กระทรวงพลังงานเผยทิศทางการใช้LPG ภาคขนส่งและ NGV ยังคงลดลงเหตุรถใหม่เมินใช้จากราคาน้ำมันที่ยังต่ำกว่า แม้ว่าจะลอยตัวราคาก๊าซฯและทำให้ราคาลดต่ำลงก็ตาม อนาคตรถยนต์ทั้ง 2 ชนิดจะทยอยลดลงแน่นอน ขณะที่ธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซฯรับลำบากแทบไม่มีบริการติดตั้งใหม่ "รถบรรทุก"ย้ำชัดรถใหม่ไม่ติด รถเก่า4-5หมื่นคันถังจ่อทยอยหมดอายุปี 60-62
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณรถยนต์ติดตั้งการใช้การใช้แอลพีจี(LPG)และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)คาดว่าจะทยอยลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นใหม่แทบจะไม่มีการติดตั้งการใช้ LPG และ NGV เลยโดยสะท้อนจากยอดใช้แอลพีจีภาคขนส่งและ NGV ที่ลดต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะระดับราคาน้ำมันที่ลดต่ำ ประกอบกับรัฐมีนโยบายปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯทั้งระบบทำให้ทั้ง LPG และ NGV เข้าสู่การลอยตัวได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
"ล่าสุดแนวโน้มราคา NGV สิ้นปีจะอยู่ระดับกว่า 11 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)เท่านั้นจึงทำให้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.นี้เป็นต้นไปบมจ.ปตท.ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนอีกตามเงื่อนไขของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ทำให้ NGV เข้าสู่โหมดลอยตัวได้ทันที ขณะเดียวกันรัฐเองได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่สนับสนุนการใช้ NGV ในรถยนต์ส่วนบุคคลแต่จะเน้นรถบรรทุก การลงทุนสถานีจ่ายของปตท.จึงเน้นตามแนวท่อเป็นหลัก"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย กล่าวยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้จำนวนรถยนต์ใหม่ที่จะมาติดตั้งการใช้ LPG และ NGV แทบจะไม่มีการติดตั้งเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรถยนต์ที่มีอายุไม่มากนักบางรายก็ยกถังออกเพื่อหันมาใช้น้ำมันแทน ซึ่งทำให้ภาพรวมรถยนต์ที่ติดตั้งแอลพีจีและ NGV ภาพที่มีกว่า 1.5 ล้านคันน่าจะทยอยลดลงจากการถอดถังออกไปใช้เครื่องยนต์ที่เป็นน้ำมันแทน และเมื่อถังและรถหมดอายุก็จะทยอยลดลงไป และส่วนจำนวนใหม่ก็จะไม่มีเพิ่มขึ้น
" แนวโน้มหากระดับราคาน้ำมันยังคงต่ำเช่นนี้ก็คงยากที่จะทำให้รถยนต์ใหม่ๆ หันมาติดตั้งขณะที่อู่รับติดตั้ง LPG-NGV เองก็ทยอยปิดตัวไปพอสมควร แต่ธุรกิจนี้หากราคาน้ำมันแพงอนาคตก็เชื่อว่าจะกลับมาได้อีกโดยเฉพาะอู่ที่ได้มาตรฐานเองก็ยังคงอยู่รอดเพียงแต่งานอาจจะไม่มากเช่นอดีตแต่ทุกส่วนก็ต้องปรับตัวรองรับเป็นปกติ"แหล่งข่าวกล่าว
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รถบรรทุกที่ติดตั้ง NGV และใช้งานได้เต็ม 100% จะมีอยู่ประมาณ 4-5 หมื่นคันและรถบรรทุกใหม่จะไม่มีแผนติดตั้งการใช้ NGV เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเนื่องจากที่ผ่านมาราคา NGV หากเทียบกับดีเซลในปริมาณลิตรต่อลิตรแล้วราคาก็ยังคงสูงกว่าประสิทธิภาพการใช้งานโดยราคาNGV ที่คุ้มค่าควรจะต่ำกว่าราคาน้ำมันหรือดีเซลประมาณ 40% ขึ้นไป
สำหรับรถบรรทุกที่ติดตั้งการใช้ NGV ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาประมาณ 4-5 หมื่นคันเนื่องจากนโยบายรัฐได้ส่งเสริมนั้นถังจะทยอยหมดอายุในช่วงปี 2560-62 ซึ่งเชื่อว่าหากระดับราคาน้ำมันยังคงต่ำเช่นปัจจุบันและแนวโน้มราคา NGV ที่รัฐกำหนดลอยตัวแบบเต็มรูปแบบแล้วนั้นก็อาจจะทำให้รถยนต์ส่วนนี้หมดลงไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณรถยนต์ติดตั้งการใช้การใช้แอลพีจี(LPG)และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)คาดว่าจะทยอยลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นใหม่แทบจะไม่มีการติดตั้งการใช้ LPG และ NGV เลยโดยสะท้อนจากยอดใช้แอลพีจีภาคขนส่งและ NGV ที่ลดต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะระดับราคาน้ำมันที่ลดต่ำ ประกอบกับรัฐมีนโยบายปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯทั้งระบบทำให้ทั้ง LPG และ NGV เข้าสู่การลอยตัวได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
"ล่าสุดแนวโน้มราคา NGV สิ้นปีจะอยู่ระดับกว่า 11 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)เท่านั้นจึงทำให้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.นี้เป็นต้นไปบมจ.ปตท.ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนอีกตามเงื่อนไขของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ทำให้ NGV เข้าสู่โหมดลอยตัวได้ทันที ขณะเดียวกันรัฐเองได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่สนับสนุนการใช้ NGV ในรถยนต์ส่วนบุคคลแต่จะเน้นรถบรรทุก การลงทุนสถานีจ่ายของปตท.จึงเน้นตามแนวท่อเป็นหลัก"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย กล่าวยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้จำนวนรถยนต์ใหม่ที่จะมาติดตั้งการใช้ LPG และ NGV แทบจะไม่มีการติดตั้งเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรถยนต์ที่มีอายุไม่มากนักบางรายก็ยกถังออกเพื่อหันมาใช้น้ำมันแทน ซึ่งทำให้ภาพรวมรถยนต์ที่ติดตั้งแอลพีจีและ NGV ภาพที่มีกว่า 1.5 ล้านคันน่าจะทยอยลดลงจากการถอดถังออกไปใช้เครื่องยนต์ที่เป็นน้ำมันแทน และเมื่อถังและรถหมดอายุก็จะทยอยลดลงไป และส่วนจำนวนใหม่ก็จะไม่มีเพิ่มขึ้น
" แนวโน้มหากระดับราคาน้ำมันยังคงต่ำเช่นนี้ก็คงยากที่จะทำให้รถยนต์ใหม่ๆ หันมาติดตั้งขณะที่อู่รับติดตั้ง LPG-NGV เองก็ทยอยปิดตัวไปพอสมควร แต่ธุรกิจนี้หากราคาน้ำมันแพงอนาคตก็เชื่อว่าจะกลับมาได้อีกโดยเฉพาะอู่ที่ได้มาตรฐานเองก็ยังคงอยู่รอดเพียงแต่งานอาจจะไม่มากเช่นอดีตแต่ทุกส่วนก็ต้องปรับตัวรองรับเป็นปกติ"แหล่งข่าวกล่าว
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รถบรรทุกที่ติดตั้ง NGV และใช้งานได้เต็ม 100% จะมีอยู่ประมาณ 4-5 หมื่นคันและรถบรรทุกใหม่จะไม่มีแผนติดตั้งการใช้ NGV เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเนื่องจากที่ผ่านมาราคา NGV หากเทียบกับดีเซลในปริมาณลิตรต่อลิตรแล้วราคาก็ยังคงสูงกว่าประสิทธิภาพการใช้งานโดยราคาNGV ที่คุ้มค่าควรจะต่ำกว่าราคาน้ำมันหรือดีเซลประมาณ 40% ขึ้นไป
สำหรับรถบรรทุกที่ติดตั้งการใช้ NGV ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาประมาณ 4-5 หมื่นคันเนื่องจากนโยบายรัฐได้ส่งเสริมนั้นถังจะทยอยหมดอายุในช่วงปี 2560-62 ซึ่งเชื่อว่าหากระดับราคาน้ำมันยังคงต่ำเช่นปัจจุบันและแนวโน้มราคา NGV ที่รัฐกำหนดลอยตัวแบบเต็มรูปแบบแล้วนั้นก็อาจจะทำให้รถยนต์ส่วนนี้หมดลงไป