xs
xsm
sm
md
lg

ร้างเลย! รถ นทท.จีนหายหลังไทยคุมเข้ม สถิติตี๋-หมวยขับผ่าน R3a เหลือ “ศูนย์คัน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงราย - เส้นทาง R3a จากจีนตอนใต้-ลาวเข้าไทยผ่านสะพานข้ามโขง 4 แทบร้าง หลังไทยงัดมาตรการคุมเข้ม-จัดระเบียบรถนักท่องเที่ยว ทำสถิติรถยนต์ส่วนตัวอาตี๋-อาหมวยที่เคยขับมาเที่ยวไทยช่วงหยุดยาวกันอย่างคับคั่งในรอบเดือนที่ผ่านมากลายเป็น “ศูนย์คัน” ชัดเจน ทั้งที่ 5-6 ปีก่อนหน้านี้เคยทะลักเที่ยวไทยเพิ่มต่อเนื่องจากหลักพันเป็นหลักหมื่นคัน/ปี

วันนี้ (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกระทรวงคมนาคมเริ่มบังคับใช้มาตรการเข้มงวดการจัดระเบียบรถนักท่องเที่ยวจีนที่เคยทะลักเข้าไทยผ่านเส้นทาง R3a (มณฑลยูนนาน สป.จีน-แขวงหลวงน้ำทา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว-อ.เชียงของ จ.เชียงราย) เพื่อท่องเที่ยวแถบภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ฯลฯ กันอย่างเนืองแน่นนั้น ปรากฏว่านับตั้งแต่มีการประกาศใช้มาตรการเข้มงวดดังกล่าวมาตั้งแต่ 27 มิ.ย.เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลาร่วม 1 เดือน

การเข้าสู่ประเทศไทยของรถนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาตามถนนอาร์สามเอมณฑลยูนนาน ประเทศจีน-สปป.ลาว-อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อจัดระเบียบการทะลักเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนทางภาคเหนือของประเทศไทยนั้น ปรากฏว่าภายหลังใช้มาตรการดังกล่าวมาเกือบ 1 เดือนพบว่าแทบไม่มีรถนักท่องเที่ยวจีนใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เข้า อ.เชียงของ อีกเลย ทำให้บรรยากาศที่ด่านฯ เชียงของ ตรงข้ามเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เงียบเหงาไปถนัดตา มีเพียงการสัญจรไปมาของยานพาหนะทั่วไป และรถขนส่งสินค้าเท่านั้น

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยใช้มาตรการดังกล่าวก็แทบไม่มีนักท่องเที่ยวจีนขับรถยนต์ส่วนตัวข้ามฝั่งแบบเป็นขบวน หรือมากับเอกชนนำเที่ยว-กรุ๊ปทัวร์ เข้ามาอีกเลย โดยสถิติหลังวันที่ 27 มิ.ย.ปรากฏว่ามีตัวเลขเข้ามาเป็น 0 คันชัดเจน แตกต่างจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลมาใช้เส้นทาง R3a เข้ามาเป็นจำนวนมาก

ซึ่งเป็นผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวซบเซาลงถนัดตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งตามปกติก็ไม่คึกคักอยู่แล้วยิ่งแย่หนักลงไปอีก โดยเฉพาะที่ชายแดน อ.เชียงของ พบว่าธุรกิจท่องเที่ยวที่เคยพึ่งพากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมาก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะอันตรายที่พร้อมจะปิดกิจการ หรือบางรายได้ปิดกิจการไปแล้วด้วย

น.ส.ผกายมาศกล่าวอีกว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายมีความหวังดีต่อภาคการท่องเที่ยว และสังคมในประเทศไทย เพียงแต่มาตรการต่างๆ ที่จะบังคับใช้ควรจะมีการปรึกษาหารือกันให้ครบถ้วนทุกด้าน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาและหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับพัฒนาการท่องเที่ยวได้ต่อไป

“มาตรการที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปอย่างผิดหูผิดตามีหลายข้อ เช่น การจำกัดการเข้ามาได้ไม่เกิน 30 วัน การทำประกันภัย เป็นต้น”

สำหรับมาตรการของกระทรวงคมนาคมดังกล่าว มีการกำหนดให้ยานพาหนะที่จะเข้ามาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (นับรวมคนขับ) รถยนต์บรรทุก (กระบะ) ที่มีน้ำหนักรถรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม โดยกำหนดให้สามารถนำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และในรอบปีต้องไม่เกิน 60 วัน รวมทั้งต้องเป็นการยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทยเท่านั้น และแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขออนุญาตรถคันละ 500 บาท และค่าเครื่องหมายแสดงการใช้รถแผ่นละ 500 บาท มีใบอนุญาตขับรถที่กฎหมายไทยรับรอง มีสัญญาและกรมธรรม์ประกันภัย มีสำเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถพร้อมฉบับแปล ปฏิบัติตามกฎจราจร และกฎหมายอื่นๆ ของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ฯลฯ

ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวผ่านเส้นทาง R3a เข้าสู่ภาคเหนือของไทยเคยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2556 มีรถยนต์เข้ามาจำนวน 1,487 คัน 21,631 คน, ปี 2557 จำนวนรถยนต์นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเพิ่มเป็น 4,883 คัน 27,717 คน และปี 2558 ที่ผ่านมาจำนวนรถยนต์เพิ่มเป็น 9,248 คัน 43,555 คน

โดยนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้นิยมขับรถเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลตรุษจีน โดยไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น บ้านดำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย, วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ฯลฯ รวมถึง จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กรุงเทพฯ หรือจังหวัดที่มีชายทะเลของไทยด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น