นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มนปช. เตรียมจัดรายการพิเศษชื่อ "ร่างรัฐธรรมนูญมีชัย ประเทศไทยเดินหน้าหรือถอยยาว" ออกอากาศทางโทรทัศน์พีซ ทีวี เวลา 18.30 น. จำนวน 13 ครั้ง เท่ากับรายการของกกต. เพื่อชี้แจงร่างรธน.ว่า เป็นการออกตัวที่เร็วไปหน่อย น่าจะดูผลการพิจารณาของศาลรธน.ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ก่อน ว่าการดำเนินการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆจะเป็นปัญหาหรือไม่ หากพูดในสิ่งที่เป็นเท็จ ก้าวร้าว และปลุกระดม จะถือว่าเป็นการก่อความวุ่นวายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากจะจัดรายการ แม้จะมีกฎหมาย ข้อห้ามดังกล่าวอยู่ ก็สามารถจัดได้ ถ้าเสนอข้อมูลไม่เป็นเท็จ ก้าวร้าว หยาบคาย และปลุกระดม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถือเป็นการสร้างบรรยากาศในการให้ประชาชนตื่นตัวเกี่ยวกับสาระร่างรธน. มากขึ้นด้วย
"การเลือกแขกรับเชิญมาร่วมรายการ ควรที่จะต้องคำนึงถึงหลักการ 3 ข้อด้วย ไม่ใช่ต้องการเพียงแต่คนที่พูดสนุก พูดดุเดือด และรุนแรง เพราะผลที่จะเกิดขึ้น แขกรับเชิญในรายการอาจจะได้รับผลกระทบในเชิงกฎหมายน้อยกว่าผู้จัด หากจะจัดรายการดังกล่าว ก็ถือว่าไม่มีความผิด แต่ขอให้ระมัดระวังด้วย หากศาลรธน.พิจารณาออกมาว่าขัด หรือไม่ขัดรธน. ก็ต้องระมัดระวัง เพราะยังมีกฎหมายที่ใช้บังคับรองรับอยู่ เช่น พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 (1) (3) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระจายเสียง ผมฝากไปยังคุณณัฐวุฒิด้วยว่า ให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ให้มาก ผมได้ออกมาเตือนแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลอง"
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณี นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. ระบุว่าไม่เห็นความจำเป็นที่ กกต. ต้องป้องกันการปลอมแปลงบัตรออกเสียงประชามติ ถึง 5 ชั้น ว่า ตนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ อดีต กกต. ต้องออกมาแสดงความเห็นดังกล่าว ในเมื่อบัตรที่พิมพ์มีมาตรฐานสูงกว่าเดิม และประหยัดงบประมาณกว่าเดิมมาก ต่ำกว่าราคากลางที่ใช้ในการพิมพ์บัตรในอดีต ถึง 30 ล้านบาท ราคากลาง 56 ล้านบาท เราสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคา ในราคาเพียง 26 ล้านบาท และยังมีมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของบัตรสูงกว่าในอดีต
ทั้งนี้ นายสมชัย ยังฝากถึงอดีต กกต. ให้ช่วยประชาสัมพันธ์การลงทะเบียนใช้สิทธิ์ออกเสียงนอกเขตจังหวัดด้วย แต่คงไม่ฝากการลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต เพราะสมัยที่นางสดศรี เป็นกกต. ไม่มีระบบดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากจะจัดรายการ แม้จะมีกฎหมาย ข้อห้ามดังกล่าวอยู่ ก็สามารถจัดได้ ถ้าเสนอข้อมูลไม่เป็นเท็จ ก้าวร้าว หยาบคาย และปลุกระดม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถือเป็นการสร้างบรรยากาศในการให้ประชาชนตื่นตัวเกี่ยวกับสาระร่างรธน. มากขึ้นด้วย
"การเลือกแขกรับเชิญมาร่วมรายการ ควรที่จะต้องคำนึงถึงหลักการ 3 ข้อด้วย ไม่ใช่ต้องการเพียงแต่คนที่พูดสนุก พูดดุเดือด และรุนแรง เพราะผลที่จะเกิดขึ้น แขกรับเชิญในรายการอาจจะได้รับผลกระทบในเชิงกฎหมายน้อยกว่าผู้จัด หากจะจัดรายการดังกล่าว ก็ถือว่าไม่มีความผิด แต่ขอให้ระมัดระวังด้วย หากศาลรธน.พิจารณาออกมาว่าขัด หรือไม่ขัดรธน. ก็ต้องระมัดระวัง เพราะยังมีกฎหมายที่ใช้บังคับรองรับอยู่ เช่น พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 (1) (3) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระจายเสียง ผมฝากไปยังคุณณัฐวุฒิด้วยว่า ให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ให้มาก ผมได้ออกมาเตือนแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลอง"
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณี นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. ระบุว่าไม่เห็นความจำเป็นที่ กกต. ต้องป้องกันการปลอมแปลงบัตรออกเสียงประชามติ ถึง 5 ชั้น ว่า ตนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ อดีต กกต. ต้องออกมาแสดงความเห็นดังกล่าว ในเมื่อบัตรที่พิมพ์มีมาตรฐานสูงกว่าเดิม และประหยัดงบประมาณกว่าเดิมมาก ต่ำกว่าราคากลางที่ใช้ในการพิมพ์บัตรในอดีต ถึง 30 ล้านบาท ราคากลาง 56 ล้านบาท เราสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคา ในราคาเพียง 26 ล้านบาท และยังมีมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของบัตรสูงกว่าในอดีต
ทั้งนี้ นายสมชัย ยังฝากถึงอดีต กกต. ให้ช่วยประชาสัมพันธ์การลงทะเบียนใช้สิทธิ์ออกเสียงนอกเขตจังหวัดด้วย แต่คงไม่ฝากการลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต เพราะสมัยที่นางสดศรี เป็นกกต. ไม่มีระบบดังกล่าว