ตร.ยังไม่สรุปคดี “เสี่ยชูวงษ์” ฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ มั่นใจหลักฐานแน่นเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้แน่

MGR Online - คดี “เสี่ยชูวงษ์” ตร.เผยส่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เชื่อเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้หมดแน่ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมปลอมแปลงและใช้เอกสารสิทธิปลอม รับยังไม่สรุปไม่ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม ด้านอธิบดีอัยการคดีอาญาใต้ระบุได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนกลุ่มผู้ต้องหายื่นขอความเป็นธรรม ต้องสอบเพิ่มหากประเด็นใดไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ซึ่งเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำหลังจากนั่งรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ เป็นคนขับรถคันดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนปีที่ผ่านมา จากนั้นพนักงานสอบสวนที่มี พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.(ตำแหน่งขณะนั้น) เป็นหัวหน้าคณะฯ ส่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยสำนวนมีความหนา 9 แฟ้ม รวม 3,335 แผ่น ทางพนักงานสอบสวนมีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีนี้ ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล พริตตี้สาว, น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวคนสนิทนายชูวงษ์ และนางศรีธรา พรหมา มารดา น.ส.อุรชา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสีย หายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร

ด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.กล่าวว่า หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ เจ้าหน้าที่ กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) จำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุไป เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังต้องรอสอบสวนเพิ่มเติมทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุอีกหลายปาก โดยคดีนี้เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนทางเจ้าหน้าที่ใช้ต้องรอบคอบเป็นอย่างมากซึ่งอาจใช้เวลาอีกสักพัก และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องรอสอบสวนพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนนายสุทธิ กิติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ระบุว่าได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวน สำนวนอย่างละเอียดโดยยึดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา ต้องรับฟังข้อมูล พยานหลักฐาน ผลตรวจพิสูจน์ต่างๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมมอบหมายให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาใต้ 3 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาก็ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานอัยการจะได้สรุปประเด็นเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม และหากมีความจำเป็นต้องสอบเพิ่มตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ต้องหาด้วย แต่หากประเด็นใดไม่มีความจำเป็น ก็จะตัดทิ้งไป โดยอัยการดำเนินการด้วยความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

มีรายงานว่า ขั้นตอนขณะนี้คณะทำงานอัยการอยู่ระหว่างดำเนินการมอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินการสอบสวนในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติมให้ครบถ้วน เพื่อประกอบสำนวนก่อนพิจารณามีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้