ปรีดี พนมยงค์-ผู้นำการเปลี่ยนแปลงชาติไทยในปี 2475 ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปนานแล้วที่ฝรั่งเศส! อลิซาเบธ วอร์เรน-วุฒิสมาชิกหญิงมะกันที่ยังมีชีวิตอยู่! พลเมืองไทย-ที่มีชีวิตอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป!
“ความคิด-คำพูด” ของ “ปรีดี-อลิซาเบธ” กับ “พลเมืองไทย” เกี่ยวพันกันโดยปริยายตรงที่...
ปรีดี-ให้สัมภาษณ์นิตยสาร “เอเชียวีค” วันที่ 28 ธันวาคม 2523 ก่อนอสัญกรรมไม่ถึงสามปี ว่า
“ในปี ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุ 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดประสบการณ์ แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ และโดยปราศจากประสบการณ์ บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริง ในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์ มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี ในปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) ข้าพเจ้า 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดประสบการณ์ และครั้นข้าพเจ้ามีประสบการณ์มากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”
“ปรีดี-ขาดประสบการณ์” แต่ทำการใหญ่ ที่บ้างเรียก “อภิวัฒน์” บ้างเรียก “รัฐประหาร” ที่แน่ๆ...เป็นการยึดอำนาจรัฐที่ประสบชัยชนะ
ด้วยด้อยประสบการณ์จึงล้มเหลว เพราะ “คณะราษฎร์” นำโดย “ปรีดี” ใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้ง ลอกแบบตะวันตกทั้งดุ้นมาปกครองชาติไทย ทั้งๆ ที่ชาติและคนไทยส่วนใหญ่ไม่พร้อมแทบทุกมิติ จึงเป็น “ประชาธิปไตยชิงสุกก่อนห่าม” ไปเสียฉิบ!
“ปรีดี” ที่หวังดีต่อชาติ ย่อมไม่ต้องการเผด็จการรัฐสภา! ไม่ต้องการรัฐบาลโกงชาติ! ไม่ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอม! แต่เพราะความไร้คุณธรรมของ “กลุ่มคน” ที่เข้ามาทำงานการเมืองหรือบริหารชาติ ซึ่งเห็นแก่ลาภ-ยศ-เงินทองชนิดไม่รู้จักพอ ทำให้ประชาธิปไตยเลือกตั้งของชาติไทย เป็นช่องทางให้คนโกงเข้ามาโกงการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลเพื่อปล้นชาติ
84 ปี หลัง “คณะราษฎร์” ก่อการยึดอำนาจรัฐ จึงเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากสองเรื่อง ที่ทำร้ายชาติเรื่อยมาจนทุกวันนี้ นั่นคือ
ชาติไทย-มีรัฐบาลโกงเลือกตั้ง กับ รัฐบาลรัฐประหาร หรือ รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา กับ รัฐบาลเผด็จการทหาร เข้ามาบริหารชาติแบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง!”
อีกทั้งรัฐบาลทหารที่ผ่านมานั่นแหละ ที่นำชาติหวนกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองทุกครั้ง...
ด้วยการทำให้การเมืองไทย นับเลขวนอยู่แค่หนึ่งถึงหก... หนึ่ง-มีการเลือกตั้งขี้โกง! สอง-ส.ส.ชั่วส่วนใหญ่เข้ายึดสภาฯ! สาม-สภาฯ เผด็จการตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม.ชั่ว! สี่-รัฐบาลใช้อำนาจอธรรมโกงชาติ! ห้า-ประชาชนทนไม่ไหวต้องขับไล่รัฐบาลโกงชาติ! หก-รัฐบาลชั่วมักหาทางออก ด้วยการปรับ ครม.หรือยุบสภา หรือ โดนรัฐประหาร!
วงจรอุบาทว์ซ้ำซากทางการเมืองนี้ แม้ต้นเหตุจะเกิดจากนักการเมืองโกงชาติ ทว่ารัฐบาลเผด็จการทหารก็ไม่ปฏิรูปชาติอย่างจริงจัง ไม่เคยสร้างประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่เหมาะสมกับชาติและชาวไทย คนดี-จึงไม่ได้ปกครองชาติอย่างถาวร และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจก็ไม่ได้อีกด้วย
นั่นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจาก ปี 2475 ของ “คณะราษฎร์” นำโดย ปรีดี พนมยงค์ ที่เปลี่ยนแปลงชาติด้วยความด้อยประสบการณ์ และบนความไม่พร้อมแทบทุกมิติของชาติและคนไทย
ส่วน อลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกหญิงมะกัน พูดไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า...
“ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้เพราะกฎหมาย แต่ประเทศจะยั่งยืนอยู่ได้ด้วยกำลังของพลเมืองดี ที่ไม่ดูดายและยอมแพ้ต่อคนชั่วคนทุจริต ที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติ พลเมืองดีจึงต้องยืนหยัดรักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคงเพื่อลูกหลานรุ่นต่อไป”
ประชาธิปไตยที่แท้จริงผลประโยชน์ต้องได้กับคนส่วนใหญ่! ประชาธิปไตยไทย-ทำให้คนส่วนน้อยรวยแล้วรวยอีก-รวยไม่รู้จักพอ ท่ามกลางคนส่วนใหญ่ที่ยากจนลงเรื่อยๆ! อีกทั้ง “รัฐบาล” ก็เอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยเป็นหลัก! ชาติไทยจึงยังไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนเลย...จริงไหม?
รัฐธรรมนูญไทยก็ถูกฉีกและถูกร่างใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า!
ทั้งนี้เพราะนักการเมืองชั่วเห็นแก่ตัวและขี้โกง รัฐธรรมนูญห้ามโกงเลือกตั้ง-ก็โกงกัน! ห้ามเป็นเผด็จการรัฐสภา-ก็เป็นเผด็จการรัฐสภาเฉยเลย! ห้ามรัฐบาลคอร์รัปชันโกงชาติ-ก็โกงชาติกันหน้าด้านๆ! เรียกว่า... นักการเมืองไทยส่วนใหญ่ชั่วได้ใจมาทุกยุคสมัย!
รัฐธรรมนูญจึงมิใช่ปัญหาของชาติ “คนชั่ว” ที่เป็นนักการเมืองต่างหาก ที่นำวิกฤตเลวร้ายทั้งหลายมาสู่ชาติไทย
กฎหมาย-ก็อยู่ที่ “คน” บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความยุติธรรม กฎหมายต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับคนส่วนใหญ่ มิใช่ไปเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใช้กฎหมายและคนส่วนน้อย
ดังนั้น “พลเมืองดี” จึงเป็นสิ่งสำคัญและล้ำค่ายิ่งของทุกสังคม ถ้าพลเมืองดีกล้าหาญในการทำความดี แน่นอน...คนชั่วจะยึดอำนาจรัฐด้วยการโกงไม่ได้! รัฐบาลจะคอร์รัปชันชาติก็ไม่ได้เช่นกัน...จริงไหม?
คำพูด “อลิซาเบธ วอร์เรน” มิใช่เรื่องใหม่ คนไทยส่วนใหญ่รู้อยู่แล้ว แต่ชาติไทยไม่มีโอกาสได้ “ผู้นำดี” ปกครองชาติอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ขอย้ำว่า “ผู้นำดี” กับ “พลเมืองดี” ในชาติไทย ยังไม่มีโอกาสทำให้ชาติไทยดีขึ้น...เท่านั้นเอง...!
“ความคิด-คำพูด” ของ “ปรีดี-อลิซาเบธ” กับ “พลเมืองไทย” เกี่ยวพันกันโดยปริยายตรงที่...
ปรีดี-ให้สัมภาษณ์นิตยสาร “เอเชียวีค” วันที่ 28 ธันวาคม 2523 ก่อนอสัญกรรมไม่ถึงสามปี ว่า
“ในปี ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุ 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดประสบการณ์ แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ และโดยปราศจากประสบการณ์ บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริง ในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์ มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี ในปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) ข้าพเจ้า 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดประสบการณ์ และครั้นข้าพเจ้ามีประสบการณ์มากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”
“ปรีดี-ขาดประสบการณ์” แต่ทำการใหญ่ ที่บ้างเรียก “อภิวัฒน์” บ้างเรียก “รัฐประหาร” ที่แน่ๆ...เป็นการยึดอำนาจรัฐที่ประสบชัยชนะ
ด้วยด้อยประสบการณ์จึงล้มเหลว เพราะ “คณะราษฎร์” นำโดย “ปรีดี” ใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้ง ลอกแบบตะวันตกทั้งดุ้นมาปกครองชาติไทย ทั้งๆ ที่ชาติและคนไทยส่วนใหญ่ไม่พร้อมแทบทุกมิติ จึงเป็น “ประชาธิปไตยชิงสุกก่อนห่าม” ไปเสียฉิบ!
“ปรีดี” ที่หวังดีต่อชาติ ย่อมไม่ต้องการเผด็จการรัฐสภา! ไม่ต้องการรัฐบาลโกงชาติ! ไม่ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอม! แต่เพราะความไร้คุณธรรมของ “กลุ่มคน” ที่เข้ามาทำงานการเมืองหรือบริหารชาติ ซึ่งเห็นแก่ลาภ-ยศ-เงินทองชนิดไม่รู้จักพอ ทำให้ประชาธิปไตยเลือกตั้งของชาติไทย เป็นช่องทางให้คนโกงเข้ามาโกงการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลเพื่อปล้นชาติ
84 ปี หลัง “คณะราษฎร์” ก่อการยึดอำนาจรัฐ จึงเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากสองเรื่อง ที่ทำร้ายชาติเรื่อยมาจนทุกวันนี้ นั่นคือ
ชาติไทย-มีรัฐบาลโกงเลือกตั้ง กับ รัฐบาลรัฐประหาร หรือ รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา กับ รัฐบาลเผด็จการทหาร เข้ามาบริหารชาติแบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง!”
อีกทั้งรัฐบาลทหารที่ผ่านมานั่นแหละ ที่นำชาติหวนกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองทุกครั้ง...
ด้วยการทำให้การเมืองไทย นับเลขวนอยู่แค่หนึ่งถึงหก... หนึ่ง-มีการเลือกตั้งขี้โกง! สอง-ส.ส.ชั่วส่วนใหญ่เข้ายึดสภาฯ! สาม-สภาฯ เผด็จการตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม.ชั่ว! สี่-รัฐบาลใช้อำนาจอธรรมโกงชาติ! ห้า-ประชาชนทนไม่ไหวต้องขับไล่รัฐบาลโกงชาติ! หก-รัฐบาลชั่วมักหาทางออก ด้วยการปรับ ครม.หรือยุบสภา หรือ โดนรัฐประหาร!
วงจรอุบาทว์ซ้ำซากทางการเมืองนี้ แม้ต้นเหตุจะเกิดจากนักการเมืองโกงชาติ ทว่ารัฐบาลเผด็จการทหารก็ไม่ปฏิรูปชาติอย่างจริงจัง ไม่เคยสร้างประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่เหมาะสมกับชาติและชาวไทย คนดี-จึงไม่ได้ปกครองชาติอย่างถาวร และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจก็ไม่ได้อีกด้วย
นั่นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจาก ปี 2475 ของ “คณะราษฎร์” นำโดย ปรีดี พนมยงค์ ที่เปลี่ยนแปลงชาติด้วยความด้อยประสบการณ์ และบนความไม่พร้อมแทบทุกมิติของชาติและคนไทย
ส่วน อลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกหญิงมะกัน พูดไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า...
“ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้เพราะกฎหมาย แต่ประเทศจะยั่งยืนอยู่ได้ด้วยกำลังของพลเมืองดี ที่ไม่ดูดายและยอมแพ้ต่อคนชั่วคนทุจริต ที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติ พลเมืองดีจึงต้องยืนหยัดรักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคงเพื่อลูกหลานรุ่นต่อไป”
ประชาธิปไตยที่แท้จริงผลประโยชน์ต้องได้กับคนส่วนใหญ่! ประชาธิปไตยไทย-ทำให้คนส่วนน้อยรวยแล้วรวยอีก-รวยไม่รู้จักพอ ท่ามกลางคนส่วนใหญ่ที่ยากจนลงเรื่อยๆ! อีกทั้ง “รัฐบาล” ก็เอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยเป็นหลัก! ชาติไทยจึงยังไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนเลย...จริงไหม?
รัฐธรรมนูญไทยก็ถูกฉีกและถูกร่างใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า!
ทั้งนี้เพราะนักการเมืองชั่วเห็นแก่ตัวและขี้โกง รัฐธรรมนูญห้ามโกงเลือกตั้ง-ก็โกงกัน! ห้ามเป็นเผด็จการรัฐสภา-ก็เป็นเผด็จการรัฐสภาเฉยเลย! ห้ามรัฐบาลคอร์รัปชันโกงชาติ-ก็โกงชาติกันหน้าด้านๆ! เรียกว่า... นักการเมืองไทยส่วนใหญ่ชั่วได้ใจมาทุกยุคสมัย!
รัฐธรรมนูญจึงมิใช่ปัญหาของชาติ “คนชั่ว” ที่เป็นนักการเมืองต่างหาก ที่นำวิกฤตเลวร้ายทั้งหลายมาสู่ชาติไทย
กฎหมาย-ก็อยู่ที่ “คน” บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความยุติธรรม กฎหมายต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับคนส่วนใหญ่ มิใช่ไปเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใช้กฎหมายและคนส่วนน้อย
ดังนั้น “พลเมืองดี” จึงเป็นสิ่งสำคัญและล้ำค่ายิ่งของทุกสังคม ถ้าพลเมืองดีกล้าหาญในการทำความดี แน่นอน...คนชั่วจะยึดอำนาจรัฐด้วยการโกงไม่ได้! รัฐบาลจะคอร์รัปชันชาติก็ไม่ได้เช่นกัน...จริงไหม?
คำพูด “อลิซาเบธ วอร์เรน” มิใช่เรื่องใหม่ คนไทยส่วนใหญ่รู้อยู่แล้ว แต่ชาติไทยไม่มีโอกาสได้ “ผู้นำดี” ปกครองชาติอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ขอย้ำว่า “ผู้นำดี” กับ “พลเมืองดี” ในชาติไทย ยังไม่มีโอกาสทำให้ชาติไทยดีขึ้น...เท่านั้นเอง...!