กระบี่/อุตรดิตถ์ - เชือด “รองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่” พ้นตำแหน่ง เซ่นรับสินบน 20 ล้านบาท “อนุพงษ์” สั่งสอบวินัย ด้าน “กำนันอุตรดิตถ์” แฉยับนายทุน-ญาตินักการเมืองท้องถิ่นสุดแสบ ส่งลูกน้องยัดเงิน 2 หมื่น-โซฟา 1 ชุด แลกสิทธิ์ขอ ส.ป.ก.ที่ดินบึงกะโล่ ส.ป.ก.ลุยทวงคืนผืนป่า ดีเดย์ 31ก.ค.นี้ 235แปลง12จังหวัด
วานนี้ (19 ก.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายวัชระ บัวทอง เจ้าพนักงานที่ดิน จ.กระบี่ นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเภอเกาะลันตา พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวกรณี เจ้ากหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับตำรวจสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธร ภาค 8 และตำรวจสถานีตำรวตภูธร (สภ.) อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซ้อนแผนจับกุมตัว นายอนุสรณ์ หวังผล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะลันตาใหญ่ หลังเจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากบริษัทเอกชนที่ซื้อที่ดินในพื้นที่หมู่ 5 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา เพื่อแลกต่อการชี้แนวเขตที่ดินให้อยู่นอกเขตที่สาธารณะจำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่เศษ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
** มท.1 สั่งจัดการเด็ดขาด
นายพินิจ กล่าวว่า ภายหลังทราบเรื่องได้รายงานไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทยให้รับทราบแล้ว ซึ่งทาง พล.อ.อนุพงษ์ได้กำชับว่า เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด ที่มีการคอร์รัปชั่น หรือการรับสินบน เพื่อจะบุกรุกที่สาธารณะ หรือป่าสงวน และได้มีคำสั่งให้ นายอนุสรณ์ พ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ แล้ว และตั้งกรรมการสอบวินัยไปพร้อมๆกับการไต่สวนของ ป.ป.ช. รวมทั้งสั่งการให้ทางที่ดินจังหวัด ตรวจสอบที่ดินในพื้นที่ ต.เกาะลันตาใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับ อบต.จำนวน 6 แปลงว่า ออกเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
“ต้องยอมรับว่า จ.กระบี่ มีการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูง จึงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจท่องเที่ยว จึงส่งผลให้เป็นช่องทางหนึ่งในการทุจริต ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการไม่ไปยุ่งเกี่ยวต่อการคอร์รัปชั่น และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด” นายพินิจ ระบุ
ด้าน นายวัชระ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบในขณะนี้พบว่าที่ดินตามหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) แปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ 400 ไร่ ได้ขึ้นทะเบียนไว้เมื่อประมาณปี 2476 และได้มีการพยายามรังวัดเพื่อออก นสล.มาโดยตลอด และจะรังวัดชี้แนวเขตกันในวันที่ 21 ก.ค.นี้ แต่พบว่ามีโฉนดที่ดินซึ่งออกให้เมื่อปี 2557 ทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าวรวม 6 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ ซึ่งหลังจากชี้แนวเขตเสร็จ หากพบว่ามีการทับซ้อนก็จะเสนอทางจังหวัดเพื่อพิสูจน์สิทธิ หากพบว่าทับซ้อนในพื้นที่ นสล.ก็จะดำเนินการเสนอคณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป
**”นายทุน”ดิ้นฮุบที่ ส.ป.ก.อุตรดิตถ์
วันเดียวกันที่ จ.อุตรดิตถ์ นายสมศักดิ์ หอมเพียร กำนันตำบลป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังจากร่วมกับนายไพฑูรย์ พรหมน้อย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.อุตรดิตถ์ และชาวบ้าน ต.ป่าเซ่า ต.คุ้งตะเภา ยื่นคัดค้านการจัดสรรที่ดินของเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) บริเวณบึงกะโล่ เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านที่สมควรที่จะได้รับการจัดสรรให้เพียง 7 รายเท่านั้นที่เป็นประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน และฐานะยากจน แต่กลับมีกลุ่มนายทุน ญาตินักการเมืองท้องถิ่นอีก 65 รายที่ต้องการที่ดินบริเวณบึ่งกะโล่ พยายามยื่นขอให้ ส.ป.ก.จัดสรรที่ดินให้ด้วย ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมที่ ส.ป.ก.จะจัดสรรให้จึงต้องค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด ล่าสุดได้รับคำตอบจาก ส.ป.ก.แล้วว่าไม่สามารถจัดสรรที่ดินที่อยู่โดยรอบบึงกะโล่ให้ประชาชนทั้ง 65 รายดังกล่าวได้ เนื่องจากเขต ส.ป.ก.กับพื้นที่โดยรอบนั้นเป็นที่ดินของประชาชนที่มีเอกสารสิทธิแล้ว จึงไม่มีที่ว่างเปล่าที่จะจัดสรรให้ได้ อีกทั้งกำลังมีงบประมาณจัดสรรลงมาเพื่อพัฒนาที่ดินบริเวณบึงกะโล่ให้เป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง
"ซึ่งเรื่องน่าจะจบลงแบบสันติ แต่กลับมีกลุ่มนายทุนอ้างว่าเป็นนักกฎหมาย และญาตินักการเมืองท้องถิ่นมาขอพบผม เพื่อยื่นข้อเสนอเงินสด 20,000 บาท พร้อมโซฟาอีก 1 ชุด เพื่อให้เจรจากับ ส.ป.ก.ให้จัดสรรให้ทั้ง 65 ราย จึงได้ตอบปฏิเสธไปพร้อมทั้งขอให้ยุติการยื่นเรื่องขอที่ดินบึงกะโล่เสียที" นายสมศักดิ์ กล่าว
** ดีเดย์เรียกคืนที่ ส.ป.ก.ตามคำสั่ง ม.44
อีกด้าน นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ จะเข้ารายงานต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกคืนที่ดิน ส.ป.ก.จากผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในมาตรการแรกเป็นที่แปลงใหญ่เนื้อที่ 500 ไร่ขึ้นไป ในพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัด 422 แปลง เนื้อที่ 4.3 แสนไร่ โดยได้ส่งแผนที่แปลงที่ดินยึดคืนแนบท้าย พร้อมกับปิดประกาศคำสั่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปแล้ว 235 แปลง 12 จังหวัด ภายในวันที่ 21 ก.ค.และกำลังจัดส่งแผนที่แนบท้ายไปอีก 187 แปลง ซึ่งจะครบหมดแล้วทั้ง 25 จังหวัด คาดว่าจะปิดประกาศเสร็จกันหมด ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ จากนั้นผู้ครองครองต้องมาแสดงตนภายใน 15 วันเพื่อตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งล็อตแรกครบกำหนดวันที่ 31 ก.ค.และล็อต2 ครบ 7 ส.ค. ต่อจากนั้นภายใน 30 วัน ร่วมกับฝ่ายมั่นคง กองทัพภาค และตำรวจ เข้าแจ้งให้ผู้ถือครองออกจากพื้นที่ และทำการรื้อถอนปรับสภาพดินกลับสู่สภาพเดิม จัดสรรให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อไป คาดว่าในเดือนสองเดือนนี้จะจัดสรรคนลงได้ที่แรก คือ จ.กาญจนบุรี , อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
** เล็งยึดคฤหาสน์ “บิ๊ก ตร.” ที่เขาใหญ่
นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่มีปัญหาซื้อขายเปลี่ยนมือ ทำผิดวัตถุประสงค์การใช้ที่ดิน มีจัดสรรแบ่งแปลงขายโดยนักการเมืองท้องถิ่น สร้างโรงแรม รีสอร์ท กว่า200 แห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลมีนอมินีถือแทน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ยังมีคฤหาสน์หรูของอดีตนายตำรวจระดับสูง บนเนื้อที่กว่า 100 กว่าไร่ ตอนนี้ให้คนอื่นมารับหน้าต่อสู้คดี ซึ่งต้องหารือกับ รมว.เกษตรฯ ว่ามี 2 แนวทาง จะใช้มาตรา 44 เข้ายึดรื้อทำลาย หรือไม่รื้อถอน แต่ยึดมาเป็นของรัฐ แล้วให้กรมธนารักษ์ เข้ามาดำเนินการทั้งหมด จัดให้เช่าในส่วนอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.จัดเก็บค่าเช่า พีร้อมกันนี้ได้ให้ ส.ป.ก.จังหวัดทุกแห่ง รายงานที่ดิน ส.ป.ก.4-01 มีการซื้อขายเปลี่ยนมือตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไป เพื่อเรียกคืน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าหลายพื้นที่ทำเลทอง ถูกนายทุนกว้านซื้อ แต่หลังจากประกาศใช้มาตรา 44 กลับมีรายงานเข้ามาน้อยมาก
นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากการสำรวจพบมีการเปลี่ยนมือ เกษตรกรขายที่ ส.ป.ก.4-01 ร้อยละ 35 ใน จ.เชียงใหม่ นายทุนกว้านซื้อสวนส้ม ที่ อ.ฝาง ซึ่งทางจังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งมายัง ส.ป.ก.ส่วนกลาง แล้ว และกำลังวัดขอบเขตให้ชัดเจน เพื่อออกแผนที่เป้าหมายยึดคืน จ.เชียงราย ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 600 ไร่ จ.ชลบุรี มีการแบ่งแปลงขาย 100 ตารางวา 1 - 2 แสนบาท รวมทั้งสัปดาห์หน้าจะเร่งรัดกับผู้ถือครองรายใหญ่ที่ ส.ป.ก.เคยทำหนังสือแจ้งดำเนินคดี แต่อ้างว่าได้กระจายสิทธิให้ลูกไร่ ซึ่งอย่างไรต้องบังคับตามมาตรา 44 จ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี ของบริษัท สหวิริยาฯ ที่มีเอกชนรายเดียวถือครองเป็นแสนไร่ จ.กำแพงเพชร ถือครองเป็นหมื่นไร่ ทำไร่อ้อยเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ของอดีตนักการเมืองระดับชาติ และ จ.ชัยภูมิ จ.ฉะเชิงเทรา เช่นกัน.
วานนี้ (19 ก.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายวัชระ บัวทอง เจ้าพนักงานที่ดิน จ.กระบี่ นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเภอเกาะลันตา พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวกรณี เจ้ากหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับตำรวจสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธร ภาค 8 และตำรวจสถานีตำรวตภูธร (สภ.) อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซ้อนแผนจับกุมตัว นายอนุสรณ์ หวังผล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะลันตาใหญ่ หลังเจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากบริษัทเอกชนที่ซื้อที่ดินในพื้นที่หมู่ 5 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา เพื่อแลกต่อการชี้แนวเขตที่ดินให้อยู่นอกเขตที่สาธารณะจำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่เศษ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
** มท.1 สั่งจัดการเด็ดขาด
นายพินิจ กล่าวว่า ภายหลังทราบเรื่องได้รายงานไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทยให้รับทราบแล้ว ซึ่งทาง พล.อ.อนุพงษ์ได้กำชับว่า เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด ที่มีการคอร์รัปชั่น หรือการรับสินบน เพื่อจะบุกรุกที่สาธารณะ หรือป่าสงวน และได้มีคำสั่งให้ นายอนุสรณ์ พ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ แล้ว และตั้งกรรมการสอบวินัยไปพร้อมๆกับการไต่สวนของ ป.ป.ช. รวมทั้งสั่งการให้ทางที่ดินจังหวัด ตรวจสอบที่ดินในพื้นที่ ต.เกาะลันตาใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับ อบต.จำนวน 6 แปลงว่า ออกเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
“ต้องยอมรับว่า จ.กระบี่ มีการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูง จึงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจท่องเที่ยว จึงส่งผลให้เป็นช่องทางหนึ่งในการทุจริต ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการไม่ไปยุ่งเกี่ยวต่อการคอร์รัปชั่น และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด” นายพินิจ ระบุ
ด้าน นายวัชระ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบในขณะนี้พบว่าที่ดินตามหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) แปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ 400 ไร่ ได้ขึ้นทะเบียนไว้เมื่อประมาณปี 2476 และได้มีการพยายามรังวัดเพื่อออก นสล.มาโดยตลอด และจะรังวัดชี้แนวเขตกันในวันที่ 21 ก.ค.นี้ แต่พบว่ามีโฉนดที่ดินซึ่งออกให้เมื่อปี 2557 ทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าวรวม 6 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ ซึ่งหลังจากชี้แนวเขตเสร็จ หากพบว่ามีการทับซ้อนก็จะเสนอทางจังหวัดเพื่อพิสูจน์สิทธิ หากพบว่าทับซ้อนในพื้นที่ นสล.ก็จะดำเนินการเสนอคณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป
**”นายทุน”ดิ้นฮุบที่ ส.ป.ก.อุตรดิตถ์
วันเดียวกันที่ จ.อุตรดิตถ์ นายสมศักดิ์ หอมเพียร กำนันตำบลป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังจากร่วมกับนายไพฑูรย์ พรหมน้อย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.อุตรดิตถ์ และชาวบ้าน ต.ป่าเซ่า ต.คุ้งตะเภา ยื่นคัดค้านการจัดสรรที่ดินของเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) บริเวณบึงกะโล่ เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านที่สมควรที่จะได้รับการจัดสรรให้เพียง 7 รายเท่านั้นที่เป็นประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน และฐานะยากจน แต่กลับมีกลุ่มนายทุน ญาตินักการเมืองท้องถิ่นอีก 65 รายที่ต้องการที่ดินบริเวณบึ่งกะโล่ พยายามยื่นขอให้ ส.ป.ก.จัดสรรที่ดินให้ด้วย ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมที่ ส.ป.ก.จะจัดสรรให้จึงต้องค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด ล่าสุดได้รับคำตอบจาก ส.ป.ก.แล้วว่าไม่สามารถจัดสรรที่ดินที่อยู่โดยรอบบึงกะโล่ให้ประชาชนทั้ง 65 รายดังกล่าวได้ เนื่องจากเขต ส.ป.ก.กับพื้นที่โดยรอบนั้นเป็นที่ดินของประชาชนที่มีเอกสารสิทธิแล้ว จึงไม่มีที่ว่างเปล่าที่จะจัดสรรให้ได้ อีกทั้งกำลังมีงบประมาณจัดสรรลงมาเพื่อพัฒนาที่ดินบริเวณบึงกะโล่ให้เป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง
"ซึ่งเรื่องน่าจะจบลงแบบสันติ แต่กลับมีกลุ่มนายทุนอ้างว่าเป็นนักกฎหมาย และญาตินักการเมืองท้องถิ่นมาขอพบผม เพื่อยื่นข้อเสนอเงินสด 20,000 บาท พร้อมโซฟาอีก 1 ชุด เพื่อให้เจรจากับ ส.ป.ก.ให้จัดสรรให้ทั้ง 65 ราย จึงได้ตอบปฏิเสธไปพร้อมทั้งขอให้ยุติการยื่นเรื่องขอที่ดินบึงกะโล่เสียที" นายสมศักดิ์ กล่าว
** ดีเดย์เรียกคืนที่ ส.ป.ก.ตามคำสั่ง ม.44
อีกด้าน นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ จะเข้ารายงานต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกคืนที่ดิน ส.ป.ก.จากผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในมาตรการแรกเป็นที่แปลงใหญ่เนื้อที่ 500 ไร่ขึ้นไป ในพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัด 422 แปลง เนื้อที่ 4.3 แสนไร่ โดยได้ส่งแผนที่แปลงที่ดินยึดคืนแนบท้าย พร้อมกับปิดประกาศคำสั่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปแล้ว 235 แปลง 12 จังหวัด ภายในวันที่ 21 ก.ค.และกำลังจัดส่งแผนที่แนบท้ายไปอีก 187 แปลง ซึ่งจะครบหมดแล้วทั้ง 25 จังหวัด คาดว่าจะปิดประกาศเสร็จกันหมด ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ จากนั้นผู้ครองครองต้องมาแสดงตนภายใน 15 วันเพื่อตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งล็อตแรกครบกำหนดวันที่ 31 ก.ค.และล็อต2 ครบ 7 ส.ค. ต่อจากนั้นภายใน 30 วัน ร่วมกับฝ่ายมั่นคง กองทัพภาค และตำรวจ เข้าแจ้งให้ผู้ถือครองออกจากพื้นที่ และทำการรื้อถอนปรับสภาพดินกลับสู่สภาพเดิม จัดสรรให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อไป คาดว่าในเดือนสองเดือนนี้จะจัดสรรคนลงได้ที่แรก คือ จ.กาญจนบุรี , อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
** เล็งยึดคฤหาสน์ “บิ๊ก ตร.” ที่เขาใหญ่
นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่มีปัญหาซื้อขายเปลี่ยนมือ ทำผิดวัตถุประสงค์การใช้ที่ดิน มีจัดสรรแบ่งแปลงขายโดยนักการเมืองท้องถิ่น สร้างโรงแรม รีสอร์ท กว่า200 แห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลมีนอมินีถือแทน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ยังมีคฤหาสน์หรูของอดีตนายตำรวจระดับสูง บนเนื้อที่กว่า 100 กว่าไร่ ตอนนี้ให้คนอื่นมารับหน้าต่อสู้คดี ซึ่งต้องหารือกับ รมว.เกษตรฯ ว่ามี 2 แนวทาง จะใช้มาตรา 44 เข้ายึดรื้อทำลาย หรือไม่รื้อถอน แต่ยึดมาเป็นของรัฐ แล้วให้กรมธนารักษ์ เข้ามาดำเนินการทั้งหมด จัดให้เช่าในส่วนอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.จัดเก็บค่าเช่า พีร้อมกันนี้ได้ให้ ส.ป.ก.จังหวัดทุกแห่ง รายงานที่ดิน ส.ป.ก.4-01 มีการซื้อขายเปลี่ยนมือตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไป เพื่อเรียกคืน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าหลายพื้นที่ทำเลทอง ถูกนายทุนกว้านซื้อ แต่หลังจากประกาศใช้มาตรา 44 กลับมีรายงานเข้ามาน้อยมาก
นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากการสำรวจพบมีการเปลี่ยนมือ เกษตรกรขายที่ ส.ป.ก.4-01 ร้อยละ 35 ใน จ.เชียงใหม่ นายทุนกว้านซื้อสวนส้ม ที่ อ.ฝาง ซึ่งทางจังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งมายัง ส.ป.ก.ส่วนกลาง แล้ว และกำลังวัดขอบเขตให้ชัดเจน เพื่อออกแผนที่เป้าหมายยึดคืน จ.เชียงราย ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 600 ไร่ จ.ชลบุรี มีการแบ่งแปลงขาย 100 ตารางวา 1 - 2 แสนบาท รวมทั้งสัปดาห์หน้าจะเร่งรัดกับผู้ถือครองรายใหญ่ที่ ส.ป.ก.เคยทำหนังสือแจ้งดำเนินคดี แต่อ้างว่าได้กระจายสิทธิให้ลูกไร่ ซึ่งอย่างไรต้องบังคับตามมาตรา 44 จ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี ของบริษัท สหวิริยาฯ ที่มีเอกชนรายเดียวถือครองเป็นแสนไร่ จ.กำแพงเพชร ถือครองเป็นหมื่นไร่ ทำไร่อ้อยเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ของอดีตนักการเมืองระดับชาติ และ จ.ชัยภูมิ จ.ฉะเชิงเทรา เช่นกัน.