xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-จีน ใช่อื่นไกล โปรดใช้สติ

เผยแพร่:   โดย: อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

แฟ้มภาพ
อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


“เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ
ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
อย่างเลิศดีตามมีและตามเกิด
ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ”


บทพระราชนิพนธ์เรื่องพระร่วง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


ไทย-จีน ใช่อื่นไกล ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพลเมืองเชื้อสายจีนเป็นสัดส่วนต่อประชากรอาจจะมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก China town หรือเยาวราชของเราก็เป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่สุดในโลก หลายๆ คนก็มีบรรพบุรุษอพยพมาจากจีนตอนใต้ เช่น แต้จิ๋ว กวางตุ้ง แคะ หรือ ไหหลำ

จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยมีมากมายมหาศาลกลับหายไปจนในบางจังหวัดเช่น เชียงราย ตกอยู่ในขั้นหงอยเหงา ทั้งๆ ที่เคยคึกคักมีนักท่องเที่ยวจีนมากมาย สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาล

สืบสาวราวเรื่องจึงทำให้ทราบว่าคนจีนเองบนโลกออนไลน์เกิดความไม่พอใจหรือต่อต้านเพราะคนไทยไปดูถูกคนจีน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะทั้งคนไทยและคนจีนห่วงเรื่องหน้าตา ยอมรับไม่ได้กับการดูถูกดูแคลนของชนชาติอื่นๆ เราต้องไม่ลืมว่าจีนเองเป็นชาติมหาอำนาจและมีความภาคภูมิใจในการเป็นศูนย์กลางของโลก แต่คนไทยกับมีกระแสต่อต้านและดูถูกอย่างรุนแรง ผมนึกถึงบัตรเครดิตการ์ดของอเมริกายี่ห้อหนึ่งที่เข้าไปเมืองจีนครั้งแรกแล้วไปทำป้ายทองเหลืองอธิบายโบราณสถานต่างๆ ว่า ทุกสิ่งทำให้เป็นจริงได้ ด้วย xxx แบบอเมริกันอีโก้ ผลก็คือคนจีนลุกฮือต่อต้านทันทีว่าโบราณสถานพระราชวังเก่าแก่นับพันๆ ปี นั้น อเมริกันเป็นคนสร้างขึ้นมาหรือไร ผลท้ายที่สุดบัตรเครดิตยี่ห้อนั้นก็ถูกต่อต้านโดยกระแสชาตินิยมอย่างรุนแรงต่อจีน

อันที่จริงคนไทยมีความคุ้นเคยกับคนจีนมากที่สุด หรือว่า ความคุ้นเคยจะบ่มให้เกิดความเหยียดหยาม (Familiarity breeds contempt) อย่างที่ชาวตะวันตกชอบพูดกัน

จริงๆ ควรต้องเข้าใจก่อนว่า คนจีนมองคนไทยในแง่ดีมาก ไท่กั๋ว แปลว่าเจริญ รุ่งเรือง และสินค้าไทยในจีนขายดีมาก ข้าวหอมมะลิเอย ชาตรามือเอย อาหารการกินจำนวนมากจากไทยได้รับการยอมรับและถือว่าเป็นสินค้าชั้นเลิศเกรดเอ มีร้านขายชาไทยในย่านวัยรุ่นสุดฮิตกลางกรุงปักกิ่ง กระทั่งละครและดาราไทยก็ได้รับความนิยมสูงมากในจีน

เราคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ประเทศจีนเองมีคนมากเหลือเกิน และเคยผ่านความลำบากมามาก สังคมของเขาต้องสอนให้คนเข้มแข็งต่อสู้ ถ้าไม่ต่อสู้จะอยู่ไม่รอด ในอดีตนั้นเคยอดตายกันมาแล้วก็มี ผ่านสงครามกลางเมือง ผ่านภัยพิบัติต่างๆ มามากมาย ทำให้คนจีนต้องต่อสู้เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

ผมเองไปเมืองจีนจะต้องเจอสภาพที่นักท่องเที่ยวจีนวิ่งแข่งกันกรูเข้าเครื่องบินทั้งๆ ที่มีการล็อคที่นั่ง เครื่องบินพึ่งจะแตะรันเวย์จะแลนดิงก็มีคนจีนรีบลุกขึ้นมาเปิดฝาช่องใส่ของบนเครื่องบินซึ่งอยู่เหนือศีรษะ เพื่อจะได้ลงเครื่องบินได้ไวที่สุด จนแอร์โฮสเตสต้องรีบตะโกนและวิ่งมาห้ามเพราะจะเป็นอันตรายได้

การปฏิวัติวัฒนธรรมทำให้รากเหง้าทางวัฒนธรรมและศาสนาหายไปเกือบหมดสิ้นตั้งแต่สมัย Red Guard คนจีนในปัจจุบันมีน้อยมากที่นับถือศาสนา เมื่อลองถามดูส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนาใดๆ ลักษณะและความเป็นมาทางประวัติศาสตร์เหล่านี้อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนขาดรากเหง้าทางวัฒนธรรมและไม่ประพฤติให้เหมาะสมในสายตาคนไทยเรา คนจีนเองเป็นประเทศที่ลืมตาอ้าปากร่ำรวยอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ เพิ่งจะได้เปิดโลกออกมานอกประเทศไม่นานนัก หลายคนก็อาจจะไม่เคยไปต่างประเทศเลย

เราควรต้องมองในภาพกว้างว่า เขาชอบเรามีความคิดที่ดีกับเรา อยากมาเที่ยวบ้านเรา ส่วนเรื่องพฤติกรรมการท่องเที่ยวอาจจะต้องปรับปรุง อันที่จริงได้ข่าวว่าหลังจากมีข่าว นักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมแย่ๆ ถึงกับถูกรัฐบาลจีนแบนห้ามเดินทางออกนอกประเทศเพราะทำให้ประเทศเสียชื่อเสียงกันเลยนะครับ

เรื่องที่เราคิดต่อกันในทางไม่ดีและนำไปสู่ความเหยียดหยามดูถูกนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม

การที่เรามีภาพในความคิดต่อกันและกันในทางลบนั้นคงไม่เป็นเรื่องดี ในสมัยลัทธิแมคคาร์ธีและทฤษฎีโดมิโนกำลังรุ่งเรือง ทางประเทศไทยเองก็วาดภาพคอมมิวนิสต์ไว้อย่างน่ากลัวมาก เช่น คอมมิวนิสต์มาศาสนาหมด ภาพของคนจีนและชาติจีนในยุคนั้นค่อนข้างไปในทางลบ เช่น การศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.เขียน ธีระวิทย์ ในปี 2518 และพบว่าทรรศนะของคนไทยที่มีต่อจีนในกลุ่มผู้นำมติมหาชน (สมาชิกสภานิติบัญญัติ) มีทัศนคติที่หวาดระแวงจีน กลุ่มผู้นำนักศึกษามีทัศนคติที่มีไมตรีจิตต่อจีน และมหาชน (คนไทยทั่วไป) มีทัศนคติที่เกลียดกลัวจีนมากกว่าทั้งสองกลุ่มแรก ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตและเป็นผลจากการปลุกผีคอมมิวนิสต์ในยุคนั้นโดยชาติตะวันตก

แต่การศึกษาเรื่องภาพในความคิดที่คนไทยมีต่อประเทศต่าง ในปี 2523 โดยศาสตราจารย์ ดร.ชัยพร วิชชาวุธ พบว่าคนไทยมีภาพในความคิดของนิสิตนักศึกษาไทยที่มีต่อคนจีนอย่างชัดเจนมากที่สุด และผลการศึกษาพบว่าคนไทยมีภาพในความคิดว่าคนจีนเป็นคนขยัน เป็นคนฉลาด เป็นคนกระตือรือร้น ประหยัด และ แข็งแรง ซึ่งค่อนข้างบวกมาก

ในปี 2548 อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ทิพย์นภา หวนสุริยา และชลัมพร เถระกุล ได้ศึกษาวิจัยภาพในความคิดที่คนไทยมีต่อคนจีนและพบว่าภาพในความคิดที่ชัดเจนมากคือ หัวการค้า ขยัน อดทน ประหยัด และ งก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพในความคิดทางบวกมากเช่นกัน

ในปีนี้ ภาพในความคิดที่คนไทยเคยมีต่อคนจีน อาจจะเปลี่ยนไป เพราะมีกระแสต่อต้านนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างแพร่หลาย แต่ยังไม่ได้มีใครศึกษาให้ชัดเจน ที่น่าห่วงคือคนเราทำตามที่เราคิด (People act as they believe) ในขณะนี้คนจีนก็น้อยใจและมีความรู้สึกต่อต้านไม่ต้องการมาเที่ยวเมืองไทยเช่นกัน

ฝั่งคนไทย ก็มีกระแสว่า นักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ มีเยอะแต่ปริมาณ แต่ไม่ได้นำรายได้เข้ามาประเทศเรา และมาทำให้ทรัพยากรการท่องเที่ยวของเราเสียหาย

ทั้งหมดนี้ถ้ามองกันจริงๆ เป็นเรื่องของการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพของเรา

ข้อแรก ตรวจคนเข้าเมือง ของไทยเอง ก็ปล่อยให้คนจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาทำมาค้าขายกันอย่างอิสระเสรีในบ้านเรา แถวรัชดาภิเษก แยกเหม่งจ๋าย ทุกวันนี้เป็นเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ มีซินตึ๊งใหม่เข้ามามากมาย ค้าขายได้กำไรแล้วก็ไป รอบๆ มหาวิทยาลัยเอกชน แถวๆ ประชาชื่นริมคลองประปา มีนักศึกษาจีนมาเรียนกันมากมาย แต่กลายเป็นว่าไม่ได้ตั้งใจมาเรียนหนังสือก็มี มาทำมาค้าขายตั้งร้านค้ากันก็มาก เรื่องแบบนี้ทางการไทยต้องเข้มงวดเอง ที่กล่าวกันว่าบริษัททัวร์จีนพานักท่องเที่ยวจีนมาลง เขาก็เช่ารถบัสทัวร์ของคนจีน พาลูกทัวร์ไปกินข้าวร้านของคนจีน ไปซื้อของร้านของคนจีนเช่นกัน ตกลงไทยเราแทบไม่ได้อะไรจากการมีนักท่องเที่ยวจีนมา ตกลงนี่เป็นความผิดของนักท่องเที่ยวจีน หรือเป็นความผิดของทางราชการไทยที่ไม่ได้ดูแลเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองให้รัดกุม ถ้าหากเราดูแลเรื่องนี้ให้รัดกุม จับกุมและส่งกลับ ไม่ให้มาทำมาค้าขายกันแบบนี้ เราก็จะมีรายได้ ดังนั้นจะโทษใครได้

ข้อสอง ธุรกิจเอกชนไทย โดยเฉพาะบริษัททัวร์ไทย ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่เก่งพอที่จะจัดการได้ บุคลากรที่เข้าใจภาษาจีนในระดับขั้นดีไม่ได้มีเพียงพอ คนเราถึงอย่างไรก็อยากพูดกับคนที่พูดภาษาเดียวกัน อีกประการคือความเข้าใจลูกค้าคนจีนก็ค่อนข้างน้อย อย่างเรื่องการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตนั้น จีนมีระบบแยกออกไปต่างหากแตกต่างจากโลกตะวันตกชัดเจน ถ้าบริษัทไทยพัฒนาและแข่งให้สามารถสู้ได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์จีนได้ ปัญหาที่ว่ามีแต่นักท่องเที่ยวจีนปริมาณมาก คุณภาพต่ำ ก็จะดีขึ้น

ข้อสาม พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นปัญหา เรื่องนี้ก็สามารถที่จะแก้ไขได้ เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็อาจจะทำ Do’s and Don’ts in Thailand สำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นภาษาจีน อย่าลืมว่าคนจีนอาจจะไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำที่ฟังภาษาจีนกลางออก ดังนั้นต้องทำ subtitle ภาษาจีนไว้ด้วย หรือจะทำเป็นเสียงภาษาจีนหลายสำเนียงได้ยิ่งดี ว่าอะไรคือพฤติกรรมที่ควรทำหรือไม่ควรทำ สำหรับนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย และมัคคุเทศก์ชาวไทยที่ดูแลนักท่องเที่ยวจีนก็จะต้องเปิดวีดีทัศน์นี้ให้นักท่องเที่ยวจีนได้ชมตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย อาจจะออกเป็นกฎข้อบังคับเลยก็สามารถทำได้ เวลาเราไปต่างประเทศมัคคุเทศก์ท้องถิ่นก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลเราอยู่แล้วว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เรื่องแบบนี้ถ้าให้ความรู้กันจริงๆ ก็น่าจะพอจะบรรเทาปัญหาได้

เรื่องนี้ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรม ก็คงต้องบอกว่า ปัญหาอยู่ที่ไทยเราเองที่ไม่สามารถจัดการกับนักท่องเที่ยวจีนและธุรกิจจีนตลอดจนคนจีนที่ลักลอบเข้ามาทำมาค้าขายได้อย่างดีเพียงพอ ที่แย่สุดคือภาคราชการเองอาจจะทำหน้าที่ไม่ได้ดีเพียงพอเช่นกัน แต่ก็ยังสามารถแก้ไขได้
กำลังโหลดความคิดเห็น