ข้าราชการที่ทำตัวเป็นลูกสมุนรับใช้นายทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกลำเลียงส่งตัวเข้าคุกกันเป็นว่าเล่น ล่าสุดเป็นคิวของนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมพวกรวม 5 คน
ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตัดสินจำคุกนางเบญจา พร้อมอดีตผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร อีก 3 คน คนละ 3 ปี และสั่งจำคุกคนใกล้ชิดเลขาฯ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คดีนางเบญจาเกิดขึ้นช่วงปี 2549 โดยกลุ่มชินวัตรได้ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยนางเบญจาซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอีก 3 คน สมคบกันช่วยนายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร จนไม่ต้องเสียภาษีการขายหุ้น
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า นางเบญจามีความสนิทสนมกับคุณหญิงพจมาน เคยให้ความช่วยเหลือกัน และเข้าใจว่า ทำตัวเป็นที่ปรึกษาด้านภาษีให้คุณหญิงพจมานอย่างไม่เป็นทางการมานานแล้ว
ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ได้มา ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะเป็นผลจากการรับใช้คุณหญิงพจมาน จนได้รับการตบรางวัล
ข้าราชการที่ก้มหัวรับใช้ “ทักษิณ” จะได้รับการตบรางวัลด้วยตำแหน่ง โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้ตำแหน่งเป็นรางวัลของความภักดี
และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็ใจกล้า หน้าไม่สะทกสะท้าน เพราะถึงขั้นเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อให้ “ทักษิณ” ประดับยศให้ พร้อมประกาศว่า
ตำแหน่ง ผบช.น.ที่ได้ พี่(ทักษิณ)ให้มาอีกต่างหาก
ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมข้าราชการที่เป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงหาคนดีไม่ค่อยได้ มีแต่ข้าราชการที่ยอมเป็น “ขี้ข้า” เสนอตัวรับใช้ “ทักษิณ” เท่านั้น ที่ได้รับตำแหน่ง
“ทักษิณ” ไม่สนใจว่า ข้าราชการคนใดเลวอย่างไร ขอเพียงก้มหัวรับใช้ก็พร้อมประเคนตำแหน่งฟาดหัวแล้ว
แต่ตำแหน่งที่ได้มาโดยมิชอบ ลาภ ยศ ที่แลกด้วยการขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากจะไม่ได้รับการสรรเสริญ นอกจากไม่จีรังแล้ว วันหนึ่งความผิดที่ก่อไว้ จะย้อนกลับมาเล่นงาน เช่นเดียวกับนางเบญจา และข้าราชการอีกหลายหน่วยงานที่กำลังถูกคิดบัญชี
ถ้าย้อนเวลาได้ นางเบญจาคงจะเปลี่ยนอดีตตัวเองใหม่ ไม่ยอมรับใช้ตระกูลชินวัตร ไม่ยอมใช้อำนาจหน้าที่เพื่อช่วยคนโกง และมุ่งมั่นเป็นข้าราชการที่ดี ไม่โลภในลาภ ยศ สรรเสริญ จนทำให้ต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ
เพราะถ้าไม่ประพฤติมิชอบ ไม่รับใช้คุณหญิงพจมาน วันนี้นางเบญจาจะใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างสงบ ไม่มีคดีติดตัว ไม่มีคุกตารางรออยู่ ไม่ต้องมีลมหายใจบนความอับอาย
แต่ไม่มีใครเปลี่ยนอดีตได้ ไม่มีใครช่วยให้นางเบญจาและข้าราชการกรมสรรพากรอีก 3 คนพ้นจากความผิดที่ก่อไว้
ถึงคิวคิดบัญชีข้าราชการที่เป็นขี้ข้า “ทักษิณ” แล้ว และไม่ได้มีเฉพาะนางเบญจา ไม่ได้มีเฉพาะคดีการช่วยลูก “ทักษิณ” เลี่ยงภาษีเท่านั้น แต่ยังมีข้าราชการระดับอธิบดีในกระทรวงพาณิชย์อีกหลายคนที่อยู่ในข่ายที่จะต้องเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกับนางเบญจา จากคดีทุจริตรับจำนำข้าว
แม้ว่าข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ยอมขายตัวเพื่อแลกตำแหน่งอีกจำนวนมาก จะลอยนวล โดยไม่มีคดีติดตัว แต่ข้าราชการ “ขี้ข้า” เหล่านั้น ก็ต้องอยู่อย่าง “มุดหัว” ไม่มีที่ยืน เพราะถูกสังคมรุมประณาม
คดีนางเบญจา คดีทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งจะทำให้ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เดินเข้าคุกเป็นพรวน จะเป็นอุทาหรณ์เตือนข้าราชการว่า อย่าริทำผิด อย่าประพฤติชั่ว อย่าขายวิญญาณให้นักการเมืองเพื่อแลกกับตำแหน่ง
เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป ไม่มีนักการเมืองคงกะพัน แม้แต่ “ทักษิณ” ซึ่งหลายคนคิดว่า จะมีอำนาจอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีใครโค่นล้มได้ ทำให้ข้าราชการแห่ไปสวามิภักดิ์ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้ และไม่กลัวการกระทำผิดใดๆ โดยจะได้รับการปกป้องจาก “ทักษิณ”
แต่สุดท้ายอำนาจ “ทักษิณ” ก็สิ้นสลาย ข้าราชการที่เคยเป็นขี้ข้ารับใช้ จึงต้องตายกันเป็นเบือ และ “เบญจา หลุยเจริญ” ก็ไม่ใช่รายสุดท้ายเสียด้วย
ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตัดสินจำคุกนางเบญจา พร้อมอดีตผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร อีก 3 คน คนละ 3 ปี และสั่งจำคุกคนใกล้ชิดเลขาฯ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คดีนางเบญจาเกิดขึ้นช่วงปี 2549 โดยกลุ่มชินวัตรได้ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยนางเบญจาซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอีก 3 คน สมคบกันช่วยนายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร จนไม่ต้องเสียภาษีการขายหุ้น
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า นางเบญจามีความสนิทสนมกับคุณหญิงพจมาน เคยให้ความช่วยเหลือกัน และเข้าใจว่า ทำตัวเป็นที่ปรึกษาด้านภาษีให้คุณหญิงพจมานอย่างไม่เป็นทางการมานานแล้ว
ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ได้มา ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะเป็นผลจากการรับใช้คุณหญิงพจมาน จนได้รับการตบรางวัล
ข้าราชการที่ก้มหัวรับใช้ “ทักษิณ” จะได้รับการตบรางวัลด้วยตำแหน่ง โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้ตำแหน่งเป็นรางวัลของความภักดี
และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็ใจกล้า หน้าไม่สะทกสะท้าน เพราะถึงขั้นเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อให้ “ทักษิณ” ประดับยศให้ พร้อมประกาศว่า
ตำแหน่ง ผบช.น.ที่ได้ พี่(ทักษิณ)ให้มาอีกต่างหาก
ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมข้าราชการที่เป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงหาคนดีไม่ค่อยได้ มีแต่ข้าราชการที่ยอมเป็น “ขี้ข้า” เสนอตัวรับใช้ “ทักษิณ” เท่านั้น ที่ได้รับตำแหน่ง
“ทักษิณ” ไม่สนใจว่า ข้าราชการคนใดเลวอย่างไร ขอเพียงก้มหัวรับใช้ก็พร้อมประเคนตำแหน่งฟาดหัวแล้ว
แต่ตำแหน่งที่ได้มาโดยมิชอบ ลาภ ยศ ที่แลกด้วยการขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากจะไม่ได้รับการสรรเสริญ นอกจากไม่จีรังแล้ว วันหนึ่งความผิดที่ก่อไว้ จะย้อนกลับมาเล่นงาน เช่นเดียวกับนางเบญจา และข้าราชการอีกหลายหน่วยงานที่กำลังถูกคิดบัญชี
ถ้าย้อนเวลาได้ นางเบญจาคงจะเปลี่ยนอดีตตัวเองใหม่ ไม่ยอมรับใช้ตระกูลชินวัตร ไม่ยอมใช้อำนาจหน้าที่เพื่อช่วยคนโกง และมุ่งมั่นเป็นข้าราชการที่ดี ไม่โลภในลาภ ยศ สรรเสริญ จนทำให้ต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ
เพราะถ้าไม่ประพฤติมิชอบ ไม่รับใช้คุณหญิงพจมาน วันนี้นางเบญจาจะใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างสงบ ไม่มีคดีติดตัว ไม่มีคุกตารางรออยู่ ไม่ต้องมีลมหายใจบนความอับอาย
แต่ไม่มีใครเปลี่ยนอดีตได้ ไม่มีใครช่วยให้นางเบญจาและข้าราชการกรมสรรพากรอีก 3 คนพ้นจากความผิดที่ก่อไว้
ถึงคิวคิดบัญชีข้าราชการที่เป็นขี้ข้า “ทักษิณ” แล้ว และไม่ได้มีเฉพาะนางเบญจา ไม่ได้มีเฉพาะคดีการช่วยลูก “ทักษิณ” เลี่ยงภาษีเท่านั้น แต่ยังมีข้าราชการระดับอธิบดีในกระทรวงพาณิชย์อีกหลายคนที่อยู่ในข่ายที่จะต้องเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกับนางเบญจา จากคดีทุจริตรับจำนำข้าว
แม้ว่าข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ยอมขายตัวเพื่อแลกตำแหน่งอีกจำนวนมาก จะลอยนวล โดยไม่มีคดีติดตัว แต่ข้าราชการ “ขี้ข้า” เหล่านั้น ก็ต้องอยู่อย่าง “มุดหัว” ไม่มีที่ยืน เพราะถูกสังคมรุมประณาม
คดีนางเบญจา คดีทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งจะทำให้ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เดินเข้าคุกเป็นพรวน จะเป็นอุทาหรณ์เตือนข้าราชการว่า อย่าริทำผิด อย่าประพฤติชั่ว อย่าขายวิญญาณให้นักการเมืองเพื่อแลกกับตำแหน่ง
เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป ไม่มีนักการเมืองคงกะพัน แม้แต่ “ทักษิณ” ซึ่งหลายคนคิดว่า จะมีอำนาจอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีใครโค่นล้มได้ ทำให้ข้าราชการแห่ไปสวามิภักดิ์ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้ และไม่กลัวการกระทำผิดใดๆ โดยจะได้รับการปกป้องจาก “ทักษิณ”
แต่สุดท้ายอำนาจ “ทักษิณ” ก็สิ้นสลาย ข้าราชการที่เคยเป็นขี้ข้ารับใช้ จึงต้องตายกันเป็นเบือ และ “เบญจา หลุยเจริญ” ก็ไม่ใช่รายสุดท้ายเสียด้วย