เป็นผู้บริหารบ้านเมือง มีอำนาจพิเศษสูงสุดย่อมต้องมีภารกิจ ความรับผิดชอบมากขึ้น และจะมีเสียงเรียกร้องให้ผู้นำทำงานหนักกว่าใครให้สมกับตำแหน่ง ให้ประชาชนไว้วางใจว่าจะให้ความรู้ความสามารถ มือสะอาดแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองรอดพ้นวิกฤต
ปัญหาธรรมดา นอกเหนือการควบคุม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังเกิดจากวงจรปกติ มีปัจจัยจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ความพยายามให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าประชาชนขาดความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจไม่กล้าลงทุน ความซบเซาจะยิ่งยืดเยื้อ
ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมว่าอยู่ในมาตรฐานยอมรับได้หรือไม่ เอาเพียงขอให้ได้มาตรฐานธรรมดาเช่น “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง สถานภาพเส้นสายใหญ่แค่ไหน ต้องถูกดำเนินคดี ถ้ากระทำความผิด”
ชาวบ้านธรรมดาไร้เส้นสาย นอกจากต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดี ยังพอทำเนา ถ้าโดนยัดข้อหาโดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เท่ากับว่าบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไร้ความยุติธรรม พึ่งพาอาศัยไม่ได้นอกจากเส้นสาย ความช่วยเหลือของผู้มีอิทธิพลและเงิน
กรณีของนางไก่ถูกกล่าวหาว่าได้ประกอบอาชญากรรมสารพัด ระยะเวลาหลาย ต่างกรรมต่างวาระ มีทั้งการเบี้ยวค่าแรง เมื่อเหยื่อโวยวายก็ถูกยัดข้อหาขโมยทรัพย์สิน พ่อแม่ถูกจับกุม การค้ามนุษย์ ฆาตกรรม การต้มตุ๋นหลอกลวง มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม ฯลฯ
คนอย่างนางไก่จะลอยละล่องอยู่ในสังคมด้วยอาชญากรรมต่างๆ ไม่ได้ ถ้าบ้านเรามีกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ขั้นแรกเที่ยงธรรม เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้ากระทำความผิดช่วยเหลืออาชญากร ต้องได้รับผิดหนักกว่าคนทั่วไป ชาวบ้านจึงจะเชื่อถือ
กรณีนางไก่นับว่าไม่ธรรมดา จากการรายงานข่าวต่างๆ เห็นได้ชัดว่านางไก่ใช้สถานีตำรวจประชาชื่นเหมือนเป็นโรงพักส่วนตัว เป็นมือไม้สำหรับก่ออาชญากรรมต่างๆ นานหลายปี ตั้งแต่รุ่นสาวจนถึงวัยเกือบ 60 ปี รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือโดยตรงของตำรวจ
เมื่อคดีถูกปูดออกมา มีเสียงอ้อมแอ้มจากนายตำรวจใหญ่ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกสอบสวน 3 นายน่าสงสัยว่าจะมีพฤติกรรมเป็นตัวช่วย อวยทำคดีให้นางไก่ อาจจะอ่อนประสบการณ์โดนนางไก่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นคุณหญิงมียศศักดิ์ จึงไม่ได้ตรวจสอบ
เป็นข้ออ้างน่าหัวเราะมาก จะให้เชื่อว่าตำรวจทั้งโรงพักไม่รู้เรื่องนางไก่มาโดยตลอดเช่นนั้นหรือว่ามีพฤติกรรมอย่างไร มีปัญหากับลูกจ้างหลายคน โดนคดีลักทรัพย์ทั้งนั้น ช่างเป็นเคราะห์กรรมของนางไก่ ทำคุณคนไม่ขึ้น บริวารเป็นพิษ มีแต่คนจ้องขโมยทรัพย์สิน
กว่าความจริงจะปรากฏ ทำให้ชาวบ้านได้รู้ว่ามีนายตำรวจอย่างน้อย 16 ราย ตั้งแต่ผู้กำกับหลายรุ่นที่โรงพักประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ คอยรับใช้เป็นมือเป็นตีนให้นางไก่ดูแลธุรกิจคาร์แคร์ จ่ายเงินเดือนให้แม่บ้าน รับบริการทำคดีอาญา ทำสำนวนเท็จ
ถ้าไม่ให้เรียกว่าเป็นโรงพักส่วนตัว มีทีมงานตัวช่วยประจำ จะให้เรียกว่าอย่างไร?
จะเป็นอย่างไรก็ตาม นางไก่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาเต็มบ้อง ให้สาสมกับความผิด ชาวบ้านมองว่าเวรกรรมทำงานช้า ปล่อยให้นางไก่ได้ก่อเวรทุกข์เข็ญให้ชาวบ้านจนติดคุก มีการใช้อิทธิพลแอบอ้างสถาบัน ฆาตกรรมเพื่อฮุบที่ดินรู้มากจนอายุอาจมีปัญหาอายุสั้น
เอาเป็นว่าถ้าเพียงติดคุกตลอดชีวิตจริงๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ก็ยังไม่คุ้ม เพราะหลายชีวิตต้องเผชิญทุกข์สารพัด แต่มีเพียงนางไก่ชีวิตเดียวที่ต้องรับกรรม ถ้าไม่หลุดจากข้อกล่าวหาหรือว่ารับโทษแต่ติดคุกไม่นานเพราะกระบวนการลดโทษ บรรเทาโทษสารพัด
เพื่อความเป็นธรรมและความยุติธรรม กฎแห่งเวรกรรม เจ้าหน้าที่และตัวช่วยนางไก่ทั้งหลาย ตามบทบาทส่วนร่วมที่ได้กระทำกับเหยื่อนางไก่ ต้องถูกดำเนินคดีให้รับโทษด้วย ไม่ใช่เพราะเป็นความยุติธรรมต่อระบบ แต่ชดเชยความเสื่อมต่อความน่าเชื่อถือในตำรวจ
ถ้าตำรวจไม่ดำเนินคดีพวกเดียวกันเต็มบ้อง มีท่าทีอวยช่วยเหลือกัน แบบไม่ฆ่ากันแบบเอาเป็นเอาตาย สังคมไทยก็จะไม่พ้นจากปัญหากระบวนการยุติธรรมเป็นพิษภัยต่อประชาชน ยิ่งสร้างความคับแค้น คนถูกยัดข้อหาต้องวิ่งเต้นเพื่อให้หลุดรอดจากมือคนชั่ว
มักมีคำพูดประโยคมาตรฐานจากเจ้าหน้าที่เช่น “จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย!”
เมื่อมีคดีอาญา เจ้าหน้าที่โดนกล่าวหา พวกผู้ใหญ่ผู้โตมักจะพูดแบบนี้ ชาวบ้านหน้าซื่อตาใสอาจฟังแล้วอุ่นใจ แต่คนมีประสบการณ์กับเรื่องพรรค์นี้ได้ยินแล้วอยากจะอ้วกรากแตกรากแตน เพราะถูกตีความไปในแนว “แม่งเอ๊ย! จ้องช่วยพวกเดียวกันอีกแล้ว”
กรณีของนายตำรวจ สน.ประชาชื่น ก็มีนายตำรวจใหญ่พูดแบบนี้ กรณีนายทหารพันเอกสัสดีไปสร้างพฤติกรรมซ่าที่ตลาดยะลาก็มีเจ้านายพูดทำนองนี้! ที่น่าอยากจะอ้วกซ้ำ คือคำรับประกันว่า “ตั้งคณะสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัย โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร”
ฟังแล้วดูเหมือนดีมาก! ยิ่งมีการกระทำประกอบความน่าเชื่อถือคือ “ย้ายออกนอกพื้นที่ให้พ้นจากตำแหน่งเดิมเด็ดขาด” ก็ทำให้ชาวบ้านบ้องตื้นโล่งใจ! ขออภัย มีประเด็นชวนให้อ้วกอีกรอบ นายตัวเป้งๆ ไม่ได้พูดถึง “คดีอาญา” สักแอะ! อ้างแต่โทษทางวินัย
ผู้กระทำความผิดไม่ต้องการความยุติธรรม ต้องการให้หลุดจากคดีอาญาเท่านั้น! มีแต่เหยื่อที่ต้องการให้มีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐให้สมกับความร้ายแรงของอาชญากรรมความยุติธรรมไม่ใช่เพียงในคดี เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดีย่อมได้ดี
กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นต้องได้รับการแก้ไข ถ้าจะให้บ้านเมืองมีรากฐานมั่นคงน่าเชื่อถือ คุณท่านผู้นำยังไม่ได้ลงมือทำอะไรด้านนี้อย่างจริงจัง มีตำรวจบอกว่าเขาต้องให้เป็นแบบนี้ เพราะต้องใช้ตำรวจเป็นมือไม้ทำมาหากินแทน อาชีพอื่นเก็บส่วยโดยตรงไม่ได้
จะให้เข้าใจว่าอีกสีหนึ่งต้องใช้อีกสีหนึ่งหารายได้ให้หรือ? ฟังแล้วไม่อยากเชื่อจริงๆ!
ปัญหาธรรมดา นอกเหนือการควบคุม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังเกิดจากวงจรปกติ มีปัจจัยจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ความพยายามให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าประชาชนขาดความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจไม่กล้าลงทุน ความซบเซาจะยิ่งยืดเยื้อ
ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมว่าอยู่ในมาตรฐานยอมรับได้หรือไม่ เอาเพียงขอให้ได้มาตรฐานธรรมดาเช่น “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง สถานภาพเส้นสายใหญ่แค่ไหน ต้องถูกดำเนินคดี ถ้ากระทำความผิด”
ชาวบ้านธรรมดาไร้เส้นสาย นอกจากต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดี ยังพอทำเนา ถ้าโดนยัดข้อหาโดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เท่ากับว่าบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไร้ความยุติธรรม พึ่งพาอาศัยไม่ได้นอกจากเส้นสาย ความช่วยเหลือของผู้มีอิทธิพลและเงิน
กรณีของนางไก่ถูกกล่าวหาว่าได้ประกอบอาชญากรรมสารพัด ระยะเวลาหลาย ต่างกรรมต่างวาระ มีทั้งการเบี้ยวค่าแรง เมื่อเหยื่อโวยวายก็ถูกยัดข้อหาขโมยทรัพย์สิน พ่อแม่ถูกจับกุม การค้ามนุษย์ ฆาตกรรม การต้มตุ๋นหลอกลวง มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม ฯลฯ
คนอย่างนางไก่จะลอยละล่องอยู่ในสังคมด้วยอาชญากรรมต่างๆ ไม่ได้ ถ้าบ้านเรามีกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ขั้นแรกเที่ยงธรรม เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้ากระทำความผิดช่วยเหลืออาชญากร ต้องได้รับผิดหนักกว่าคนทั่วไป ชาวบ้านจึงจะเชื่อถือ
กรณีนางไก่นับว่าไม่ธรรมดา จากการรายงานข่าวต่างๆ เห็นได้ชัดว่านางไก่ใช้สถานีตำรวจประชาชื่นเหมือนเป็นโรงพักส่วนตัว เป็นมือไม้สำหรับก่ออาชญากรรมต่างๆ นานหลายปี ตั้งแต่รุ่นสาวจนถึงวัยเกือบ 60 ปี รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือโดยตรงของตำรวจ
เมื่อคดีถูกปูดออกมา มีเสียงอ้อมแอ้มจากนายตำรวจใหญ่ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกสอบสวน 3 นายน่าสงสัยว่าจะมีพฤติกรรมเป็นตัวช่วย อวยทำคดีให้นางไก่ อาจจะอ่อนประสบการณ์โดนนางไก่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นคุณหญิงมียศศักดิ์ จึงไม่ได้ตรวจสอบ
เป็นข้ออ้างน่าหัวเราะมาก จะให้เชื่อว่าตำรวจทั้งโรงพักไม่รู้เรื่องนางไก่มาโดยตลอดเช่นนั้นหรือว่ามีพฤติกรรมอย่างไร มีปัญหากับลูกจ้างหลายคน โดนคดีลักทรัพย์ทั้งนั้น ช่างเป็นเคราะห์กรรมของนางไก่ ทำคุณคนไม่ขึ้น บริวารเป็นพิษ มีแต่คนจ้องขโมยทรัพย์สิน
กว่าความจริงจะปรากฏ ทำให้ชาวบ้านได้รู้ว่ามีนายตำรวจอย่างน้อย 16 ราย ตั้งแต่ผู้กำกับหลายรุ่นที่โรงพักประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ คอยรับใช้เป็นมือเป็นตีนให้นางไก่ดูแลธุรกิจคาร์แคร์ จ่ายเงินเดือนให้แม่บ้าน รับบริการทำคดีอาญา ทำสำนวนเท็จ
ถ้าไม่ให้เรียกว่าเป็นโรงพักส่วนตัว มีทีมงานตัวช่วยประจำ จะให้เรียกว่าอย่างไร?
จะเป็นอย่างไรก็ตาม นางไก่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาเต็มบ้อง ให้สาสมกับความผิด ชาวบ้านมองว่าเวรกรรมทำงานช้า ปล่อยให้นางไก่ได้ก่อเวรทุกข์เข็ญให้ชาวบ้านจนติดคุก มีการใช้อิทธิพลแอบอ้างสถาบัน ฆาตกรรมเพื่อฮุบที่ดินรู้มากจนอายุอาจมีปัญหาอายุสั้น
เอาเป็นว่าถ้าเพียงติดคุกตลอดชีวิตจริงๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ก็ยังไม่คุ้ม เพราะหลายชีวิตต้องเผชิญทุกข์สารพัด แต่มีเพียงนางไก่ชีวิตเดียวที่ต้องรับกรรม ถ้าไม่หลุดจากข้อกล่าวหาหรือว่ารับโทษแต่ติดคุกไม่นานเพราะกระบวนการลดโทษ บรรเทาโทษสารพัด
เพื่อความเป็นธรรมและความยุติธรรม กฎแห่งเวรกรรม เจ้าหน้าที่และตัวช่วยนางไก่ทั้งหลาย ตามบทบาทส่วนร่วมที่ได้กระทำกับเหยื่อนางไก่ ต้องถูกดำเนินคดีให้รับโทษด้วย ไม่ใช่เพราะเป็นความยุติธรรมต่อระบบ แต่ชดเชยความเสื่อมต่อความน่าเชื่อถือในตำรวจ
ถ้าตำรวจไม่ดำเนินคดีพวกเดียวกันเต็มบ้อง มีท่าทีอวยช่วยเหลือกัน แบบไม่ฆ่ากันแบบเอาเป็นเอาตาย สังคมไทยก็จะไม่พ้นจากปัญหากระบวนการยุติธรรมเป็นพิษภัยต่อประชาชน ยิ่งสร้างความคับแค้น คนถูกยัดข้อหาต้องวิ่งเต้นเพื่อให้หลุดรอดจากมือคนชั่ว
มักมีคำพูดประโยคมาตรฐานจากเจ้าหน้าที่เช่น “จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย!”
เมื่อมีคดีอาญา เจ้าหน้าที่โดนกล่าวหา พวกผู้ใหญ่ผู้โตมักจะพูดแบบนี้ ชาวบ้านหน้าซื่อตาใสอาจฟังแล้วอุ่นใจ แต่คนมีประสบการณ์กับเรื่องพรรค์นี้ได้ยินแล้วอยากจะอ้วกรากแตกรากแตน เพราะถูกตีความไปในแนว “แม่งเอ๊ย! จ้องช่วยพวกเดียวกันอีกแล้ว”
กรณีของนายตำรวจ สน.ประชาชื่น ก็มีนายตำรวจใหญ่พูดแบบนี้ กรณีนายทหารพันเอกสัสดีไปสร้างพฤติกรรมซ่าที่ตลาดยะลาก็มีเจ้านายพูดทำนองนี้! ที่น่าอยากจะอ้วกซ้ำ คือคำรับประกันว่า “ตั้งคณะสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัย โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร”
ฟังแล้วดูเหมือนดีมาก! ยิ่งมีการกระทำประกอบความน่าเชื่อถือคือ “ย้ายออกนอกพื้นที่ให้พ้นจากตำแหน่งเดิมเด็ดขาด” ก็ทำให้ชาวบ้านบ้องตื้นโล่งใจ! ขออภัย มีประเด็นชวนให้อ้วกอีกรอบ นายตัวเป้งๆ ไม่ได้พูดถึง “คดีอาญา” สักแอะ! อ้างแต่โทษทางวินัย
ผู้กระทำความผิดไม่ต้องการความยุติธรรม ต้องการให้หลุดจากคดีอาญาเท่านั้น! มีแต่เหยื่อที่ต้องการให้มีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐให้สมกับความร้ายแรงของอาชญากรรมความยุติธรรมไม่ใช่เพียงในคดี เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดีย่อมได้ดี
กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นต้องได้รับการแก้ไข ถ้าจะให้บ้านเมืองมีรากฐานมั่นคงน่าเชื่อถือ คุณท่านผู้นำยังไม่ได้ลงมือทำอะไรด้านนี้อย่างจริงจัง มีตำรวจบอกว่าเขาต้องให้เป็นแบบนี้ เพราะต้องใช้ตำรวจเป็นมือไม้ทำมาหากินแทน อาชีพอื่นเก็บส่วยโดยตรงไม่ได้
จะให้เข้าใจว่าอีกสีหนึ่งต้องใช้อีกสีหนึ่งหารายได้ให้หรือ? ฟังแล้วไม่อยากเชื่อจริงๆ!