xs
xsm
sm
md
lg

“เนื้อจระเข้ทุบ” มีเท่าไรขายหมด ฝีมือไทยขวัญใจชาวจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เนื้อจระเข้แปรรูป โดยร้าน “วัชรินทร์หมูทุบสิงห์บุรี” จาก จ.สิงห์บุรี
สำหรับคนไทย “เนื้อจระเข้” คงเป็นอาหารที่ไม่คุ้นเคย หลายคนไม่กล้าจะลองชิมด้วยซ้ำ แต่ชาวจีนกลับนิยมรับประทานเนื้อชนิดนี้อย่างยิ่ง เพราะมีคุณประโยชน์ทางสารอาหารสูง

ร้าน “วัชรินทร์หมูทุบสิงห์บุรี” จาก จ.สิงห์บุรี โดย “วัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กุล” เห็นโอกาสจากความนิยมดังกล่าว ริเริ่มนำมาแปรรูปทำเป็น “เนื้อจระเข้ทุบ” เจ้าแรกของเมืองไทย ส่งขายทั้งในประเทศและส่งออกแดนมังกร จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ขายดีจนผลิตไม่ทัน
“วัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กุล”   เจ้าของธุรกิจ
“ที่บ้านของผม ทำธุรกิจเนื้อสัตว์แปรรูปอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี มากว่า 20 ปี มีทั้งเนื้อหมูทุบ เนื้อวัวทุบ เนื้อไก่ทุบ เนื้อปลาทุบ ซึ่งถือเป็นร้านดังของจังหวัดเลย ได้รับคัดสรรเป็นสินค้าโอทอป 5 ดาว และได้มีโอกาสไปวางขายสินค้าในสนามบินดอนเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปเป็นของฝาก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมักมาสอบถามว่า มีเนื้อจระเข้ขายหรือไม่ ผมเลยได้ไอเดีย จะนำเนื้อจระเข้มาทำเป็นเนื้อทุบตามภูมิปัญญาแปรรูปท้องถิ่นของเรา” วัชรินทร์ เล่าถึงจุดเริ่มต้น
เนื้อจระเข้ทุบ
เขาเล่าต่อว่า ใช้เวลาศึกษาและลองผิดลองดูในการแปรรูปเนื้อจระเข้อยู่หลายเดือน เนื่องจากลักษณะของเนื้อจระเข้มีความชื้นสูงและค่อนข้างนุ่ม ยากจะแปรรูปแบบทุบ อีกทั้ง มีกลิ่นคาวแรง ดังนั้น กระบวนการที่ใช้แปรรูป จึงมาลงตัวที่การใช้ภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมของชาวบ้าน คือ ต้องนำเนื้อจระเข้สดไปตากแดดจัดนาน 3 วัน เพื่อดับกลิ่นคาว

จากนั้น กระบวนการทุบเนื้อจระเข้นั้น ต้องใช้แรงงานคนทุบด้วยค้อนแบบโบราณ ซึ่งควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่าการทุบด้วยเครื่องจักร ทำให้เนื้อจระเข้ไม่แบนเลอะจนเกินไป ต่างจากเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่ปัจจุบัน สามารถใช้เครื่องจักรทุบได้ ซึ่งทั้งรวดเร็วและสะดวกกว่ามาก โดยเนื้อจระเข้สด 10 กิโลกรัม เมื่อทำเป็นเนื้อทุบ จะเหลือน้ำหนักแค่ประมาณ 3 กิโลกรัมเท่านั้น จากน้ำหนักความชื้นที่หายไปนั่นเอง
เนื้อจระเข้ผัดพริกสมุนไพร บรรจุกระป๋อง
ส่วนเนื้อจระเข้ที่นำมาแปรรูปนั้น วัชรินทร์บอกว่า เจาะจงเลือกเนื้อส่วน “หางจระเข้” เท่านั้น เนื่องจากเป็นเนื้อคุณภาพดีที่สุดของตัวจระเข้ เพราะจระเข้จะเคลื่อนไหวหางตลอดเวลาทำให้เนื้อส่วนนี้แน่นและรสชาติอร่อย ส่วนแหล่งวัตถุดิบรับซื้อจากฟาร์มเลี้ยงภายใน จ.สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ในราคาประมาณ 400 บาทต่อกิโลกรัม

เจ้าของธุรกิจหนุ่มเผยต่อว่า ทำตลาดเบื้องต้นด้วยการนำเนื้อจระเข้ทุบไปวางขายในร้านที่สนามบินดอนเมือง และขายไปยังกรุ๊ปทัวร์จีนที่มาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะชาวจีนชื่นชอบเนื้อจระเข้อย่างมาก เพราะมีสรรพคุณช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมถึง ยังเชื่อมั่นสินค้าจากเมืองไทยว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี

“ในเมืองจีน มีเนื้อจระเข้ขายเช่นกัน แต่ชาวจีนกลับไม่นิยมสินค้าในประเทศของเขาเอง เพราะว่า มีปัญหาสินค้าปลอมเยอะมาก ผู้ผลิตชาวจีนหลายรายไม่ได้ใช้เนื้อจระเข้จริงๆ มาทำ แอบสับเปลี่ยนใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน หรือบางรายใช้เนื้อจระเข้จริง แต่เป็นส่วนสันหลัง ซึ่งคุณภาพสู้เนื้อส่วนหางไม่ได้ ดังนั้น ชาวจีนที่มาเมืองไทย พอเห็นเนื้อจระเข้ทุบที่เป็นเมด อิน ไทยแลนด์ ก็เลยนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก เพราะสำหรับชาวจีนแล้ว เนื้อจระเข้ถือเป็นสินค้าเกรดพรีเมียม เทียบเท่ารังนกเลย ประกอบในช่วง 3-4 ปีหลังที่ผ่านมา ชาวจีนนิยมมาเที่ยวเมืองไทยเยอะมาก ยิ่งทำให้เนื้อจระเข้ทุบขายดีมากขึ้นไปอีก มีเท่าไรก็ขายหมด จนผลิตไม่ทัน” เขา กล่าว
เนื้อจระเข้ผัดพริกสมุนไพร
ไม่เพียงเท่านั้น วัชรินทร์ยังส่งออกเนื้อจระเข้ทุบไปยังประเทศจีน ในลักษณะรับจ้างผลิต หรือ OEM นอกจากนั้นร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และสถาบันอาหาร พัฒนาการแปรรูปเนื้อจระเข้ เป็นเนื้อจระเข้ผัดพริกสมุนไพร บรรจุกระป๋องรายแรกและรายเดียวในเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ตัวเองว่า “วัชรินทร์” (watcharin)

ปัจจุบัน เนื้อจระเข้ที่นำมาแปรรูป มีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ เนื้อจระเข้ทุบ เนื้อจระเข้แห้ง (ราคาขาย340 บาทต่อน้ำหนัก 100 กรัม) และเนื้อจระเข้ผัดพริกสมุนไพรบรรจุกระป๋อง (ขนาดกระป๋อง 50 กรัม ราคา 200 บาท) กลุ่มลูกค้า 100% คือชาวจีน ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาเมืองไทย มีช่องทางตลาดขาย ได้แก่ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มควอเธียร์ เดอะมอลล์สกายพอร์ต และในสนามบินดอนเมือง และส่งออกไปยังเมืองจีน โดยยอดขายปัจจุบันอยู่ที่ 8 หลักต่อปี มาจากขายปลีกด้วยตัวเอง 40% และรับจ้างผลิตส่งไปจีน 60%
เนื้อจระเข้แห้ง
เขาระบุว่า ทุกวันนี้ในประเทศไทย ยังไม่มีคู่แข่งการค้าเลย เหตุผลสำคัญคือ การทำฟาร์มเลี้ยงจระเข้ในเมืองไทยยังไม่แพร่หลายนัก ลำพังเลี้ยงเพื่อส่งออกวัตถุดิบเนื้อจระเข้สดไปต่างประเทศ กับส่งให้เขาเพียงเจ้าเดียวก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่อาจจะมีความคิดอยากจะเข้ามาทำธุรกิจนี้ ไม่มีแหล่งวัตถุดิบ

ส่วนแผนธุรกิจในอนาคต จะพยายามขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น เพราะประเทศจีนพื้นที่กว้างใหญ่มาก ยังมีโอกาสส่งขายได้อีกมาก ทว่าสิ่งสำคัญต้องหาตัวแทนขายชาวจีนที่ไว้วางใจได้ เพราะทำการค้ากับชาวจีน หากไม่รอบคอบ มีความเสี่ยงจะส่งสินค้าไปแล้วอาจจะไม่ได้รับการชำระเงิน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

โทร.08 5177 9948 / ID Line: PUMPUIRRK / WeChat ID: Watcharinth

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น