ่น อังกฤษ หรือนิวยอร์ก คำตอบอยู่ที่การใส่ไลฟ์สไตล์เข้าไปในทุกส่วน ทำให้ร้านหนังสือไม่ได้เป็นแค่ร้านขายหนังสือ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ของคน เราสามารถดึงผู้คน แค่เขาหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ก็ถือว่านักเขียนและธุรกิจชนะแล้ว” นายสมชัยกล่าว
แน่นอนว่า บีทูเอส ธิงค์สเปซ ยังเป็นกลยุทธ์การทดลองตลาดที่ต้องรอผลตอบรับอย่างน้อย 1-2 ปี ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา บีทูเอสพยายามงัดโมเดลร้านค้าหลากหลายรูปแบบ ทั้งร้านขนาดเล็กเหมาะกับชุมชน พื้นที่น้อยกว่า 800 ตารางเมตร เน้นการจำหน่ายหนังสือ ร้านขนาดกลาง พื้นที่มากกว่า 800 ตร.ม. เหมาะกับคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 1,500 ตร.ม. เน้นจับกลุ่มลูกค้าในศูนย์การค้าขนาดใหญ่
ก่อนหน้านี้ บีทูเอสได้ปรับโมเดลร้านที่เรียกว่า บีทูเอส สเปซ ในสาขาเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 โดยขยายพื้นที่จัดกิจกรรมมากถึง 400 ตร.ม. เพื่อสร้างความแปลกใหม่และเสริมไลฟ์สไตล์เข้าไปในร้านหนังสือ แต่กลับเจอปัญหาจากลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
จากร้านขนาด 1,500 ตร.ม. จึงกลายเป็น ธิงค์สเปซ พื้นที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 3,000 ตร.ม. เปลี่ยนจากร้านหนังสือเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ สถานที่แห่งที่ 3 นอกเหนือจากบ้านและออฟฟิศ โดยบริษัทใช้เงินลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์กลางของผู้ผลิตหนังสือ นักเขียน และต่อยอดสร้างพันธมิตรธุรกิจ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถาบันกวดวิชา หรือแม้กระทั่งโรงเรียนศิลปะสำหรับเด็กๆ
สมชัยกล่าวว่า 15 ปีที่ผ่านมา บีทูเอสเป็นเพียง รีเทลบุ๊ก ขายหนังสือ อุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์อาร์ตและสินค้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในรูปแบบฟังก์ชันตามความต้องการของลูกค้า แต่เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนบีทูเอสต้องเป็นมากกว่าร้านหนังสือ จึงสร้างโปรเจ็กต์ในคอนเซ็ปต์ CURATORIAL LIFESTYLE BOOK STORE ชื่อว่า ธิงค์สเปซ บีทูเอส โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มครอบครัว ครีเอทีฟ ฟรีแลนซ์ นักเรียนนักศึกษา คนทำงานและผู้บริหาร
ที่สำคัญ คือการสร้างแลนด์มาร์ก “Book Terraces” ภูเขาหนังสือที่มีการดิสเพลย์หนังสือมากกว่าแสนเล่ม พื้นที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นร้านสโตร์คอนเซ็ปต์แห่งแรก โดยแบ่งพื้นที่เป็น อินสปายเรชั่น 5 สเปซหลัก คือ 1. LIFESTYLE BOOK SPACE พื้นที่ Book Terraces รวบรวมไลฟ์สไตล์ของผู้คน 12 ไลฟ์สไตล์โซน ประกอบด้วย Travel, Leisure, Craft , Smart, Wisdom, Fiction, Cookery, Entertainment, Art & Design, Study, Work และ Family
2. ART X IDEA SPACE พื้นที่งานศิลป์ มีผลงานของศิลปินคนไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสินค้าดีไซน์ที่ได้รางวัล เช่น Furniture Design, Design Stationery และ Office Accessories
3. ENTERTAINMENT SPACE พื้นที่หนังและเพลง โดยสร้างห้อง Music Room รวบรวมหนังและเพลงครบทุกประเภท ทั้งไทยและต่างประเทศที่หายาก มีร้านเครื่องเสียงระดับพรีเมียม B&O Play by Bang & Olufsen เข้ามาเป็นแม็กเน็ตใหม่
4. PLAY X LEARN SPACE แหล่งรวมโรงเรียนสอนทักษะเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กและเสริมจินตนาการให้กับลูกน้อยในโซนไลฟ์สไตล์ Family 8 สถาบัน เช่น Clayworks, Chefutown, Babies Genius, Kinderprep by Ivy Bound International School, I Genius, Helen Doron English, Yamaha Music School และ A Little Something
โซนสุดท้าย NETWORKING SPACE เป็นพื้นที่กิจกรรม โดยพุ่งเป้ากลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโต โดยเพิ่มบริการ Co-Working Space สำหรับการนั่งทำงานหรือเจรจาธุรกิจ ค่าบริการวันละ199 บาท ซึ่งบีทูเอสดึงเอไอเอสเข้ามาให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีในพื้นที่ มีร้านอาหาร COVER ll COVER Eat & Drink ที่เป็นร้านโปรเจ็กต์ร่วมกับเชฟพล ตัณฑเสถียร และร้านคาเฟ่จากบาริสต้าชื่อดัง Amatissimo เพิ่มความพรีเมียมมากขึ้น
นอกจากนี้ ในพื้นที่กิจกรรมยังเน้นกลุ่มนักคิดสาขาต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปคราฟท์แอนด์อาร์ต อย่างล่าสุด การจัดมินิคอนเสิร์ตของ FUNKTION (ฟังค์ชัน) ศิลปินแจ๊สไทยวงแรก เจ้าของรางวัล สีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 27 สาขา เพลงบรรเลงยอดเยี่ยม หรือการดึงดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก Marcel Wanders กับ Rijksmuseum เข้ามาเปิดตัวหนังสือ “Rijks, Masters of the Golden Age” ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์คอลลาโบเรชั่นแห่งปี ซึ่งสมชัยยืนยันว่าจะเป็นจุดต่างที่จะทำให้บีทูเอสเติบโตได้อย่างมั่นคง
ขณะเดียวกันการเลือกสาขาต้นแบบธิงค์สเปซในเซ็นทรัลพลาซา อีสต์วิลล์ เพราะจากการสำรวจข้อมูลในพื้นที่ถือเป็นแหล่งรวมสตาร์ทอัพและคนทำงานฟรีแลนซ์จำนวนมาก รวมถึงกลุ่มศิลปินและกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูง
ที่สำคัญ ตามแผนของทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด วางโรดแมพสร้างเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ยึดครองตลาดฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เหมือนย่าน “โอโมเตะซันโดะ” ในโตเกียว ย่านอาร์ตติสต์ ทั้งแฟชั่น ศิลปะ บาร์ คาเฟ่ คลับ ร้านหนังสือ และแกลเลอรี ซึ่งธิงค์สเปซ บีทูเอส ถือเป็นแม็กเน็ตชิ้นสำคัญด้วย