ครอบครัวและทนายเสี่ยชูวงษ์แถลงตามคดีหลังผ่าน 1 ปีไม่คืบ แจง 6 สาเหตุคาใจวอน ตร.เร่งรัดคดี พี่สาวเผยมีผู้ใหญ่ขอเจรจาแต่บอกปัด รับเคยถูกข่มขู่ กองปราบระบุภายใน 1 เดือน สรุปสำนวนส่งอัยการ-คดีโอนหุ้นใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน
วานนี้ (26มิ.ย.) เมื่อเวลา10.00น. ที่วัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. นายเอนก คำชุ่ม ทนายความคดีนายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง พร้อมด้วย นางวันเพ็ญ ธรธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงศ์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงศ์ ร่วมกันแถลงทวงถามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง เมื่อวันที่26มิ.ย.58 จนกระทั่งวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น พร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการติดตามหาสาเหตุที่แท้จริงในการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ 6 ข้อ ดังนี้
1.นายชูวงษ์ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26มิ.ย.58 ซึ่งครบ 1 ปี แต่วันนี้ทั้งคดีการโอนหุ้นและคดีที่พบนายชูวงษ์เสียชีวิตในรถยนต์คันที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ ยังอยู่ระหว่างการหาหลักฐาน ซึ่งหากทำให้สังคมและสื่อมวลชนเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานมาก ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุณาเป็นผู้ชี้แจง
2.สำหรับรายละเอียดของคดีที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กรณีคดีการโอนหุ้นที่มีมูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาทนั้น ทางครอบครัวคุณชูวงษ์ ได้แจ้งความต่อกองปราบปรามตั้งแต่กลางเดือนก.ค.58 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็น สั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารและใช้เอกสารสิทธิปลอม และศาลอาญากรุงเทพได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวรวม 4 คนคือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อรุชาหรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล และน.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล เมื่อวันที่ 24ส.ค.58
3.ต่อมามีการส่งสำนวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ แต่พนักงานอัยการฯ ยังไม่ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เมื่อครบกำหนดฝากขัง ศาลจึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พ้นอำนาจศาลไป เมื่อปลายปี 58 โดยพนักงานอัยการ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบสวนเพิ่มเติมในหลายเรื่อง หลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนก็สอบสวนเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการฯ สั่งจนครบทุกประเด็นแล้ว แต่จนบัดนี้พนักงานอัยการก็ยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแต่อย่างใด
4.สำหรับที่มาของการเสียชีวิตของนายชูวงษ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ครอบครัวขอย้ำว่า เนื่องจากญาติและเพื่อน ตลอดจนสังคมยังไม่ได้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่น่าสงสัยอย่างมากในทุกๆ ประเด็น เพราะคดีที่พบว่านายชูวงษ์เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์คันที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับนั้น เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของสน.อุดมสุข แต่การรวบรวมพยานหลักฐานไม่คืบหน้า และมุ่งเน้นไปในเรื่องนายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งขัดแย้งกับบาดแผลและการตรวจของแพทย์ซึ่งระบุว่า การเสียชีวิตเกิดจากศรีษะด้านหลังถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคมอย่างรุนแรง ทางครอบครัวจึงไปร้องเรียนต่อผบ.ตร.ในครั้งนั้น คือพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งได้สั่งให้โอนคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินคดีแทน รวมกับคดีโอนหุ้นที่กองปราบปราม
5.สำหรับการสอบสวนสืบหาหลักฐานที่ดำเนินการไปแล้วตลอด 1 ปี ครอบครัวและเพื่อนๆ มั่นใจว่ามีความชัดเจนอย่างมาก เช่น เมื่อวันที่ 28ก.ย.58 กองปราบปรามได้จำลองเหตุการณ์เหมือนจริง เพื่อหาสาเหตุการตายปริศนาของนายชูวงษ์ โดยนำหุ่นขนาดเท่าตัวจริงมานั่งในรถ จำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย เพื่อวัดแรงกระแทก และใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ตรวจจับความเร็ว จับระยะเวลาความเร็ว เพื่อตรวจสอบว่าแรงกระแทกระดับไหน ความเร็วระดับไหน จะทำให้ถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บ และกองปราบปรามยังได้รวบรวมหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์ไปครบทุกกรณีแล้ว ครอบครัวจึงเฝ้ารอความคืบหน้าของคดี
6.ทางครอบครัวจึงขอวิงวอนให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม และพนักงานอัยการสำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 2 โปรดเร่งรัดคดีให้คืบหน้าโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำวามผิดนำตัวมาพิสูจน์ความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของนายชูวงษ์ และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้ไปสู่สุคติ
นายเอนก กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่ว่าครอบครัวพบว่ามีความทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวัน ตลอดเวลา 1 ปี เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของนายชูวงษ์ ครอบครัวนายชูวงษ์ แม้ในช่วงแรกๆ ข่าวจะออกมาอย่างต่อเนื่องในการติดตามคดีหาข้อเท็จจริง ครอบครัวนายชูวงษ์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากจากการโอนหุ้นทั้งหมดประมาณเกือบ 300 ล้าน และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลกระทบต่อจิตใจของครอบครัวนายชูวงษ์ ต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์จากพนักงานสอบสวนเป็นลำดับ ทางครอบครัวก็พยายามพิสูจน์หาพยานหลักฐานทั้งหมดมาพิสูจน์ถึงการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ซึ่งทางครอบครัวได้พยายามทำทุกอย่างเรื่องกระบวนการยุติธรรม ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ฯลฯ ที่ได้ดูแลเอาใจใส่คดีนี้มาตลอด พยานหลักฐานที่ได้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายชูวงษ์มีอะไรที่แอบแฝงอยู่ เรารอเวลาแต่การรอเวลาก็มีขีดจำกัดอย่างน้อยก็ 1 ปีแล้วที่ครอบครัวได้รอเวลา แต่ก็ยังคาดหวังว่ากระบวนการก็ต้องดำเนินต่อไป เชื่อว่าไม่นานจะเข้าสู่กระบวนการทางศาล ยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำต้องการทวงความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์กับครอบครัวนายชูวงษ์
ขณะนี้ครอบครัวรอการพิสูจน์ เรื่องของเอกสาร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่ลดละความพยายามในการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้หาเส้นทางการเสียชีวิต เริ่มต้นจากสนามกอล์ฟเลควูด เลี้ยวมาทางบางโฉลง ถึงบางนา วิ่งต่อถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประเวศ แล้วมุ่งหน้าไปถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด สถานที่ต่างๆ และได้พยานหลักฐานเอกสารที่สำคัญ ตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนทุกขั้นตอน ซึ่งในวันนี้เป็น 1 ปี ครบรอบการเสียชีวิตของนายชูวงศ์ ทางครอบครัวคิดว่าการดำเนินคดีต่างๆนั้นมีความล่าช้า แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้าการดำเนินคดีล่าช้าแล้วทำให้ได้พยานหลักฐานที่สำคัญ จนสามารถจับกุมตัวคนกระทำผิดได้ ทางครอบครัวก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ในขณะนี้ทางครอบครัวรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน เพื่อปรากฎข้อเท็จจริงในเร็ววัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนส.ค.58 ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีคำสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฎว่าอัยการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเส้นทางการเงิน และรูปภาพวงจรปิด ตนเชื่อว่าเร็วๆนี้ จะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ต่อศาลได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้มีการติดต่อขอเจรจา หรือถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีการพยายามติดต่อผ่านผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนกลางเพื่อขอนัดเจรจา แต่ตนไม่ได้รับนัดเจรจาพูดคุยใดใดทั้งสิ้น ความเสียหายตนไม่ได้เสียดายเรื่องที่สูญเสียเงินไป เพราะว่าสิ่งที่เราสูญเสียไปคือชีวิตคน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาไกล่เกลี่ยหรือทดแทนชีวิตคนที่หายไป 1 คนได้ ส่วนเรื่องข่มขู่ถามว่ามีหรือไม่ ตนไม่สามารถระบุได้ว่าใครข่มขู่ ซึ่งการใช้ชีวิตโดยปกติตนก็จะเจอเหตุการณ์แปลกๆ อยู่หลายครั้ง ซึ่งจะต้องระมัดระวังตัวเอง เช่นมีเสียงปืนดัง 6 นัดติดกันข้างบ้าน มีคนคอยตาม มีคนแปลกหน้ามากดกริ่งบ้านพยายามบอกว่ามีข่าวมาเล่า ระยะหลังก็เบาลงเนื่องจากมีการระวังตัวมากขึ้น
ด้าน นางวันเพ็ญ กล่าวอีกว่า อยากขอความเห็นใจต่อสื่อมวลชน เวลาพาดหัวข่าว เช่น พริตตี้สาวคนสนิทชูวงษ์ อยากจะบอกว่าทำไมข่าวที่ออกไปฟังจากคนขับรถฝ่ายเดียว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพริตตี้คนดังกล่าวเป็นคนสนิทของใคร ผู้ตายก็มาพูดไม่ได้ ในส่วนนี้ทางครอบครัวมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งภายหลังจากที่กองปราบรวบรวมหลักฐานและออกหมายจับแล้ว ทุกอย่างจะกระจ่าง ว่าเพื่อนสาวคนสนิทนั้น สนิทกับใครกันแน่ หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนตั้งแต่ต้น หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนเตรียมเพื่อนสาวคนสนิทมาร่วมขบวนการ โดยมีหน้าที่เปิดบัญชีและรับโอนหุ้นไป ซึ่งการโอนหุ้นครั้งแรกวันที่8มิ.ย.58 ครั้งที่2 วันที่22มิ.ย.58 และกระจายขายหุ้นแบบไม่มีต้นทุน หากสาวคนดังกล่าวเป็นคนสนิทจริง รับโอนหุ้นแล้ว ทำไมจะต้องรีบขาย โดยเฉพาะหุ้นในล็อตแรกที่น.ส.อุรุชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล โอนให้กับมารดาตนเอง และขายทอดตลาด โดยทางครอบครัวอาญัติไม่ทัน ส่วนหุ้นล็อต2น.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล โอนหุ้นไปเมื่อวันที่22มิ.ย.58 วันถัดมาได้ทยอยขายหุ้นทันที ต่อมาในวันที่26มิ.ย.ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้นายชูวงศ์เสียชีวิต ซึ่งมีการเปิดเงินออกไป 10 ล้านบาท หลังจากนั้นวันที่27มิ.ย.58 มีการสั่งขายหุ้น มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ทางครอบครัวสามารถอาญัติจำนวนเงินและหุ้นประมาณ 200 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นประเด็นที่ผู้ต้องหาดิ้นรนเบิกเงินส่วนที่เหลืออยู่ จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาไปขอหมายศาลเพิกถอนอาญัติ แต่ศาลไม่อนุญาต
เราพยายามรอความยุติธรรมรอกระบวนการทางกฎหมายเมื่อไหร่จะคืนให้เราเสียทีทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ ที่คนตายเถียงไม่ได้แล้วปล่อยให้คนเป็นให้ข่าวอยู่ฝ่ายเดียว ครอบครัวเราเป็นชาวบ้านที่เหลือแต่ผู้หญิงและเด็กจะต่อสู้กับผู้ที่มีอิทธิพลได้อย่างไร คดีนี้เรารอมาด้วยความอดทนเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
ด้านนางศิริรัตน์ กล่าวว่า ขอวิงวอนพนักงานสอบสวนและอัยการ ช่วยเร่งรัดคดีที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับนายชูวงศ์และครอบครัวด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนั้น ทางครอบครัวของนายชูวงศ์ ได้ทำบุญครบรอบวันตาย 1 ปี โดยมีญาติและคนสนิทมาจำนวนมาก
ส่วนกองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนสำนวนการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ จะใช้เวลาในการสรุปสำนวนไม่เกิน 1 เดือน ส่วนคดีการโอนหุ้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สรุปสำนวนพร้อมหลักฐานใหม่ที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้หาเพิ่มไปแล้ว คาดว่าพนักงานอัยการจะใช้เวลาในการพิจารณา 1-2 เดือนนี้ .
วานนี้ (26มิ.ย.) เมื่อเวลา10.00น. ที่วัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. นายเอนก คำชุ่ม ทนายความคดีนายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง พร้อมด้วย นางวันเพ็ญ ธรธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงศ์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงศ์ ร่วมกันแถลงทวงถามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง เมื่อวันที่26มิ.ย.58 จนกระทั่งวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น พร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการติดตามหาสาเหตุที่แท้จริงในการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ 6 ข้อ ดังนี้
1.นายชูวงษ์ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26มิ.ย.58 ซึ่งครบ 1 ปี แต่วันนี้ทั้งคดีการโอนหุ้นและคดีที่พบนายชูวงษ์เสียชีวิตในรถยนต์คันที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ ยังอยู่ระหว่างการหาหลักฐาน ซึ่งหากทำให้สังคมและสื่อมวลชนเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานมาก ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุณาเป็นผู้ชี้แจง
2.สำหรับรายละเอียดของคดีที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กรณีคดีการโอนหุ้นที่มีมูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาทนั้น ทางครอบครัวคุณชูวงษ์ ได้แจ้งความต่อกองปราบปรามตั้งแต่กลางเดือนก.ค.58 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็น สั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารและใช้เอกสารสิทธิปลอม และศาลอาญากรุงเทพได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวรวม 4 คนคือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อรุชาหรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล และน.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล เมื่อวันที่ 24ส.ค.58
3.ต่อมามีการส่งสำนวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ แต่พนักงานอัยการฯ ยังไม่ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เมื่อครบกำหนดฝากขัง ศาลจึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พ้นอำนาจศาลไป เมื่อปลายปี 58 โดยพนักงานอัยการ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบสวนเพิ่มเติมในหลายเรื่อง หลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนก็สอบสวนเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการฯ สั่งจนครบทุกประเด็นแล้ว แต่จนบัดนี้พนักงานอัยการก็ยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแต่อย่างใด
4.สำหรับที่มาของการเสียชีวิตของนายชูวงษ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ครอบครัวขอย้ำว่า เนื่องจากญาติและเพื่อน ตลอดจนสังคมยังไม่ได้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่น่าสงสัยอย่างมากในทุกๆ ประเด็น เพราะคดีที่พบว่านายชูวงษ์เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์คันที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับนั้น เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของสน.อุดมสุข แต่การรวบรวมพยานหลักฐานไม่คืบหน้า และมุ่งเน้นไปในเรื่องนายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งขัดแย้งกับบาดแผลและการตรวจของแพทย์ซึ่งระบุว่า การเสียชีวิตเกิดจากศรีษะด้านหลังถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคมอย่างรุนแรง ทางครอบครัวจึงไปร้องเรียนต่อผบ.ตร.ในครั้งนั้น คือพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งได้สั่งให้โอนคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินคดีแทน รวมกับคดีโอนหุ้นที่กองปราบปราม
5.สำหรับการสอบสวนสืบหาหลักฐานที่ดำเนินการไปแล้วตลอด 1 ปี ครอบครัวและเพื่อนๆ มั่นใจว่ามีความชัดเจนอย่างมาก เช่น เมื่อวันที่ 28ก.ย.58 กองปราบปรามได้จำลองเหตุการณ์เหมือนจริง เพื่อหาสาเหตุการตายปริศนาของนายชูวงษ์ โดยนำหุ่นขนาดเท่าตัวจริงมานั่งในรถ จำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย เพื่อวัดแรงกระแทก และใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ตรวจจับความเร็ว จับระยะเวลาความเร็ว เพื่อตรวจสอบว่าแรงกระแทกระดับไหน ความเร็วระดับไหน จะทำให้ถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บ และกองปราบปรามยังได้รวบรวมหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์ไปครบทุกกรณีแล้ว ครอบครัวจึงเฝ้ารอความคืบหน้าของคดี
6.ทางครอบครัวจึงขอวิงวอนให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม และพนักงานอัยการสำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 2 โปรดเร่งรัดคดีให้คืบหน้าโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำวามผิดนำตัวมาพิสูจน์ความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของนายชูวงษ์ และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้ไปสู่สุคติ
นายเอนก กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่ว่าครอบครัวพบว่ามีความทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวัน ตลอดเวลา 1 ปี เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของนายชูวงษ์ ครอบครัวนายชูวงษ์ แม้ในช่วงแรกๆ ข่าวจะออกมาอย่างต่อเนื่องในการติดตามคดีหาข้อเท็จจริง ครอบครัวนายชูวงษ์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากจากการโอนหุ้นทั้งหมดประมาณเกือบ 300 ล้าน และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลกระทบต่อจิตใจของครอบครัวนายชูวงษ์ ต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์จากพนักงานสอบสวนเป็นลำดับ ทางครอบครัวก็พยายามพิสูจน์หาพยานหลักฐานทั้งหมดมาพิสูจน์ถึงการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ซึ่งทางครอบครัวได้พยายามทำทุกอย่างเรื่องกระบวนการยุติธรรม ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ฯลฯ ที่ได้ดูแลเอาใจใส่คดีนี้มาตลอด พยานหลักฐานที่ได้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายชูวงษ์มีอะไรที่แอบแฝงอยู่ เรารอเวลาแต่การรอเวลาก็มีขีดจำกัดอย่างน้อยก็ 1 ปีแล้วที่ครอบครัวได้รอเวลา แต่ก็ยังคาดหวังว่ากระบวนการก็ต้องดำเนินต่อไป เชื่อว่าไม่นานจะเข้าสู่กระบวนการทางศาล ยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำต้องการทวงความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์กับครอบครัวนายชูวงษ์
ขณะนี้ครอบครัวรอการพิสูจน์ เรื่องของเอกสาร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่ลดละความพยายามในการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้หาเส้นทางการเสียชีวิต เริ่มต้นจากสนามกอล์ฟเลควูด เลี้ยวมาทางบางโฉลง ถึงบางนา วิ่งต่อถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประเวศ แล้วมุ่งหน้าไปถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด สถานที่ต่างๆ และได้พยานหลักฐานเอกสารที่สำคัญ ตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนทุกขั้นตอน ซึ่งในวันนี้เป็น 1 ปี ครบรอบการเสียชีวิตของนายชูวงศ์ ทางครอบครัวคิดว่าการดำเนินคดีต่างๆนั้นมีความล่าช้า แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้าการดำเนินคดีล่าช้าแล้วทำให้ได้พยานหลักฐานที่สำคัญ จนสามารถจับกุมตัวคนกระทำผิดได้ ทางครอบครัวก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ในขณะนี้ทางครอบครัวรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน เพื่อปรากฎข้อเท็จจริงในเร็ววัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนส.ค.58 ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีคำสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฎว่าอัยการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเส้นทางการเงิน และรูปภาพวงจรปิด ตนเชื่อว่าเร็วๆนี้ จะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ต่อศาลได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้มีการติดต่อขอเจรจา หรือถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีการพยายามติดต่อผ่านผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนกลางเพื่อขอนัดเจรจา แต่ตนไม่ได้รับนัดเจรจาพูดคุยใดใดทั้งสิ้น ความเสียหายตนไม่ได้เสียดายเรื่องที่สูญเสียเงินไป เพราะว่าสิ่งที่เราสูญเสียไปคือชีวิตคน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาไกล่เกลี่ยหรือทดแทนชีวิตคนที่หายไป 1 คนได้ ส่วนเรื่องข่มขู่ถามว่ามีหรือไม่ ตนไม่สามารถระบุได้ว่าใครข่มขู่ ซึ่งการใช้ชีวิตโดยปกติตนก็จะเจอเหตุการณ์แปลกๆ อยู่หลายครั้ง ซึ่งจะต้องระมัดระวังตัวเอง เช่นมีเสียงปืนดัง 6 นัดติดกันข้างบ้าน มีคนคอยตาม มีคนแปลกหน้ามากดกริ่งบ้านพยายามบอกว่ามีข่าวมาเล่า ระยะหลังก็เบาลงเนื่องจากมีการระวังตัวมากขึ้น
ด้าน นางวันเพ็ญ กล่าวอีกว่า อยากขอความเห็นใจต่อสื่อมวลชน เวลาพาดหัวข่าว เช่น พริตตี้สาวคนสนิทชูวงษ์ อยากจะบอกว่าทำไมข่าวที่ออกไปฟังจากคนขับรถฝ่ายเดียว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพริตตี้คนดังกล่าวเป็นคนสนิทของใคร ผู้ตายก็มาพูดไม่ได้ ในส่วนนี้ทางครอบครัวมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งภายหลังจากที่กองปราบรวบรวมหลักฐานและออกหมายจับแล้ว ทุกอย่างจะกระจ่าง ว่าเพื่อนสาวคนสนิทนั้น สนิทกับใครกันแน่ หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนตั้งแต่ต้น หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนเตรียมเพื่อนสาวคนสนิทมาร่วมขบวนการ โดยมีหน้าที่เปิดบัญชีและรับโอนหุ้นไป ซึ่งการโอนหุ้นครั้งแรกวันที่8มิ.ย.58 ครั้งที่2 วันที่22มิ.ย.58 และกระจายขายหุ้นแบบไม่มีต้นทุน หากสาวคนดังกล่าวเป็นคนสนิทจริง รับโอนหุ้นแล้ว ทำไมจะต้องรีบขาย โดยเฉพาะหุ้นในล็อตแรกที่น.ส.อุรุชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล โอนให้กับมารดาตนเอง และขายทอดตลาด โดยทางครอบครัวอาญัติไม่ทัน ส่วนหุ้นล็อต2น.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล โอนหุ้นไปเมื่อวันที่22มิ.ย.58 วันถัดมาได้ทยอยขายหุ้นทันที ต่อมาในวันที่26มิ.ย.ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้นายชูวงศ์เสียชีวิต ซึ่งมีการเปิดเงินออกไป 10 ล้านบาท หลังจากนั้นวันที่27มิ.ย.58 มีการสั่งขายหุ้น มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ทางครอบครัวสามารถอาญัติจำนวนเงินและหุ้นประมาณ 200 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นประเด็นที่ผู้ต้องหาดิ้นรนเบิกเงินส่วนที่เหลืออยู่ จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาไปขอหมายศาลเพิกถอนอาญัติ แต่ศาลไม่อนุญาต
เราพยายามรอความยุติธรรมรอกระบวนการทางกฎหมายเมื่อไหร่จะคืนให้เราเสียทีทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ ที่คนตายเถียงไม่ได้แล้วปล่อยให้คนเป็นให้ข่าวอยู่ฝ่ายเดียว ครอบครัวเราเป็นชาวบ้านที่เหลือแต่ผู้หญิงและเด็กจะต่อสู้กับผู้ที่มีอิทธิพลได้อย่างไร คดีนี้เรารอมาด้วยความอดทนเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
ด้านนางศิริรัตน์ กล่าวว่า ขอวิงวอนพนักงานสอบสวนและอัยการ ช่วยเร่งรัดคดีที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับนายชูวงศ์และครอบครัวด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนั้น ทางครอบครัวของนายชูวงศ์ ได้ทำบุญครบรอบวันตาย 1 ปี โดยมีญาติและคนสนิทมาจำนวนมาก
ส่วนกองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนสำนวนการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ จะใช้เวลาในการสรุปสำนวนไม่เกิน 1 เดือน ส่วนคดีการโอนหุ้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สรุปสำนวนพร้อมหลักฐานใหม่ที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้หาเพิ่มไปแล้ว คาดว่าพนักงานอัยการจะใช้เวลาในการพิจารณา 1-2 เดือนนี้ .