ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ควงแขนผู้การฯ ภูเก็ต เผยความคืบหน้าคดีนอมินี “ทรานลี่” ยึดหมดแล้วทั้งเรือ และรถ รู้หลังถูกสั่งปิดทุกบริษัทยังส่งลูกทัวร์จีนให้เครือข่าย ไม่ตามเช็กหากไม่ทำผิดกฎหมาย ยันไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับผลกระทบ พร้อมระบุกิจการที่รับทัวร์จีนในภูเก็ตไม่ได้เป็นนอมินีทั้งหมด ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวเห็นดีเห็นงามทำทัวร์จีนแย่ๆ หมดไปจากภูเก็ต
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (21 ก.ค.) ที่ห้องประชุมกองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา และมาตรการรองรับสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบของภาคการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สรุปเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภูเก็ตในห้วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2559 โดยมี พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.ทท.พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ คำภีรญาณ ผกก.5 บก.ทท.ตัวแทนจากท่องเที่ยวและกีฬา นายสรายุทธ์ มัลลัม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนจากสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอันดามัน สมาคมท่องเที่ยวไทยบริการภาคใต้ตอนบน ฯลฯ เข้าร่วม พร้อมทั้งมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติการตรวจสอบธุรกิจนอมินีของกลุ่มบริษัท ทรานลี่ ทราเวล จำกัด
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อบริษัทในเครือ ทรานลี่ ทราเวล จำกัด ว่า การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อธุรกิจที่เข้าข่ายใช้คนไทยเป็นนอมินีนั้น เป็นนโยบายของรัฐบาลในการที่จะสร้างความพอใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งการดำเนินการต่อทางกลุ่มบริษัท ทรานลี่ นั้น ขณะนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุม ยึดทรัพย์ และรวบรวมพยานหลักฐานยกเลิกการจดทะเบียนนิติบุคคล และทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวไปทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อธุรกิจที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ และจังหวัดภูเก็ต อย่างกรณีของกลุ่มบริษัท ทรานลี่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยกเลิกทั้งหมดแล้ว แต่ลูกทัวร์ที่ได้จองเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตยังสามารถที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตามปกติ เพียงแต่บริษัทที่รับช่วงลูกทัวร์ต่อจากบริษัท ทรานลี่ นั้นจะต้องดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เข้าข่ายนอมินี หากสืบทราบว่า บริษัทใดเข้าข่ายนอมินีจะดำเนินการเข้าไปตรวจสอบทันที และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลทั้งหมดแล้วว่ามีบริษัทใดบ้างที่รับลูกทัวร์ต่อจากทรานลี่ ทั้งนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตอย่างมีความสุข เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไม่ได้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และทางตำรวจท่องเที่ยวได้มีการประสานไปยังสถานทูตจีนเพื่อแจ้งไปยังประเทศจีนถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยต่อนักท่องเที่ยวจีนยังดีอยู่ไม่มีปัญหาอะไร นักท่องเที่ยวจีนยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เหมือนเดิม และในส่วนของบริษัททรานลี่ นั้น เชื่อว่าเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเครดิตไว้ หากจะกลับมาดำเนินการธุรกิจอีกครั้งก็สามารถที่ทำได้ แต่จะต้องดำเนินการตามที่กฎหมายไทยกำหนดทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อกลุ่มบริษัท ทรานลี่ ว่า ขณะนี้การดำเนินคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถยึดรถยนต์ (รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว) ไปแล้วทั้งหมด 117 คัน และเรือสปีดโบต อีก 33 ลำ ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดนี้ทาง ปปง.จะเป็นผู้พิจารณาขายทอดตลาดหากไม่มีบุคคลอื่นมาอ้างกรรมสิทธิ์ในรถบัส และเรือที่ยึดไว้ ส่วนคดีแจ้งความเท็จมีการสอบสวนทยอยแจ้งไปแต่ละคดี ซึ่งมีหลายคดีมาก และในส่วนของคดีอั้งยี่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อขบวนการประกอบธุรกิจทั้งหมด ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากมีพยานหลักฐานจำนวนมาก และจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ส่วนกรณีของ นายวีระชัย คำไผ่ประพันกุล หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัททรานลี่ที่ยังหลบหนีอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายจับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังไม่ได้ประสานไปยังประเทศจีน และ นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หรือเฮียกวง ศาลจังหวัดภูเก็ตได้ให้ประกันตัวแล้ว
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า หลังจากดำเนินคดีต่อบริษัทในเครือทรานลี่ แล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ในการตรวจสอบแต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะดำเนินการต่อบริษัทใดบ้าง หากตรวจพบว่ามีการประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีก็จะเข้าตรวจสอบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในภูเก็ตนั้นมีบางบริษัทที่คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบริษัทนอมินีของจีน เนื่องจากเจ้าของเป็นคนจีน แต่ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวได้สัญชาติไทยแล้ว ด้วยการแต่งงานกับคนไทย ก็ไม่เข้าข่ายการดำเนินธุรกิจนอมินี และบริษัทใหญ่ในภูเก็ตที่รับทัวร์จีนก็มีคนไทยเป็นเจ้าของจำนวนมาก ไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทที่รับทัวร์จีนจะเป็นนอมินีของทุนจีนทั้งหมด
ขณะที่ นายสรายุทธ์ มัลลัม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้บริหารบริษัท ทรานลี่ ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้นเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ไม่มีข้อมูลเรื่องการปลอมแปลงเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด แต่ภายหลังจากมีการถอนใบอนุญาตประกอบการของบริษัททั้งหมด ทำให้ต้องการคุณสมบัติการเป็นสมาชิก และคณะกรรมการไปโดยปริยาย และขณะนี้ได้มีการถอนชื่อออกจากคณะกรรมการสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว
“ขอชื่นชมการทำงานตรวจสอบบริษัทนอมินีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การตรวจสอบดังกล่าวอาจจะกระทบการท่องเที่ยวของภูเก็ตบ้างแต่เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่จะส่งผลดีในระยะยาวต่อนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาภูเก็ต เพราะนักท่องเที่ยวที่มีภูเก็ตกว่าร้อยละ 90 จะไม่กลับมาอีก เนื่องจากไม่ประทับใจในการมาท่องเที่ยวภูเก็ต เพราะต้องท่องเที่ยว ชอปปิ้ง และรับประทานอาหารตามที่บริษัททัวร์บังคับทั้งสิ้น ไม่ได้มีโอกาส และรู้จักภูเก็ตในมุมที่ควรจะเป็น แถมบางครั้งถูกหลอกไปซื้อเครื่องรางของขลังตามวัดต่างๆ อีกด้วย” อุปนายกสมาคมท่องเที่ยวฯ กล่าวและว่า
ต่อไปนี้ หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจังต่อบริษัทนอมินีทัวร์จีน ทัวร์จีนที่เข้ามาในภูเก็ตจะดีขึ้น เพราะบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถที่จะดำเนินการแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ สำหรับการท่องเที่ยวในระยะยาวของภูเก็ต