xs
xsm
sm
md
lg

1 ปี คดี “เสี่ยชูวงษ์” อัยการยังไม่ฟ้อง กองปราบฯรุก “จ่อจับ” คดีฆาตกรรม !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง
ข้องใจ “อัยการ” สุดเฉื่อย ครบ 1 ปี คดีโกงหุ้น - ฆาตกรรม “เสี่ยชูวงษ์” ยังไม่สั่งฟ้อง กลัวคดีพลิกเงินอายัด 200 ล้านเสร็จ “บรรยิน” ขณะที่กองปราบฯมีทีเด็ดเจอเซฟเฮาส์ปลิดชีพ คาดนำเหยื่อมาแวะก่อนจัดฉากอุบัติเหตุ

หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายถึงขั้นเอาชีวิตกัน ทุกชีวิตในครอบครัว “ธนธรรมศิริ” และครอบครัว “แซ่ตั๊ง” ก็คงมีความสุข กิจการสร้างอาคารสูงบริษัท แสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แม้นซ์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 71 กทม. อยู่ในอันดับแถวหน้าของวงการก่อสร้างภายใต้การกำกับดูแลของ 2 พี่น้อง คือ นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ กับ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง

สายวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2558 ในระหว่างการประชุมผู้บริหารพนักงานได้แจ้งกับ นายชูวงษ์ ว่า พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์ ซึ่งถือเป็นแขกประจำเดินทางมาพบ โดยได้แจ้งธุระคร่าว ๆ ว่า มีนัดตีกอล์ฟสำคัญ ทำให้การหารือในที่ประชุมชะงักลงชั่วคราว แม้ นายชูวงษ์ จะมีสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากวันนัดหมายจริง คือ วันเสาร์ที่ 27 หรืออีกวันถัดไป แต่ด้วยความเป็นคนขี้เกรงใจคน จึงขอตัวลุกออกไปต้อนรับ พร้อมกับได้รับการอธิบายจาก พ.ต.ท.บรรยิน ว่า ก๊วนกอล์ฟกิตติมศักดิ์ ประกอบด้วย นายชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายประพันธ์ คูณมี นักกฎหมาย - นักเคลื่อนไหว และ นายประยุทธ มหากิจศิริ อดีตนักการเมืองและเจ้าพ่อเนสกาแฟ เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันเลื่อนมาเป็นวันนี้ การพูดคุยแกมขอร้องของ พ.ต.ท.บรรยิน ทำให้ นายชูวงษ์ ตัดสินใจออกจากห้องประชุม เพื่อไปร่วมตีกอล์ฟ ซึ่งแม้จะไม่มีสัญญาณร้ายอะไร แต่ในฐานะพี่สาวที่รู้นิสัยน้องชายอย่างดี ว่า เป็นคนรอบคอบ นางวันเพ็ญ มองตามหลังน้องชายไปก่อนสลัดความคิดและเป็นผู้ดำเนินการประชุมต่อ

4 ทุ่มเศษของวันเดียวกัน มีโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อไปยัง นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ พร้อมกับแจ้งเหตุร้าย ว่า เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับ ทำให้ นายชูวงษ์ บาดเจ็บอาการสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล “ข่าวช็อก” กลางดึกสร้างความตกใจ - เสียใจกับครอบครัว “ธนธรรมศิริ” และครอบครัว “แซ่ตั๊ง” อย่างบอกไม่ถูก ทุกคนรีบแต่งตัวเดินทางจากบ้านพัก ไปยังโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ได้อธิบายว่า หลังเสร็จจากการตีกอล์ฟได้รับนายชูวงษ์ ขึ้นรถ เพื่อไปส่งบ้าน ระหว่างทางสังเกตว่า คนตายไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรภัย และช่วงที่ขับถึงถนนเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างซอย 48 - 50 เขตประเวศ กทม. มีรถปาดหน้า ทำให้หักหลบกะทันหัน รถกระแทกกับฟุตปาทก่อนพุ่งชนกับต้นไม้ ตนหมดสติไป พอฟื้นขึ้นก็พบกู้ภัยกำลังช่วยปั๊มหัวใจนายชูวงษ์ และมาเสียชีวิตดังกล่าว

แม้จะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ แต่ดูเหมือนว่าความเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียอย่างปัจจุบันทันด่วนมีมากกว่า ทุกคนจึงรีบจัดการกับศพนายชูวงษ์ โดยรอการชันสูตรจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้ผ่าพิสูจน์ในคืนนั้น และสามารถรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทร์ ในวันต่อมา โดยพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน เริ่มวันที่ 28 มิ.ย. 2558 ซึ่งในระหว่างดำเนินพิธีทางศาสนานั้น มีแขกเหรื่อที่รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวนายชูวงษ์ และ นางวันเพ็ญ เข้ามาร่วมอย่างมากมาย รวมทั้ง พ.ต.ท.บรรยิน ที่เดินทางมาร่วมฟังสวดทุกคืน ตลอด 7 วัน ของการบำเพ็ญกุศลให้กับคนตาย ญาติ กับคนสนิทเริ่มตั้งข้อสังเกต ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เพราะดูจากร่องรอยรถยนต์เลกซัส ทะเบียน ภฉ 1889 กทม. ที่ สน.อุดมสุข ยึดไว้ตรวจสอบมีรอยบุบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะรุนแรงทำให้ นายชูวงษ์ ที่โดยสารมาในนั้นต้องบาดเจ็บสาหัสจนถึงเสียชีวิตได้
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์
 
กระทั่งพิธีพระราชทานเพลิงศพผ่านพ้นไป เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2558 ครอบครัว นายชูวงษ์ ยังคงจมอยู่กับความเศร้า กระทั่งภรรยา - บุตร ได้รับเป็นผู้จัดการมรดกเรียบร้อยวันที่ 8 ก.ค. ปีเดียวกัน ทนายความพร้อมกับ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยา และ นายกันต์ แซ่ตั๊ง บุตรชาย จึงไขกุญแจเข้าตรวจสอบในห้องทำงานนายชูวงษ์ เพื่อดูความเรียบร้อย แต่ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ยกเว้นตะกร้าใส่ซองเอกสารหน้าห้อง พบหนังสือรายงานการซื้อ - ขายหุ้น AESC มาวางไว้ และเมื่อเปิดออกก็เจอรายการแจ้งขายหุ้นจำนวนมาก จึงเป็นปฐมบทของคดีฆาตกรรมอำพราง “เสี่ยหมื่นล้าน” ที่สังคมไทยให้ความสนใจมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา

หลังจากนั้น เอกสารการขายหุ้นเริ่มทยอยส่งมายังออฟฟิศของนายชูวงษ์ อีกหลายฉบับ พร้อมกับการเข้าแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย เริ่มจาก สน.อุดมสุข ซึ่งพนักงานสอบสวนด่วนสรุปไปแล้วว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ มีการคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ พ.ต.ท.บรรยิน ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่อาจหาร่องรอย หรือหลักฐานอะไรได้อีก นอกจากนั้น หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกทำลายไป นั่นคือ ศพ นายชูวงษ์ ซึ่งถูกเผาตามพิธีทางศาสนาไปแล้ว เหลือเพียงภาพถ่ายศพในทุกแง่มุม กับผลพิสูจน์ตามหลักนิติเวชที่ระบุว่า มีรอยกระแทกจากของแข็งไม่มีคม จนกระดูกคอข้อที่ 6 - 7 หัก อีกทั้งบริเวณลำคอมีรอยคล้ายถูกรัด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตมาจากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวมจากการกระแทกจากวัตถุของแข็งไม่มีคม พยานเอกสารเหล่านี้จึงถูกรวบรวมไว้เพื่อผนวกกับหลักฐานอื่น ๆ ที่จะพิสูจน์ความเชื่อมโยงเป็นคดีฆาตกรรม

ธงของคดี “เสี่ยชูวงษ์” จึงแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ การโกงหุ้น กับฆาตกรรม เฉพาะในส่วนของคดีแรกนั้น ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนอย่างจริงจัง และโอนคดีจากความรับผิดชอบของตำรวจนครบาล มายัง กองปราบปราม แล้วปรากฏชื่อผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยทั้งหมด 4 คน คือ 1. น.ส.กัญฑณา หรือ น้องน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 26 ปี สาวพริตตี้ 2. น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี โบรกเกอร์สาว บ.หลักทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) 3. น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 52 ปี มารดา น.ส.อุรชา และคนที่ 4 เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา...พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นักการเมืองคนดังแห่ง จ.นครสวรรค์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ สามารถรวบรวมหลักฐานการฉ้อโกงหุ้นได้ทั้งหมด คือ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2558 กลุ่มผู้ต้องสงสัยร่วมกันทำผิดโอนหุ้น AECS ให้กับน.ส.ศรีธรา พรหมา จำนวน 4 ตัว ผ่าน น.ส.อุรชา ที่เป็นโบรกเกอร์ และขายไปแล้วเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย. หรือถัดมาอีกเพียง 2 สัปดาห์ ผู้ต้องสงสัยชุดเดิมยังร่วมกันปลอมแปลงเอกสารขายหุ้น บริษัท OSK หรือหุ้น EA จำนวน 9.5 ล้านหุ้นโดยทยอยขายครั้งละ 3.7 ล้านหุ้น เป็นเงิน 84 ล้านบาท สามารถเบิกไปได้ 24 ล้านส่วนที่เหลืออีก 56 ล้าน ถูกเจ้าหน้าที่อายัดไว้ก่อน รวมทรัพย์สินจากหุ้นของนายชูวงษ์ ที่ยังไม่ได้ขายและที่ขายเป็นเงินสดไปแล้วทั้งสิ้น 200 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่กองปราบปราบได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมหรือรับของโจรแก่บุคคลทั้ง 4 โดย 3 สาวถูกจับกุม ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อขอมอบตัวก่อนได้ประกันไปทั้งหมด
น.ส.กัญฑณา หรือน้องน้ำตาล ศิวาธนพล
 
วันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. 2559 คือ วันครบรอบ 1 ปี ของคดีฆาตกรรมสุดลือลั่นของสังคมไทย แม้หลายคนจะลืมไปแล้ว แต่ญาติสนิท - มิตรสหาย ของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นอกจากไม่ลืมแล้ว ยังเฝ้ารอความยุติธรรมอย่างใจจดใจจ่อ เพราะจนถึงบัดนี้พนักงานอัยการสั่งไม่สั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว จนเกิดความวิตกกันว่า หรือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตนักการเมือง ที่เคยขึ้นชั้นเป็นเสนาบดี อาจจะใช้อิทธิฤทธิ์เส้นสาย “คอนเนกชัน” ฝ่าด่านให้ตัวพ้นผิด และถ้าเป็นตามที่วิตก เงินสดกับหุ้นมูลค่า 200 ล้านบาท จะตกอยู่กับฝ่ายผู้ต้องหาทันที ซึ่งมากพอสำหรับเดิมพันในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ความหวังสูงสุด คือ คดีฆาตกรรมอำพราง แม้จนบัดนี้ตำรวจกองปราบปรามยังมิได้ออกหมายจับ แต่พยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างพริตตี้สาว กับโบรกเกอร์พราวเสน่ห์ ก็ล้วนแต่เป็นคนใก้ลชิดของพ.ต.ท.บรรยิน ทั้งสิ้น ทั้งจากภาพถ่าย การติดต่อทางโทรศัพท์ หลักฐานการเดินทางไปต่างประเทศ หรือแม้แต่เด็กในครรภ์ที่ยกมาเป็นประเด็นให้สังคมเคลือบแคลงนั้น ผลการสืบสวน - สอบสวนโดยความร่วมมือระหว่างผู้เสียหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างมั่นใจว่า สามารถนำพยานมาหักล้างได้ รวมทั้งข้อพิรุธในการไม่ยอมตรวจ DNA ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งจังหวะของวันเวลาเกิดเหตุ สามารถสรุปได้ว่ากลุ่มคนร้ายวางแผนมาเป็นเวลานาน ทั้งการทำตัวสนิทสนมกับนายชูวงษ์ จนรู้การเคลื่อนไหวต่าง ๆ รวมทั้งหุ้นที่คนตายถืออยู่

ปฏิบัติการโกงหุ้นเริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. และ 22 มิ.ย. 2558 และกำหนดวันปลิดชีพในวันที่ 26 มิ.ย. เพราะถ้าช้าไปกว่านั้น ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีหนังสือซื้อ - ขายหุ้นส่งมาให้ในทุก ๆ ต้นเดือนใหม่ เมื่อแผนถูกกำหนดมาแบบนี้ นายชูวงษ์ จึงมีลมหายใจได้ไม่เกินเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 หาไม่ความระยำที่แก๊ง พ.ต.ท.บรรยิน ได้ทำขึ้นจะแดงโร่ต้องติดคุกติดตะราง และนี่คือ บทพิสูจน์ตามทฤษฎีโจรที่ว่า “คนตายพูดไม่ได้ หรือ สู้กับผีดีกว่าสู้กับคน”

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ยังรอการเชื่อมต่ออีกพอสมควร ทั้งแรงจูงใจ และแผนประทุษกรรมที่สามารถนำไปปะติดปะต่อให้เกิดชัดเจนยิ่งขึ้น...ย้อนกลับมาในรายละเอียดต่าง ๆ ทำไม พ.ต.ท.บรรยิน ต้องไปรับนายชูวงษ์ ด้วยตัวเอง ในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2558 ทั้งที่นัดตีกอล์ฟกับก๊วนใหญ่ในวันเสาร์ คือ วันถัดมา คำตอบคือเพื่อเปิดช่องว่างให้มีโอกาสถึงตัวคนตายแบบ “ตัวต่อตัว” โดยตัดทั้งคนขับรถของ พ.ต.ท.บรรยิน และ นายชูวงษ์ ออกไป นอกจากนั้น ระหว่างเส้นทางขากลับ ตามที่อ้างว่าจะไปส่งผู้ตายโดยขับรถด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. แต่ต่อมาผู้ชำนาญการพิสูจน์ได้ว่าห้วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างสนามกอล์ฟเลควูด กับที่เกิดเหตุน่าจะมีความเร็วเพียง 30 กม./ชม. เท่านั้นทำให้ขัดแย้งกับความรุนแรงทางอุบัติเหตุที่ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การมาทั้งหมด

ในความคืบหน้าของคดีนี้ล่าสุดจากการไล่กล้องวงจรปิดทุกตัว พบพิรุธสำคัญว่ามีช่วงหนึ่งรถเลกซัสมรณะได้หลุดจากเส้นทางไปอย่างลึกลับนานประมาณครึ่งชั่วโมง จึงโผล่ขึ้นบนถนนสายหลัก จุดนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้กระจายลงหาข่าวชนิดปูพรมทุกซอกซอย จนพบเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งคาดว่าจะเป็นจุดที่มีการแวะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนเกิดอุบัติเหตุ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น