วานนี้ (7ก.ค.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า สำนักงานกกต.ได้ออกหนังสือชี้แจงถึงสื่อมวลชน ในกรณีที่มีข่าวว่า กกต.ไม่จัดส่งร่างรธน. และสรุปสาระสำคัญของร่างรธน.ให้กับทุกครัวเรือน ว่า ตามรธน.ชั่วคราว กำหนดให้กกต.จัดพิมพ์ และเผยแพร่ร่างรธน.เป็นการทั่วไป ไม่ได้กำหนดให้ กกต. ต้องส่งให้กับทุกครัวเรือน มีเพียงจุลสารการออกเสียงประชามติ หรือ บุ๊คเล็ต เท่านั้นที่ กกต.จะส่งให้กับผู้มีสิทธิออกเสียงทุกครัวเรือน
ดังนั้น ที่มีเสียงวิจารณ์ว่า กกต.บกพร่องต่อหน้าที่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกกต.ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งการทำประชามติครั้งนี้ ทาง กกต.ก็ได้มีการนำข้อมูลสาระสำคัญ ใส่ไว้ในเว็บไซต์ของ กกต. และแอพพลิเคชันฉลาดรู้ หากประชาชนต้องการรู้รายละเอียด ก็สามารถเข้าไปดูได้
ส่วนกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. จะหาหรือกับกกต. กรณีการแจกจ่ายเอกสารที่มีเนื้อหาบิดเบือนไปจากร่างรธน. นายศุภชัย กล่าวว่า หากมีการนัดหมายมา กกต.ก็ไม่ขัดข้อง พร้อมร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมาอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ การที่จะรู้ว่าเนื้อหาที่มีการจัดทำบิดเบือนหรือไม่ ผู้ที่จะทราบคำตอบดีก็คือ กรธ. หากบอกว่ามีเนื้อหาบิดเบือน กกต.ก็พร้อมดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.กับ กรธ. ควรจะคุยกันสักครั้ง ในช่วง 30 วันที่เหลือ ก่อนประชามติ ว่าจะทำงานร่วมกันอย่างไรได้บ้าง โดยประเด็นแรกที่ควรหารือกัน คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาสาระของร่างรธน. อย่างทั่วถึง และทำอย่างไรให้การออกเสียงครั้งนี้เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม และได้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ทำให้การตัดสินใจถูกบิดเบือนไป ตัดสินใจอยู่บนพื้นที่ฐานที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เปิดเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า การแสดงความคิดเห็นต้องอยู่บนพื้นฐาน ไม่เท็จ ไม่หยาบคาย และไม่ปลุกระดม ซึ่งเรื่องหยาบคาย อยู่ในวิสัยที่กกต.สามารถพิจารณาได้ แต่เรื่องบิดเบือนเป็นเท็จ กกต.ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากกรธ. พิจารณาว่าเนื้อหาผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่ ส่วนการปลุกระดม เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวถึง กระแสตอบรับการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เกี่ยวกับการสนับสนุนร่างรธน. ว่า ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ ส่วนเสียงวิจารณ์ และคำชม เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าทำด้วยความสุจริตใจ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และคิดว่าหากโชคดีร่าง รธน.นี้ผ่านประชามติ ก็จะทำให้เกิดการปฏิรูปประเทศ และอนาคตประเทศดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ กปปส.คาดหวังไว้
ส่วน เรื่องที่รัฐบาลตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อดูแลการลงประชามติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่อีกฝ่ายอาจมีเจตนาอย่างอื่น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ขอฝากถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหว ขอให้เคารพกฎหมายเป็นหลัก เช่นเดียวกับตนที่เคลื่อนไหว หาก คสช.สั่งให้หยุด ตนก็ยินดีหยุดทันที
นายสุเทพ ยืนยันด้วยว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมือง และไม่ตั้งพรรคใหม่แน่นอน แม้แต่การเป็น ส.ว.สรรหา ก็ไม่รับ ส่วนแกนนำกปปส. คนอื่นๆ หากจะหวนกลับไปสังกัดพรรคการเมืองใด ก็ไม่ได้ห้าม ถือเป็นเรื่องของแต่ละคน และการพบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (7 ก.ค.) ก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองใดๆ เพราะถือว่าตนได้ออกจากพรรค มาแล้ว
ดังนั้น ที่มีเสียงวิจารณ์ว่า กกต.บกพร่องต่อหน้าที่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกกต.ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งการทำประชามติครั้งนี้ ทาง กกต.ก็ได้มีการนำข้อมูลสาระสำคัญ ใส่ไว้ในเว็บไซต์ของ กกต. และแอพพลิเคชันฉลาดรู้ หากประชาชนต้องการรู้รายละเอียด ก็สามารถเข้าไปดูได้
ส่วนกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. จะหาหรือกับกกต. กรณีการแจกจ่ายเอกสารที่มีเนื้อหาบิดเบือนไปจากร่างรธน. นายศุภชัย กล่าวว่า หากมีการนัดหมายมา กกต.ก็ไม่ขัดข้อง พร้อมร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมาอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ การที่จะรู้ว่าเนื้อหาที่มีการจัดทำบิดเบือนหรือไม่ ผู้ที่จะทราบคำตอบดีก็คือ กรธ. หากบอกว่ามีเนื้อหาบิดเบือน กกต.ก็พร้อมดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.กับ กรธ. ควรจะคุยกันสักครั้ง ในช่วง 30 วันที่เหลือ ก่อนประชามติ ว่าจะทำงานร่วมกันอย่างไรได้บ้าง โดยประเด็นแรกที่ควรหารือกัน คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจเนื้อหาสาระของร่างรธน. อย่างทั่วถึง และทำอย่างไรให้การออกเสียงครั้งนี้เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม และได้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ทำให้การตัดสินใจถูกบิดเบือนไป ตัดสินใจอยู่บนพื้นที่ฐานที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เปิดเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า การแสดงความคิดเห็นต้องอยู่บนพื้นฐาน ไม่เท็จ ไม่หยาบคาย และไม่ปลุกระดม ซึ่งเรื่องหยาบคาย อยู่ในวิสัยที่กกต.สามารถพิจารณาได้ แต่เรื่องบิดเบือนเป็นเท็จ กกต.ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากกรธ. พิจารณาว่าเนื้อหาผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่ ส่วนการปลุกระดม เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวถึง กระแสตอบรับการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เกี่ยวกับการสนับสนุนร่างรธน. ว่า ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ ส่วนเสียงวิจารณ์ และคำชม เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าทำด้วยความสุจริตใจ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และคิดว่าหากโชคดีร่าง รธน.นี้ผ่านประชามติ ก็จะทำให้เกิดการปฏิรูปประเทศ และอนาคตประเทศดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ กปปส.คาดหวังไว้
ส่วน เรื่องที่รัฐบาลตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อดูแลการลงประชามติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่อีกฝ่ายอาจมีเจตนาอย่างอื่น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ขอฝากถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหว ขอให้เคารพกฎหมายเป็นหลัก เช่นเดียวกับตนที่เคลื่อนไหว หาก คสช.สั่งให้หยุด ตนก็ยินดีหยุดทันที
นายสุเทพ ยืนยันด้วยว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมือง และไม่ตั้งพรรคใหม่แน่นอน แม้แต่การเป็น ส.ว.สรรหา ก็ไม่รับ ส่วนแกนนำกปปส. คนอื่นๆ หากจะหวนกลับไปสังกัดพรรคการเมืองใด ก็ไม่ได้ห้าม ถือเป็นเรื่องของแต่ละคน และการพบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (7 ก.ค.) ก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองใดๆ เพราะถือว่าตนได้ออกจากพรรค มาแล้ว
