00 ชุลมุนชุลเกไปหมด เรื่องวุ่นของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตั้งแต่การยัดชื่อ น.พ.เรวัต วิศรุตเวช อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ กลับมาให้ สนช.โหวตรับเป็น "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ทั้งที่เคยถูกตีตกไปแล้ว มาจนถึงเรื่องที่ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. มีคำสั่งปลด คุณวุฒิ ตันตระกูล รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และไล่ออก สมชาติ ธรรมศิริ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการสภาฯ เป็นอย่างมาก
00 รายของ “คุณวุฒิ” โดนเชือดเนื่องจากเป็นประธานกรรมการบริหารจัดการที่ดินในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แต่บริหารจัดการขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า ทำให้กระทบกับแผนการก่อสร้าง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณจำนวนมาก ส่วน “สมชาติ” โดนเรื่องยืมเงินจากสโมสรรัฐสภา เป็นเงิน 3.4 ล้านบาทเศษ มาจัดสร้างหลวงปู่ทวด เพื่อเปิดให้ผู้สนใจเช่าบูชา โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำเข้ากองทุนสวัสดิการข้าราชการรัฐสภา จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ก่อนชี้ว่าเป็นการยืมเงินโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายรองรับ อีกทั้งยังไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ครบจำนวน
00 เป็น 2 คำสั่งที่ออกมาพร้อมๆ กัน คำสั่งหนึ่ง “ปลด” เนื่องจากเป็นบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนคำสั่ง “ไล่ออก” นั้นถูกมองว่า “ทุจริตร้ายแรง” กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของวงการข้าราชการเลยทีเดียว เพราะจากข้อหาที่ถูกสอบสวนนั้น บทลงโทษไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้ เหมือน “ฆ่ากันทั้งเป็น” เทียบง่ายๆ กับรายของ สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ถูก คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปเข้ากรุที่ทำเนียบรัฐบาล ฐานมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่จำกันได้คงเป็นเรื่อง “นาฬิกา 7.5 หมื่นบาท” ที่สั่งซื้อมา 200 เรือน แต่คุณภาพกิ๊กก๊อก จนวันนี้ปลดออกแล้วนำนาฬิกาอันละ 200-300 บาท มาติดแทน แต่กว่า 2 ปีมานี้ “สุวิจักขณ์” นอกจากถูกย้ายแล้ว ก็ยังไม่ได้รับโทษใดๆ
00 เห็นว่าทั้ง “คุณวุฒิ - สมชาติ” คงจะสู้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองเต็มที่ เบื้องต้นเตรียมยื่นอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นคงไปร้องต่อศาลปกครองอีก รายของ “สมชาติ” หนักหน่อยที่ถูก “ไล่ออก” เพราะเท่ากับว่า บำเหน็จ-บำนาญ ก็ไม่ได้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ก็จะถูกเรียกคืนด้วย ตรงนี้เองที่ฝ่ายข้าราชการสภามองว่า เรื่องนี้มีลับลมคมในพอสมควร เนื่องจากใช้เวลาสอบสวนไม่นานก็มีคำสั่งออกมา และก็ไม่แน่ว่านักกฎหมายระดับ “พรเพชร” ที่หยิบข้อบังคับมาใช้อย่าง “เลือกปฏิบัติ”
00 ฟังทาง “สมชาติ” ออกมาชี้แจงจัดสร้างหลวงปู่ทวดแล้วก็แปลกใจ เห็นว่าเคยทำกันมาก่อนเมื่อครั้ง วิทูร พุ่งมหิรัญ เป็นเลขาธิการสภาฯ ตอนนั้นเริ่มดำเนินการปี 2552 ก่อนปิดบัญชีชำระเงินคืนสโมสรรัฐสภาได้ในปี 2556 รวมใช้เวลากว่า 5 ปี ส่วนโครงการที่ทำให้ “สมชาติ” ถูกสอบและไล่ออกนี้ เริ่มในสมัยที่ จเร พันธ์เปรื่อง เป็นเลขาฯ และมีการวางแนวทางการดำเนินการเหมือนสมัย “วิทรู” เป๊ะๆ ก่อนที่ “จเร” จะถูกย้าย และ “สมชาติ” มารับไม้ต่อ และเป็นผู้เสนอให้คณะกรรมการที่มีอยู่ 22 ราย เห็นชอบการยืมเงินจากสโมสรรัฐสภา ก่อนที่จะทำรายงานสรุปเพื่อให้ “พรเพชร” รับทราบ โครงการผ่านไปเพียง 2 ปีเศษ จำหน่ายพระที่สร้างไปได้แค่บางส่วน ... ฟังดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรผิดปกติ หรือถ้าผิดทำไม “สมชาติ” โดนเชือดคนเดียว กรรมการที่เหลือ รอดเฉย
** เม้าท์ กันให้แซ่ดสภาฯ ว่า งานนี้มี ชัชวาลย์ อภิบาลศรี สมาชิกสนช. ที่มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา “พรเพชร” ด้วย เป็นตัวละครสำคัญที่โผล่มาในท้องเรื่อง โดยเป็นคนเสนอเรื่องให้ ประธาน สนช.ลงนามเชือดทั้ง “คุณวุฒิ - สมชาติ” ต้นสายปลายเหตุไม่ทราบได้ว่ามาจากเรื่องอะไร เพียงแต่อ่านคำสั่งแล้วก็ทะแม่งๆ เขียนวกไป วนมา ไม่น่าที่นักกฎหมายใหญ่อย่าง “พรเพชร” จะปล่อยผ่านออกมาได้ ที่เขาว่าถูกยัดใส่มือให้รีบๆเซ็นต์ก็น่าจะจริง ใช่ไหมครับ!?!..ทั่นประธาน.
00 รายของ “คุณวุฒิ” โดนเชือดเนื่องจากเป็นประธานกรรมการบริหารจัดการที่ดินในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แต่บริหารจัดการขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า ทำให้กระทบกับแผนการก่อสร้าง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณจำนวนมาก ส่วน “สมชาติ” โดนเรื่องยืมเงินจากสโมสรรัฐสภา เป็นเงิน 3.4 ล้านบาทเศษ มาจัดสร้างหลวงปู่ทวด เพื่อเปิดให้ผู้สนใจเช่าบูชา โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำเข้ากองทุนสวัสดิการข้าราชการรัฐสภา จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ก่อนชี้ว่าเป็นการยืมเงินโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายรองรับ อีกทั้งยังไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ครบจำนวน
00 เป็น 2 คำสั่งที่ออกมาพร้อมๆ กัน คำสั่งหนึ่ง “ปลด” เนื่องจากเป็นบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนคำสั่ง “ไล่ออก” นั้นถูกมองว่า “ทุจริตร้ายแรง” กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของวงการข้าราชการเลยทีเดียว เพราะจากข้อหาที่ถูกสอบสวนนั้น บทลงโทษไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้ เหมือน “ฆ่ากันทั้งเป็น” เทียบง่ายๆ กับรายของ สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ถูก คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปเข้ากรุที่ทำเนียบรัฐบาล ฐานมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่จำกันได้คงเป็นเรื่อง “นาฬิกา 7.5 หมื่นบาท” ที่สั่งซื้อมา 200 เรือน แต่คุณภาพกิ๊กก๊อก จนวันนี้ปลดออกแล้วนำนาฬิกาอันละ 200-300 บาท มาติดแทน แต่กว่า 2 ปีมานี้ “สุวิจักขณ์” นอกจากถูกย้ายแล้ว ก็ยังไม่ได้รับโทษใดๆ
00 เห็นว่าทั้ง “คุณวุฒิ - สมชาติ” คงจะสู้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองเต็มที่ เบื้องต้นเตรียมยื่นอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นคงไปร้องต่อศาลปกครองอีก รายของ “สมชาติ” หนักหน่อยที่ถูก “ไล่ออก” เพราะเท่ากับว่า บำเหน็จ-บำนาญ ก็ไม่ได้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ก็จะถูกเรียกคืนด้วย ตรงนี้เองที่ฝ่ายข้าราชการสภามองว่า เรื่องนี้มีลับลมคมในพอสมควร เนื่องจากใช้เวลาสอบสวนไม่นานก็มีคำสั่งออกมา และก็ไม่แน่ว่านักกฎหมายระดับ “พรเพชร” ที่หยิบข้อบังคับมาใช้อย่าง “เลือกปฏิบัติ”
00 ฟังทาง “สมชาติ” ออกมาชี้แจงจัดสร้างหลวงปู่ทวดแล้วก็แปลกใจ เห็นว่าเคยทำกันมาก่อนเมื่อครั้ง วิทูร พุ่งมหิรัญ เป็นเลขาธิการสภาฯ ตอนนั้นเริ่มดำเนินการปี 2552 ก่อนปิดบัญชีชำระเงินคืนสโมสรรัฐสภาได้ในปี 2556 รวมใช้เวลากว่า 5 ปี ส่วนโครงการที่ทำให้ “สมชาติ” ถูกสอบและไล่ออกนี้ เริ่มในสมัยที่ จเร พันธ์เปรื่อง เป็นเลขาฯ และมีการวางแนวทางการดำเนินการเหมือนสมัย “วิทรู” เป๊ะๆ ก่อนที่ “จเร” จะถูกย้าย และ “สมชาติ” มารับไม้ต่อ และเป็นผู้เสนอให้คณะกรรมการที่มีอยู่ 22 ราย เห็นชอบการยืมเงินจากสโมสรรัฐสภา ก่อนที่จะทำรายงานสรุปเพื่อให้ “พรเพชร” รับทราบ โครงการผ่านไปเพียง 2 ปีเศษ จำหน่ายพระที่สร้างไปได้แค่บางส่วน ... ฟังดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรผิดปกติ หรือถ้าผิดทำไม “สมชาติ” โดนเชือดคนเดียว กรรมการที่เหลือ รอดเฉย
** เม้าท์ กันให้แซ่ดสภาฯ ว่า งานนี้มี ชัชวาลย์ อภิบาลศรี สมาชิกสนช. ที่มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา “พรเพชร” ด้วย เป็นตัวละครสำคัญที่โผล่มาในท้องเรื่อง โดยเป็นคนเสนอเรื่องให้ ประธาน สนช.ลงนามเชือดทั้ง “คุณวุฒิ - สมชาติ” ต้นสายปลายเหตุไม่ทราบได้ว่ามาจากเรื่องอะไร เพียงแต่อ่านคำสั่งแล้วก็ทะแม่งๆ เขียนวกไป วนมา ไม่น่าที่นักกฎหมายใหญ่อย่าง “พรเพชร” จะปล่อยผ่านออกมาได้ ที่เขาว่าถูกยัดใส่มือให้รีบๆเซ็นต์ก็น่าจะจริง ใช่ไหมครับ!?!..ทั่นประธาน.