นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง ความคืบหน้าการพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติร่างรธน.ว่า กกต.ได้จัดพิมพ์บัตรออกเสียงจำนวน 54 ล้านใบ ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงร้อยละ 8 โดยในวันที่ 25 ก.ค.นี้ จะพาสื่อมวลชนไปดูขั้นตอนการจัดส่งบัตรออกเสียง ที่โรงพิมพ์จันวณิชชย์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเหลือการจัดส่งไปยังหน่วยออกเสียงทั่วประเทศอีกสองล็อต ภายหลังที่ได้เริ่มทยอยจัดส่งบัตรออกเสียงไปยังพื้นที่ห่างไกล ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยการจัดส่งนั้นจะมีรถนำขบวนปิดหัวท้าย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันความปลอดภัยสูงสุด และบัตรจะถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย จนว่าจะถึงสองวันก่อนวันออกเสียงจึงจะแจกไปยังหน่วยออกเสียงในพื้นที่นั้นๆ
สำหรับปัญหาการปลอมบัตรออกเสียงนั้นยืนยันว่าไม่มีทางปลอมได้ เนื่องจากโรงพิมพ์นี้ มีศักยภาพและระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด มีการค้นตัวบุคคลเข้าออก ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปเข้าไป ต้องเข้าไปตัวเปล่าเท่านั้น อีกทั้งจะเป็นโรงพิมพ์เฉพาะเอกสารสำคัญ เช่น เช็ค แสตมป์ และ สลาก โดยจะไม่รับพิมพ์เอกสารทั่วไป ในระหว่างการพิมพ์นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ กกต.ไปผลัดเวรเฝ้าดูแลตลอดเวลา
ทั้งนี้ บัตรออกเสียง ได้มีการวางมาตรการป้องกันการปลอมแปลงไว้ 5 ขั้นตอน แม้จะมีการทำบัตรปลอมขึ้นมาก็สามารถตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอุปกรณ์พิเศษที่สำนักงาน กกต.ได้รับความร่วมมือจากโรงพิมพ์บัตร หากเกิดเหตุที่ใดสามารถหิ้วอุปกรณ์นี้ไปตรวจสอบได้ อีกทั้งการพิมพ์บัตร จะเป็นลักษณะรันนิ่งนัมเบอร์ โดยจะตรวจหมายเลขได้ว่าบัตรนี้เป็นของพื้นที่ไหนหรือหน่วยออกเสียงใด หากมีการสลับบัตรก็สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าบัตรออกเสียงครั้งนี้มีระบบป้องกันเหนือกว่าบัตรเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึง กรณีบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ถูกทำลาย หรือสูญหายในหลายพื้นที่ ว่า เป็นเหตุที่เกิดเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนใหญ่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งทั่วไป เป็นเรื่องที่กกต. ต้องดูแล ส่วนจะมีนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแล แต่เชื่อว่าวันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค. จะเป็นไปอย่างราบรื่น
ส่วนการทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระร่าง รธน. ทางกรธ.ก็พยายามทำความเข้าใจกรณีต่างๆ ที่มีการบิดเบือน อย่างล่าสุดที่มีการเข้าใจกันว่าจะส่งผลให้ยุบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ยืนยันว่า ร่างรธน.ไม่ได้ระบุตามที่เข้าใจกันผิด ส่วนผลสำรวจที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของร่างรธน.นั้น ทาง กรธ.ก็พยายามลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์อย่างที่ทั่วถึง และตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. ก็จะมีรายการอธิบายเนื้อหาสาระของร่างรธน. ที่จะออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ หลังเคารพธงชาติ เวลา 8 .00 น. และ เวลา 18.00 น. ขณะที่การทำความเข้าใจในระดับพื้นที่ ครู ก. ข. และ ค. จากเท่าที่ลงพื้นที่ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระบวนการสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้ดี ส่วนกรณีที่มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือ พีเน็ต จะสังเกตการณ์การทำความเข้าใจในระดับพื้นที่นั้น ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา มั่นใจว่าการทำความเข้าใจโดยครู ก. ข. และ ค. ไม่ได้มีการชี้นำ
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณี กรธ. มีมติไม่ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของร่างรธน. ที่ กกต.ร่วมกันจัดกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ว่า กรธ.จะไม่ร่วมทั้งในฐานะกรธ. และในฐานะส่วนตัว เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ร่างรธน. มา จึงควรเปิดโอกาสให้คนนอกได้แลกเปลี่ยนกันในประเด็น ความเห็นต่าง แต่ยืนยันว่า ประเด็นใดที่มีข้อสงสัย กรธ. สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ส่วนเวทีที่จะจัดตามจังหวัดต่างๆโดยกระทรวงมหาดไทย ที่จะมีผู้เห็นร่วมด้วยนั้น หลักการก็คงเป็นไปตาม มติกรธ. ที่จะไม่ร่วมเวทีของ สถานีไทนทัศน์ ไทยพีบีเอส
สำหรับปัญหาการปลอมบัตรออกเสียงนั้นยืนยันว่าไม่มีทางปลอมได้ เนื่องจากโรงพิมพ์นี้ มีศักยภาพและระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด มีการค้นตัวบุคคลเข้าออก ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปเข้าไป ต้องเข้าไปตัวเปล่าเท่านั้น อีกทั้งจะเป็นโรงพิมพ์เฉพาะเอกสารสำคัญ เช่น เช็ค แสตมป์ และ สลาก โดยจะไม่รับพิมพ์เอกสารทั่วไป ในระหว่างการพิมพ์นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ กกต.ไปผลัดเวรเฝ้าดูแลตลอดเวลา
ทั้งนี้ บัตรออกเสียง ได้มีการวางมาตรการป้องกันการปลอมแปลงไว้ 5 ขั้นตอน แม้จะมีการทำบัตรปลอมขึ้นมาก็สามารถตรวจสอบได้ในทันที เพราะมีอุปกรณ์พิเศษที่สำนักงาน กกต.ได้รับความร่วมมือจากโรงพิมพ์บัตร หากเกิดเหตุที่ใดสามารถหิ้วอุปกรณ์นี้ไปตรวจสอบได้ อีกทั้งการพิมพ์บัตร จะเป็นลักษณะรันนิ่งนัมเบอร์ โดยจะตรวจหมายเลขได้ว่าบัตรนี้เป็นของพื้นที่ไหนหรือหน่วยออกเสียงใด หากมีการสลับบัตรก็สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าบัตรออกเสียงครั้งนี้มีระบบป้องกันเหนือกว่าบัตรเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึง กรณีบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ถูกทำลาย หรือสูญหายในหลายพื้นที่ ว่า เป็นเหตุที่เกิดเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนใหญ่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งทั่วไป เป็นเรื่องที่กกต. ต้องดูแล ส่วนจะมีนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแล แต่เชื่อว่าวันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค. จะเป็นไปอย่างราบรื่น
ส่วนการทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระร่าง รธน. ทางกรธ.ก็พยายามทำความเข้าใจกรณีต่างๆ ที่มีการบิดเบือน อย่างล่าสุดที่มีการเข้าใจกันว่าจะส่งผลให้ยุบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ยืนยันว่า ร่างรธน.ไม่ได้ระบุตามที่เข้าใจกันผิด ส่วนผลสำรวจที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของร่างรธน.นั้น ทาง กรธ.ก็พยายามลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์อย่างที่ทั่วถึง และตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. ก็จะมีรายการอธิบายเนื้อหาสาระของร่างรธน. ที่จะออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ หลังเคารพธงชาติ เวลา 8 .00 น. และ เวลา 18.00 น. ขณะที่การทำความเข้าใจในระดับพื้นที่ ครู ก. ข. และ ค. จากเท่าที่ลงพื้นที่ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระบวนการสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้ดี ส่วนกรณีที่มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือ พีเน็ต จะสังเกตการณ์การทำความเข้าใจในระดับพื้นที่นั้น ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา มั่นใจว่าการทำความเข้าใจโดยครู ก. ข. และ ค. ไม่ได้มีการชี้นำ
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณี กรธ. มีมติไม่ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของร่างรธน. ที่ กกต.ร่วมกันจัดกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ว่า กรธ.จะไม่ร่วมทั้งในฐานะกรธ. และในฐานะส่วนตัว เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ร่างรธน. มา จึงควรเปิดโอกาสให้คนนอกได้แลกเปลี่ยนกันในประเด็น ความเห็นต่าง แต่ยืนยันว่า ประเด็นใดที่มีข้อสงสัย กรธ. สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ส่วนเวทีที่จะจัดตามจังหวัดต่างๆโดยกระทรวงมหาดไทย ที่จะมีผู้เห็นร่วมด้วยนั้น หลักการก็คงเป็นไปตาม มติกรธ. ที่จะไม่ร่วมเวทีของ สถานีไทนทัศน์ ไทยพีบีเอส
