กระบี่ - คณะกรรมการชี้แนวเขตที่ดิน นสล.เนื้อที่ 400 ไร่ ลงพื้นที่ชี้แนวเขตเพื่อทำการรังวัดในพื้นที่ ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังอดีตรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ ถูกจับกุมในข้อหาเรียกรับสินบนเป็นเงิน 20 ล้านบาท เพื่อแลกต่อการรับรองแนวเขตที่ดิน อีก 2 สัปดาห์รู้ที่ดินทับซ้อนกี่แปลง
จากกรณีที่ นายอนุสรณ์ หวังผล อายุ49 ปี อดีตรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ถูกจับกุมในข้อหาเรียกรับสินบนเป็นเงิน 20 ล้านบาท เพื่อแลกต่อการรับรองแนวเขตที่ดินให้ออกนอกเขตพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจ สภ.อ่าวนาง ซ้อนแผนจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลหนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมของกลางเงินสดกว่า 2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ นายอนุสรณ์ ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดกระบี่ และอยู่ระหว่างเตรียมยื่นประกันตัวที่ศาลอุทธรณ์ และในส่วนของคดีทางพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง เตรียมเรียกพยาน และผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ตามที่ นายอนุสรณ์ กล่าวหา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 ก.ค.) คณะกรรมการชี้แนวเขตเพื่อออกหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) ประกอบด้วย ที่ดินจังหวัดกระบี่ อบต.เกาะลันตาใหญ่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี นายศักดา สีแดง ปลัดอาวุโสอำเภอเกาะลันตา ได้รับการแต่งตั้งจาก นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเภอเกาะลันตา ทำหน้าที่ประธานฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ ม.5 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ร่วมกันชี้แนวเขตที่ดิน นสล.เนื้อที่ 400 ไร่ ที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี 2476 หลังจากได้เกิดปัญหามีการเรียกรับสินบน และมีการจับกุมรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ ที่เรียกรับเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากเจ้าของโฉนดที่ดินที่มีการระบุว่า ทับซ้อนกับพื้นที่ นสล. ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นเนินเขาติดชายหาดอ่าวนุ้ย และอ่าวบากันเตียง ระยะทางติดชายหาดประมาณ 1.5 กม. สภาพป่าสมบูรณ์ มีไม้ใหญ่หนาแน่น ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา โดยจะทำการดูแนวเขต และชี้แนวเขตเพื่อให้ช่างรังวัดทำการวัดตามรูปแผนที่ตามแนวเดิม
นายศักดา สีแดง ปลัดอาวุโสอำเภอเกาะลันตา ในฐานะประธานคณะกรรมการชี้แนวเขตเพื่อหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) กล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้ลงพื้นที่ชี้แนว เพื่อให้ทางหน่วยรังวัดทำการรังวัดที่ดินตามรูปแผนที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และทำการปักหมุด วัดพิกัดดาวเทียม ซึ่งจะเริ่มวัดกันในวันพรุ่งนี้ โดยจะใช้เวลาในการรางวัดประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้น จะนำมาเทียบกับสารบบที่ดินว่าได้มีการออกโฉนดทับซ้อนในที่ นสล.ดังกล่าวกี่แปลง หากตรวจพบว่ามีเอกสารในแปลงดังกล่าวก็จะต้องมีการเสนอเพิกถอนต่อไป แต่ผู้ที่ออกโฉนดไปแล้วก็สามารถนำเอกสารมาแสดงเพื่อต่อสู้คดีในการยืนยันว่าได้ทำกินมาก่อนหรือไม่
สำหรับที่ดิน นสล.แปลงนี้ มีการพยายามรังวัดมาแล้ว 2 ครั้ง แต่มีการคัดค้านทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ จนต่อมาได้มีการนัดรางวัดใหม่กันในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อปี 2557 ก็มีบุคคลติดต่อมาที่ตนเสนอเงินให้เพื่อออกโฉนดดังกล่าว แต่ทางตนได้ปฏิเสธ ไม่ติดต่อใดๆ ต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว และได้มอบหมายให้รองนายก อบต.ซึ่งถูกจับเป็นผู้ดำเนินการดูแลเรื่องที่สาธารณะ และโยธา จนมารับทราบว่าถูกจับกุมดังกล่าว เป็นคณะกรรมการชี้แนวเขตอยู่ด้วย
นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเกาะลันตา เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางที่ดินอำเภอเกาะลันตา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และศูนย์เดินสำรวจการออกโฉนด ได้ลงพื้นที่รังวัดแนวเขตที่ดิน นสล.ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ เนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ ในพื้นที่ ม.5 ต.เกาะลันตาใหญ่ ที่มีเอกสารแนบที่ดินทับซ้อน ซึ่งมีที่ดินใกล้เคียงที่มีการออกโฉนดไปแล้ว จำนวน 6 แปลง กว่า 90 ไร่ รวมทั้งโฉนดที่ทางบริษัทเอกชนผู้ร้องเรียน นายอนุสรณ์ ได้ซื้อไว้จำนวน 2 แปลง เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่เกี่ยวข้องต่อคดี ว่า ทับซ้อนเขตที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ หากพบว่าโฉนดดังกล่าวทับซ้อนที่สาธารณะ (นสล.) ก็จะดำเนินการเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่านอกจากรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ แล้ว น่าจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย เพราะในการดำเนินการเซ็นรับรองแนวเขตที่ดินสาธารณะต้องมีผู้เกี่ยวหลายส่วน ก่อนที่จะมีการออกโฉนดในที่ดินทับที่สาธารณะหรือไม่นั้น คงต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังก่อนหน้าที่ นายอนุสรณ์ จะถูกจับกุมด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการสืบสวนขยายผล แสวงหาข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังจากรังวัดแนวเขตเสร็จสิ้นก็จะสามารถทราบได้ว่าพื้นที่ของใครออกโฉนดทับซ้อนที่ดิน นสล.แปลงดังกล่าว รวมถึงแปลงที่มีปัญหาเรียกรับสินบนกันด้วย
จากกรณีที่ นายอนุสรณ์ หวังผล อายุ49 ปี อดีตรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ถูกจับกุมในข้อหาเรียกรับสินบนเป็นเงิน 20 ล้านบาท เพื่อแลกต่อการรับรองแนวเขตที่ดินให้ออกนอกเขตพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจ สภ.อ่าวนาง ซ้อนแผนจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลหนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมของกลางเงินสดกว่า 2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ นายอนุสรณ์ ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดกระบี่ และอยู่ระหว่างเตรียมยื่นประกันตัวที่ศาลอุทธรณ์ และในส่วนของคดีทางพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง เตรียมเรียกพยาน และผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ตามที่ นายอนุสรณ์ กล่าวหา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 ก.ค.) คณะกรรมการชี้แนวเขตเพื่อออกหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) ประกอบด้วย ที่ดินจังหวัดกระบี่ อบต.เกาะลันตาใหญ่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี นายศักดา สีแดง ปลัดอาวุโสอำเภอเกาะลันตา ได้รับการแต่งตั้งจาก นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเภอเกาะลันตา ทำหน้าที่ประธานฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ ม.5 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ร่วมกันชี้แนวเขตที่ดิน นสล.เนื้อที่ 400 ไร่ ที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี 2476 หลังจากได้เกิดปัญหามีการเรียกรับสินบน และมีการจับกุมรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ ที่เรียกรับเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากเจ้าของโฉนดที่ดินที่มีการระบุว่า ทับซ้อนกับพื้นที่ นสล. ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นเนินเขาติดชายหาดอ่าวนุ้ย และอ่าวบากันเตียง ระยะทางติดชายหาดประมาณ 1.5 กม. สภาพป่าสมบูรณ์ มีไม้ใหญ่หนาแน่น ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา โดยจะทำการดูแนวเขต และชี้แนวเขตเพื่อให้ช่างรังวัดทำการวัดตามรูปแผนที่ตามแนวเดิม
นายศักดา สีแดง ปลัดอาวุโสอำเภอเกาะลันตา ในฐานะประธานคณะกรรมการชี้แนวเขตเพื่อหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) กล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้ลงพื้นที่ชี้แนว เพื่อให้ทางหน่วยรังวัดทำการรังวัดที่ดินตามรูปแผนที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และทำการปักหมุด วัดพิกัดดาวเทียม ซึ่งจะเริ่มวัดกันในวันพรุ่งนี้ โดยจะใช้เวลาในการรางวัดประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้น จะนำมาเทียบกับสารบบที่ดินว่าได้มีการออกโฉนดทับซ้อนในที่ นสล.ดังกล่าวกี่แปลง หากตรวจพบว่ามีเอกสารในแปลงดังกล่าวก็จะต้องมีการเสนอเพิกถอนต่อไป แต่ผู้ที่ออกโฉนดไปแล้วก็สามารถนำเอกสารมาแสดงเพื่อต่อสู้คดีในการยืนยันว่าได้ทำกินมาก่อนหรือไม่
สำหรับที่ดิน นสล.แปลงนี้ มีการพยายามรังวัดมาแล้ว 2 ครั้ง แต่มีการคัดค้านทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ จนต่อมาได้มีการนัดรางวัดใหม่กันในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อปี 2557 ก็มีบุคคลติดต่อมาที่ตนเสนอเงินให้เพื่อออกโฉนดดังกล่าว แต่ทางตนได้ปฏิเสธ ไม่ติดต่อใดๆ ต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว และได้มอบหมายให้รองนายก อบต.ซึ่งถูกจับเป็นผู้ดำเนินการดูแลเรื่องที่สาธารณะ และโยธา จนมารับทราบว่าถูกจับกุมดังกล่าว เป็นคณะกรรมการชี้แนวเขตอยู่ด้วย
นายตรีธวัช รักษ์เมือง นายอำเกาะลันตา เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางที่ดินอำเภอเกาะลันตา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และศูนย์เดินสำรวจการออกโฉนด ได้ลงพื้นที่รังวัดแนวเขตที่ดิน นสล.ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ เนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ ในพื้นที่ ม.5 ต.เกาะลันตาใหญ่ ที่มีเอกสารแนบที่ดินทับซ้อน ซึ่งมีที่ดินใกล้เคียงที่มีการออกโฉนดไปแล้ว จำนวน 6 แปลง กว่า 90 ไร่ รวมทั้งโฉนดที่ทางบริษัทเอกชนผู้ร้องเรียน นายอนุสรณ์ ได้ซื้อไว้จำนวน 2 แปลง เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่เกี่ยวข้องต่อคดี ว่า ทับซ้อนเขตที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ หากพบว่าโฉนดดังกล่าวทับซ้อนที่สาธารณะ (นสล.) ก็จะดำเนินการเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่านอกจากรองนายก อบต.เกาะลันตาใหญ่ แล้ว น่าจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย เพราะในการดำเนินการเซ็นรับรองแนวเขตที่ดินสาธารณะต้องมีผู้เกี่ยวหลายส่วน ก่อนที่จะมีการออกโฉนดในที่ดินทับที่สาธารณะหรือไม่นั้น คงต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังก่อนหน้าที่ นายอนุสรณ์ จะถูกจับกุมด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการสืบสวนขยายผล แสวงหาข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังจากรังวัดแนวเขตเสร็จสิ้นก็จะสามารถทราบได้ว่าพื้นที่ของใครออกโฉนดทับซ้อนที่ดิน นสล.แปลงดังกล่าว รวมถึงแปลงที่มีปัญหาเรียกรับสินบนกันด้วย
