00 มันก็คือๆกันแหละ ไม่ว่ามูฟเมนท์ของ“เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ผุดไอเดียชวนเพื่อนร่วมอาชีพมาจับเข่าคุยหาทางออกประเทศ หรือจะเป็น “เสี่ยจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. ที่เปิดหน้าเดินสายพบปะตัวแทนนักการเมือง ไปเยือน 2 พรรคใหญ่ถึงถิ่นมาแล้ว ในอารมณ์ของคนที่พยายามหรือ“ตะเกียกตะกาย”สร้างตัวตนให้เป็น“มือประสานสิบทิศ”หรือ “ดีลเมกเกอร์”บ่มเพาะบารมีสร้างเครือข่ายให้ตัวเอง
00 เป็นสูตรสำเร็จทางการเมือง ที่ในยามมีความขัดแย้ง ไม่ว่าจะฝ่ายใด ใครที่ “ทะลุกลางป้อง”ขึ้นมาเป็นคนประนีประนอมให้ “คู่ขัดแย้ง”ลดราวาศอกกันได้ ก็ได้สิทธิ์หอบ “เครดิต”ไปเคลมผลประโยชน์ในอนาคต เหมือนครั้งหนึ่งที่“ขงเบ้งจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศตัวขอเป็น“โซ่ข้อกลาง”สมานความแตกแยกขัดแย้ง ไปได้ไม่กี่น้ำก็เหลว ก็ขึ้นชื่อว่าเป็น“นักการเมือง”ใครมันจะไปเชื่อน้ำยา สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องสมประโยชน์ มือใครยาวก็สาวกันไป ไอ้เรื่องปรองดองสมานฉันท์เพื่อชาติ เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
00 ฉบับเมื่อวานบอกไปแล้วถึง“แรงเสียดทาน”ที่ “เจ๊หน่อย”โดนกระหน่ำจนไปไม่เป็น ศพรายต่อมาก็“เสี่ยจ้อน”ที่เจอ “เพื่อนสมาชิก”รุมถล่มไม่เหลือชิ้นดีในที่ประชุมสปท. หวดกันซึ่งหน้าว่า“ออฟไซด์”ล้ำเส้น ที่ไปเดินสายหานักการเมือง แฉลบไปเรื่องผลาญงบประชุมสัมมนา แจกของที่ระลึก ไม่ต่างจากยุคนักการเมือง ร้อนถึง ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ต้องกางปีกปกป้อง ไม่ตั้งกรรมการสอบ หากผิดพลาดประการใดก็ขอรับผิดชอบด้วย ... ถือเป็นวิถีของ“ผู้นำ”ที่ดีนะ อันนี้ชื่นชม
00 แต่ที่ต้องตำหนิ ก็เรื่องที่“ท่านทินพันธุ์”สารภาพกลางวงสื่อว่า เวลา“เสี่ยจ้อน”ทำอะไร ตัวเองรู้มั่ง ไม่รู้มั่ง คอนเฟิร์มข่าวเม้าต์ ลั่นสภาว่า “ท่านรอง 1” ทำอะไรไม่ค่อยเห็นหัวประธาน อันนี้เรื่องจริง สำทับกับความ“หมั่นไส้”ที่เพื่อนสมาชิก-ข้าราชการมีต่อ“รองฯจ้อน”เรื่องของเรื่องก็พี่เล่น“โชว์ออฟ”เอาหน้าอยู่คนเดียว ใครมันจะไปทนไหว พอทะลึ่งไปเดินสายหานักการเมือง พวกก็เกร็งข้อรออยู่แล้ว หวดใส่แบบไม่ยั้ง ทั้งที่กลางเดือนนี้ก็มีนัดหมายทุกพรรคการเมืองมาอัพเดทงานปฏิรูปอยู่แล้ว ... เชื่อสิ เดี๋ยวจะมีกดดันกันถึงขั้นเปลี่ยนตัว“รอง 1”เข้าทำนองสมบัติผลัดกันชม เก้าอี้ผลัดกันนั่ง
00 มือกฎหมาย คสช. วิษณุ เครืองาม นั่งยัน นอนยัน ไม่เคยมีแนวคิด“เซตซีโร่”ยุบพรรคการเมืองในสารบบทั้งหมด แล้วให้จดทะเบียนกันใหม่ ก่อนการเลือกตั้งที่ (อาจจะ) มีในช่วงปี 2560 ไม่ว่าผลประชามติ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นยังไง เช่นเดียวกับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ที่บอกว่า ในร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกไว้ต้อง“ล้างไพ่” กันใหม่ แหมก็ถ้าเอาจริงก็ไม่เห็นต้องไปเขียนอะไรให้วุ่นวาย ประกาศ มาตรา 44 ตู้มเดียวก็หายวับกันหมดแล้ว เท่าที่เช็คแทบทุกพรรค พรรคใหญ่-กลาง-เล็ก ดูจะเห็นด้วย
หมด ยิ่ง “เพื่อไทย”ไม่ต้องพูด ชิลล์ๆ ยุบแบบ“ล้างไพ่” พร้อมๆ คนอื่นก็เยี่ยม ดีกว่าโดนยุบเดี่ยวแบบที่โดนมาสองครั้งสองครา
00 ที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็คงมีแต่“ค่ายสีฟ้า”พรรคประชาธิปัตย์ วันก่อนเห็น“เสี่ยโย่ง”องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค บอกไม่เห็นประโยชน์ของการ “เซตซีโร่”มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้พรรคการเมือง ที่ต้องทำเรื่องธุรการ แถมต้องไล่ล่าหาสมาชิกกันใหม่ “ค่ายสีฟ้า”ก็คง “หวงก้าง”เป็นธรรมดา ตัวเองมีต้นทุนอยู่แล้ว ถ้าล้างไพ่ช่วงนี้ ตามสมาชิกกลับมาไม่ได้เท่าเดิมแน่ อารมณ์คน-บริบทการเมืองเปลี่ยนไปเยอะ เอาจริงๆ ที่ผ่านมาก็มี“สาวก ปชป.”อยากตีจากย้ายค่ายเยอะ ติดก็แต่ปัญหาจุกจิกที่วุ่นวายกว่าย้ายค่ายมือถือเสียอีก เลยไม่ได้ไปไหนกัน .
00 เป็นสูตรสำเร็จทางการเมือง ที่ในยามมีความขัดแย้ง ไม่ว่าจะฝ่ายใด ใครที่ “ทะลุกลางป้อง”ขึ้นมาเป็นคนประนีประนอมให้ “คู่ขัดแย้ง”ลดราวาศอกกันได้ ก็ได้สิทธิ์หอบ “เครดิต”ไปเคลมผลประโยชน์ในอนาคต เหมือนครั้งหนึ่งที่“ขงเบ้งจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศตัวขอเป็น“โซ่ข้อกลาง”สมานความแตกแยกขัดแย้ง ไปได้ไม่กี่น้ำก็เหลว ก็ขึ้นชื่อว่าเป็น“นักการเมือง”ใครมันจะไปเชื่อน้ำยา สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องสมประโยชน์ มือใครยาวก็สาวกันไป ไอ้เรื่องปรองดองสมานฉันท์เพื่อชาติ เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
00 ฉบับเมื่อวานบอกไปแล้วถึง“แรงเสียดทาน”ที่ “เจ๊หน่อย”โดนกระหน่ำจนไปไม่เป็น ศพรายต่อมาก็“เสี่ยจ้อน”ที่เจอ “เพื่อนสมาชิก”รุมถล่มไม่เหลือชิ้นดีในที่ประชุมสปท. หวดกันซึ่งหน้าว่า“ออฟไซด์”ล้ำเส้น ที่ไปเดินสายหานักการเมือง แฉลบไปเรื่องผลาญงบประชุมสัมมนา แจกของที่ระลึก ไม่ต่างจากยุคนักการเมือง ร้อนถึง ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ต้องกางปีกปกป้อง ไม่ตั้งกรรมการสอบ หากผิดพลาดประการใดก็ขอรับผิดชอบด้วย ... ถือเป็นวิถีของ“ผู้นำ”ที่ดีนะ อันนี้ชื่นชม
00 แต่ที่ต้องตำหนิ ก็เรื่องที่“ท่านทินพันธุ์”สารภาพกลางวงสื่อว่า เวลา“เสี่ยจ้อน”ทำอะไร ตัวเองรู้มั่ง ไม่รู้มั่ง คอนเฟิร์มข่าวเม้าต์ ลั่นสภาว่า “ท่านรอง 1” ทำอะไรไม่ค่อยเห็นหัวประธาน อันนี้เรื่องจริง สำทับกับความ“หมั่นไส้”ที่เพื่อนสมาชิก-ข้าราชการมีต่อ“รองฯจ้อน”เรื่องของเรื่องก็พี่เล่น“โชว์ออฟ”เอาหน้าอยู่คนเดียว ใครมันจะไปทนไหว พอทะลึ่งไปเดินสายหานักการเมือง พวกก็เกร็งข้อรออยู่แล้ว หวดใส่แบบไม่ยั้ง ทั้งที่กลางเดือนนี้ก็มีนัดหมายทุกพรรคการเมืองมาอัพเดทงานปฏิรูปอยู่แล้ว ... เชื่อสิ เดี๋ยวจะมีกดดันกันถึงขั้นเปลี่ยนตัว“รอง 1”เข้าทำนองสมบัติผลัดกันชม เก้าอี้ผลัดกันนั่ง
00 มือกฎหมาย คสช. วิษณุ เครืองาม นั่งยัน นอนยัน ไม่เคยมีแนวคิด“เซตซีโร่”ยุบพรรคการเมืองในสารบบทั้งหมด แล้วให้จดทะเบียนกันใหม่ ก่อนการเลือกตั้งที่ (อาจจะ) มีในช่วงปี 2560 ไม่ว่าผลประชามติ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นยังไง เช่นเดียวกับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ที่บอกว่า ในร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกไว้ต้อง“ล้างไพ่” กันใหม่ แหมก็ถ้าเอาจริงก็ไม่เห็นต้องไปเขียนอะไรให้วุ่นวาย ประกาศ มาตรา 44 ตู้มเดียวก็หายวับกันหมดแล้ว เท่าที่เช็คแทบทุกพรรค พรรคใหญ่-กลาง-เล็ก ดูจะเห็นด้วย
หมด ยิ่ง “เพื่อไทย”ไม่ต้องพูด ชิลล์ๆ ยุบแบบ“ล้างไพ่” พร้อมๆ คนอื่นก็เยี่ยม ดีกว่าโดนยุบเดี่ยวแบบที่โดนมาสองครั้งสองครา
00 ที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็คงมีแต่“ค่ายสีฟ้า”พรรคประชาธิปัตย์ วันก่อนเห็น“เสี่ยโย่ง”องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค บอกไม่เห็นประโยชน์ของการ “เซตซีโร่”มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้พรรคการเมือง ที่ต้องทำเรื่องธุรการ แถมต้องไล่ล่าหาสมาชิกกันใหม่ “ค่ายสีฟ้า”ก็คง “หวงก้าง”เป็นธรรมดา ตัวเองมีต้นทุนอยู่แล้ว ถ้าล้างไพ่ช่วงนี้ ตามสมาชิกกลับมาไม่ได้เท่าเดิมแน่ อารมณ์คน-บริบทการเมืองเปลี่ยนไปเยอะ เอาจริงๆ ที่ผ่านมาก็มี“สาวก ปชป.”อยากตีจากย้ายค่ายเยอะ ติดก็แต่ปัญหาจุกจิกที่วุ่นวายกว่าย้ายค่ายมือถือเสียอีก เลยไม่ได้ไปไหนกัน .