วานนี้ (27ก.ค.) ที่องค์การทหารผ่านศึก พล.อ.รณชัย มัญชุสุนทรกุล ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นประธานในพิธีเปิดการบรรยายพิเศษ เรื่อง "ประกาศความร่วมมือรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ" โดยมี นายประวิช รัตนเพียร กกต.เป็นวิทยากร บรรยายให้กับผู้บริหารระดับสูงพนักงาน และลูกจ้างประจำหน่วยงานกิจการพิเศษ ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
นายประวิช กล่าวว่า กกต.ได้จัดพิมพ์ร่างรธน. และส่งไปให้ประชาชนแล้วในทุกช่องทาง รวมถึงการให้ประชาชนเข้าถึงเนื้อหา ผ่านแอปพลิเคชั่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ทั้งนี้ กกต.มีความพร้อมจัดให้การออกเสียงประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. ให้เป็นไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรม และให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด โดยการทำประชามติครั้งนี้ มีหน่วยออกเสียงทั่วประเทศประมาณ 1 แสนหน่วย ใช้กรรมการประจำหน่วย 1 ล้านคน บัตรออกเสียง 1 ใบ แบ่งออกเป็นสองส่วน คือในส่วนของร่างรธน.และ คำถามเพิ่มเติม หรือคำถามพ่วง
นายประวิช กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงต้องการการตัดสินใจจากประชาชนในครั้งนี้ การทำประชามติ เมื่อปี 2550 มีคนไปใช้สิทธิ์ ร้อยละ 57 ถือว่าน้อยมาก ซึ่งจากมาตราฐานควรอยู่ที่ร้อยละ 60-70 ดังนั้น กกต.จึงตั้งเป้าครั้งนี้ ที่ร้อยละ 80
"อีก 12 วันที่เหลือ ในฐานะที่ท่านเคยเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างทหารผ่านศึก ขอให้ออกไปใช้สิทธิ์ เพื่อผลักดันการใช้สิทธิ์โดยตรง ไม่ใช่ใช้สิทธิ์ทางอ้อม เหมือนการเลือกตั้งส.ส. และขอให้ใช้สิทธิ์โดยไม่ต้องคำนึงถึงผล ผมหวังว่าครอบครัวทหารผ่านศึกที่มีกว่า 3 ล้านคน ที่เคยเสียสละเพื่อชาติมาแล้วจะออกไปใช้สิทธิ์เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองอีกครั้ง"
ด้านพล.อ.รณชัย กล่าวว่า องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก มีเครือข่าย 24 เขต 10 นิคม ทั่วประเทศ จำนวนกว่า3 ล้านคน ขอให้ช่วยเป็นเครือข่าย และช่วยรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ และทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงวิธีการออกเสียงประชามติต่อไป ขณะเดียวกันยังแสดงความเป็นห่วงทหารผ่านศึกที่ทุพลภาพ ซึ่งอาจไม่สะดวกในการออกเสียงประชามติ แต่ทราบมาว่า กกต. มีอุปกรณ์ที่จะอำนวยความสะดวก ยืนยันเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใช้สิทธิ ที่จะออกเสียงทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งจะไม่มีการชี้นำใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการบรรยายถึงแนวทางการออกเสียงประชามติแล้ว ยังมีการจัดหน่วยออกเสียงประชามติ สาธิตการลงคะแนน ออกเสียงประชามติสำหรับผู้พิการด้วย
นายประวิช กล่าวว่า กกต.ได้จัดพิมพ์ร่างรธน. และส่งไปให้ประชาชนแล้วในทุกช่องทาง รวมถึงการให้ประชาชนเข้าถึงเนื้อหา ผ่านแอปพลิเคชั่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ทั้งนี้ กกต.มีความพร้อมจัดให้การออกเสียงประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค. ให้เป็นไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรม และให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด โดยการทำประชามติครั้งนี้ มีหน่วยออกเสียงทั่วประเทศประมาณ 1 แสนหน่วย ใช้กรรมการประจำหน่วย 1 ล้านคน บัตรออกเสียง 1 ใบ แบ่งออกเป็นสองส่วน คือในส่วนของร่างรธน.และ คำถามเพิ่มเติม หรือคำถามพ่วง
นายประวิช กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงต้องการการตัดสินใจจากประชาชนในครั้งนี้ การทำประชามติ เมื่อปี 2550 มีคนไปใช้สิทธิ์ ร้อยละ 57 ถือว่าน้อยมาก ซึ่งจากมาตราฐานควรอยู่ที่ร้อยละ 60-70 ดังนั้น กกต.จึงตั้งเป้าครั้งนี้ ที่ร้อยละ 80
"อีก 12 วันที่เหลือ ในฐานะที่ท่านเคยเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างทหารผ่านศึก ขอให้ออกไปใช้สิทธิ์ เพื่อผลักดันการใช้สิทธิ์โดยตรง ไม่ใช่ใช้สิทธิ์ทางอ้อม เหมือนการเลือกตั้งส.ส. และขอให้ใช้สิทธิ์โดยไม่ต้องคำนึงถึงผล ผมหวังว่าครอบครัวทหารผ่านศึกที่มีกว่า 3 ล้านคน ที่เคยเสียสละเพื่อชาติมาแล้วจะออกไปใช้สิทธิ์เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองอีกครั้ง"
ด้านพล.อ.รณชัย กล่าวว่า องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก มีเครือข่าย 24 เขต 10 นิคม ทั่วประเทศ จำนวนกว่า3 ล้านคน ขอให้ช่วยเป็นเครือข่าย และช่วยรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ และทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงวิธีการออกเสียงประชามติต่อไป ขณะเดียวกันยังแสดงความเป็นห่วงทหารผ่านศึกที่ทุพลภาพ ซึ่งอาจไม่สะดวกในการออกเสียงประชามติ แต่ทราบมาว่า กกต. มีอุปกรณ์ที่จะอำนวยความสะดวก ยืนยันเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใช้สิทธิ ที่จะออกเสียงทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งจะไม่มีการชี้นำใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการบรรยายถึงแนวทางการออกเสียงประชามติแล้ว ยังมีการจัดหน่วยออกเสียงประชามติ สาธิตการลงคะแนน ออกเสียงประชามติสำหรับผู้พิการด้วย