MGR Online - คอมมานโดกองปราบปรามคุมตัว “พ.ต.ท.บรรยิน” ผู้ต้องหาคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ จากห้องขังกองปราบปรามไปส่งฝากขังศาลจังหวัดพระโขนง เจ้าตัวอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันวันถูกจับไปเข้าใหญ่เพื่อตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อน ส่วน"น้องป้อนข้าว"อยู่ด้วยเพราะลงเรือลำเดียวกัน
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.สั่งการ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ กก.ปพ.บก.ป.(คอมมานโด) จำนวนกว่า 20 นาย ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่น หลังก่อคดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน
ทั้งนี้ ระหว่างที่กำลังคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน จากห้องคุมขังของกองบังคับการปราบปรามไปยังรถเพื่อเตรียมเดินทางต่อไปศาลจังหวัดพระโขนงนั้น พ.ต.ท.บรรยินได้กล่าวว่า วันนี้ตนขออนุญาตพูดในกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ทางฝ่ายของนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ผู้เสียชีวิต และญาติ ได้ออกมาแถลงข่าวครบรอบ 1 ปี โดยที่นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พี่สาวของนายชูวงษ์กล่าวอ้างว่ามีการไปยิงปืนข่มขู่ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนไปยิง แล้วทำไมไม่ดำเนินการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าใครเป็นคนทำ พูดเหมือนว่าพวกตนเป็นคนไปข่มขู่ ส่วนเรื่องต่อมาคือภายหลังจากวันที่ 26 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ไปขออำนาจศาลออกหมายจับที่ศาลจังหวัดพระโขนงโดยที่ตนเองไม่ทราบแล้วก็ไม่เคยได้รับหมายเรียกจากทางพนักงานสอบสวนมาแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด หากมองดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญอยู่เหมือนกันว่าทำไมดำเนินการสอบสวนมาครบ 1 ปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งมาได้พยานหลักฐานในวันที่ไล่เลี่ยกันขนาดนี้
“ผมดูแล้วมันน่าจะเป็นกระบวนการที่ต้องการทำให้เป็นเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น อีกทั้งก่อนหน้าจะถูกจับกุมผมได้เดินทางไปที่เขาใหญ่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.เพื่อไปตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนโดยไปกันประมาณ 10 คน แต่สื่อกลับไปลงข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่กองปราบปรามไปพบผมกับ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว อายุ 26 ปี อดีตโบรกเกอร์สาวคนสนิท และผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์เพียงสองคน ซึ่งจริงๆ แล้วขณะที่จับกุมก็ยังเห็นเพื่อนผมยืนอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม อยากขอยืนยันว่าที่ผมไปกันในวันนั้นไม่ได้ไปกันเพียง 2 คน แต่ไปกัน 10 คนและไม่ได้เตรียมการหลบหนีอะไรเพราะว่าไปตีกอล์ฟและไปสังสรรค์กัน และน.ส.อุรชาก็รู้จักกันเพราะตอนนี้เหมือนกับลงเรือลำเดียวกัน เป็นผู้ต้องหาเหมือนกัน จึงเป็นไปได้ว่านี่คือขบวนการที่ต้องการดิสเครดิตและต้องการทำให้เห็นว่าตัวผมใช้อิทธิพลไปข่มขู่และพยายามที่จะหลบหนี” พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่อว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สอบสวนเบื้องต้นเสร็จตนได้ขอประสงค์ที่จะไปให้การในชั้นศาลต่อ แต่พนักงานสอบสวนกลับบอกว่าต้องการสอบสวนเพิ่มเติมจึงทำให้ไม่สามารถส่งตัวฝากขังต่อศาลเมื่อเย็นวานนี้ทัน แต่หลังจากที่พูดคุยกันจบนั้นตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเช้านี้ก็ยังไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ตนจึงอยากเรียนต่อสื่อมวลชนว่าวันนี้ตนได้รับความเป็นธรรมใดๆ หรือไม่ และอยากฝากไปถึงภรรยานายชูวงษ์อีกด้วย เห็นเมื่อวานมีการกล่าวถึงตนว่าทำไมใจร้ายจัง ทำได้ยังไง ตนจึงอยากจะถามกลับว่าการที่คิดว่าตนนั้นฆ่านายชูวงษ์เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เพียงแค่ 2-3 ร้อยล้าน ทั้งๆ ที่ตนและนายชูวงษ์เป็นเพื่อนรักกัน แต่กลับการที่ตนและครอบครัวนายชูวงษ์ทำธุรกิจเป็นหุ้นส่วนกันที่ จ.นครสวรรค์ มูลค่าเป็นพันล้านบาท ทำไมไม่เคยออกมาเปิดเผยว่าตนใส่ชื่อนางศิริรัตน์ ภรรยาของนายชูวงษ์เพียงคนเดียว อีกทั้งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข และแพทย์นิติเวชได้ทำการตรวจหาหลักฐานมาเป็นปีแล้วแต่วันนี้เพิ่งจะมามีหลักฐาน ตนจึงอยากจะรู้ว่าหลักฐานนั้นคืออะไร และเพิ่มมาเจอหลังจากครบรอบวันตายหลังจากที่ญาติออกมาแถลงข่าว
พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีของ น.ส.อุรชานั้น ตนเองได้รู้จักกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เพิ่งรู้จักกัน และอีกอย่างตนอยากท้าให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วด้วยกันทั้งภรรยานายชูวงษ์และพี่สาวว่าสิ่งที่ทั้งสองคนเคยพูดว่านายชูวงษ์ไม่เคยมีใครเลย ตนขอท้า และไม่ใช่เฉพาะแค่ น.ส.อุรชา คนอื่นเขาก็รู้จักพี่สาวของนายชูวงษ์ รู้ดีในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่าตนกับ น.ส.อุรชานั้นเพียงแค่รู้จักกัน ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน
ด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1บก.ป.กล่าวว่า สำหรับคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ตำรวจ รวบรวมหลักฐานที่มีความสำคัญในคดีที่สามารถหาได้ทั้งหมด และขณะนี้ยังคงมีหลักฐานที่ชี้ถึงแค่ตัวพ.ต.ท.บรรยิน เพียงคนเดียว ส่วนในคดีนี้จะมีผู้ต้องหารายอื่นในคดีอีกหรือไม่ ต้องรอการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และมีความเกี่ยวพันกับคดีอื่น ขอเวลาให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานและขยายผลเพื่อตรวจสอบดูว่ามีบุคคลอื่นร่วมในการดำเนินการหรือไม่
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสงสัยว่าการทำคดีมีความล่าช้านั้น พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวว่า เนื่องจากทางกองปราบปราม รับช่วงต่อในการดำเนินการในคดีมาจาก สน.อุดมสุข โดยทาง สน.อุดมสุข มีการดำเนินการในคดีนี้ไปนานมากกว่า 3 เดือนหลังเกิดเหตุ และมีการสรุปทิศทางสำนวนเบื้องต้นว่า นายชูวงษ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งต่อมาทางครอบครัวผู้เสียหายได้มีการร้องขอให้ทางกองปราบปราม เข้ามาดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุในการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ และเมื่อกองปราบปรามรับคดีนี้มา ต้องเริ่มรวบรวมหลักฐานทั้งหมดในคดีใหม่ เนื่องจากต้องการความชัดเจนในการคลี่คลายคดี และหลักฐานที่ได้รับส่งมอบจากทาง สน.อุดมสุข มีความล่าช้าตามที่ปรากฏตามข่าวในช่วงที่ผ่านมา และบางรายการทางกองปราบปรามต้องหาเพิ่มเติมเอง อีกทั้งหลักฐานบางรายการต้องประสานขอจากหน่วยงานของรัฐ ที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและล่าช้า แต่โดยรวมในการดำเนินคดีในลักษณะที่มีความซับซ้อน และเป็นคดีที่มีบุคคลสำคัญเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องดำเนินคดีด้วยความระมัดระวังรอบคอบ ซึ่งก็ถือว่าสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว เพราะหากนับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบคดีมาจาก สน.อุดมสุข จนถึงวันที่สามารถรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับและจับกุมตัวพ.ต.ท.บรรยินได้นั้น ใช้เวลาไม่ถึง 8 เดือน ส่วนสาเหตุที่พนักงานสอบสวนมีการยื่นคัดค้านการประกันตัวพ.ต.ท.บรรยิน ขอไม่เปิดเผยเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนวน
ด้าน พล.ต.ต.ชาญกล่าวว่า ผลการสรุปคดีไม่มีปัญหาอะไรในการทำสำนวนคดี เพราะมีหลักฐานชัดเจน ในส่วนของประเด็นสำคัญที่เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมนั้น มีข้อต้องสงสัยใน 2 ประเด็นนอกเหนือจากการที่เสียชีวิตอย่างไร และเสียชีวิตที่ไหน ที่นำเป็นสู่การขอศาลออกหมายจับ คือ หลักฐานทางวิชาการ และความเห็นของแพทย์ ที่บ่งชี้ว่าสภาพศพการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้นไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการเสียชีวิตจากการที่โดนของแข็งกระแทก ประกอบกับผลการสอบสวนเชิงลึกตรงนี้เปิดเผยไม่ได้ เช่น ประเด็นเห็นได้ชัดเจนจากสภาพศพ และหลักฐานอีกหลายอย่างเช่นกล้องวงจรปิด นอกเหนือจากนี้ก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ทางตำรวจมีหลักฐานมากพอที่จะขออนุมัติศาลในการออกหมายจับ