MGR Online - รอง ผบก.ป.เผยเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสอบคดีเศรษฐีนีอุดรฯ เสียชีวิต เบื้องต้นได้รับประวัติการรักษาตัวจากคลินิกแล้ว ด้านอดีตสามีให้ปากคำ ตร.บอกรู้จัก “นางไก่” ที่ รพ. นับถือเป็นพ่อลูก พบปมสงสัยปี 46 ที่ดินมูลค่า 8 ล้านบาทถูกโอนเป็นชื่อนางไก่-ปิติ ก่อนถูกขาย
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนางไก่ ในส่วนกรณีการเสียชีวิตของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล ว่าเบื้องต้นได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป.นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี ไปสอบปากคำพยานแวดล้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ญาติของนางฉวีวรรณ รวมทั้งสอบปากคำหมออุดมซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำการรักษานางฉวีวรรณ พร้อมกันนี้ทางหมออุดมได้มอบเอกสารการรักษานางฉวีวรรณมาให้แก่ชุดสืบสวนเพื่อคลายข้อสงสัย โดยหมออุดมให้การว่านางฉวีวรรณได้มาทำการรักษาที่คลินิกจริงด้วยอาการโรคมะเร็งตับ ได้ทำการรักษาวินิจฉัยให้กลับไปบ้านเพื่อทำการพักฟื้น แต่นางฉวีวรรณประสงค์ขอรักษาพักฟื้นที่คลินิกจนเสียชีวิต จากนั้นหมออุดมได้ทำการนำศพไปที่วัดก่อนทำการฌาปนกิจเนื่องจากไม่สามารถติดต่อทางญาติได้
พล.ต.ต.ชาญกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ได้สอบปากคำนายปิติ ตั้งวิริยะกุล สามีของนางฉวีวรรณ รวมทั้งขอเอกสารหลักฐานที่คาดว่าจะเชื่อมโยงกับทางคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายปิติให้การว่ารู้จักกับนางมณตาที่ รพ.รามาธิบดี เมื่อครั้งที่นายปิติได้พามารดาไปทำการรักษา และได้รู้จักกับนางไก่ พูดคุยกันสนิทสนม เห็นว่านางไก่เป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย จากนั้นนายปิติก็ได้จ้างนางไก่มาดูแลปรนนิบัติมารดาของนายปิติ ระหว่างที่ทำงานก็ได้นับถือเคารพกันในฐานะพ่อกับลูก ทั้งนี้ ในส่วนประวัติของนายปิตินั้น จากคำให้การพบว่านายปิติเคยผ่านการมีลูกมาแล้ว ก่อนที่จะมาแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับนางฉวีวรรณ และประกอบธุรกิจในการสัมปทานเส้นทางการเดินรถระหว่าง กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่มีทายาทร่วมกัน
จนกระทั่งเมื่อราวปี 2546 นายปิติก็ได้เดินทางมากับนางไก่เพื่อมาติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว โดย นายปิติยังให้การว่านางไก่ต้องการที่จะนำที่ดินดังกล่าวไปสร้างสิ่งปลูกสร้างอาศัย ซึ่งก่อนการเสียชีวิตก็ได้ถูกโอนเป็นชื่อนายปิติ และนางไก่ และถูกขายให้ผู้อื่นในเวลาต่อมา