วานนี้ (21 มิ.ย.)ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย และนายบวรทัต พิชยธนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการทำงานของโรงสี บริษัทที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) จากแนวโน้มที่อาจมีการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้นายบวรทัต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59 ทางบริษัท ชิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด ได้ดำเนินการเปิดโกดังคลังสินค้า ของบริษัท สุพรีมไลฟ์ เอเจนซี่ หลังที่ 3 ตั้งอยู่เลขที่ 189 หมู่ที่ 5 ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท เพื่อตรวจสอบคุณภาพของข้าว และรับมอบสินค้า ข้าวเหนียว 10% ตามสัญญาเลขที่ คชก.ชน.(คน.) 13/2559 จำนวนกว่า 39,000 ตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ปรากฏว่า สินค้าที่อยู่ในคลังดังกล่าว เป็นข้าวเจ้า และข้าวดีด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเสียที่ปะปนอยู่ และถูกอำพรางไว้ โดยมีกระสอบข้าวเหนียวอยู่ล้อมรอบด้านบน และด้านข้าง บริษัทฯ จึงไม่สามารถรับมอบข้าวได้
นายบวรทัต กล่าวว่า ข้าวที่มีปัญหา เป็นข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลชุดก่อน โดยทางอคส.ได้เช่าโกดังเก็บข้าวที่ผ่านการแปรรูปเป็นข้าวสารแล้ว และมีโรงสีเป็นผู้รับจำนำข้าวจากเกษตรกร และมีบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (บริษัท SGS)เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ก่อนเข้าคลังสินค้า แต่หลังจากที่บริษัทฯ เข้าตรวจสอบคุณภาพข้าว และเตรียมการรับมอบสินค้า กลับพบว่า ชนิดข้าวไม่ตรงตามสัญญาซื้อขายตามที่กล่าวมา
" หมายความว่าทั้งโรงสี โรงสีผู้ดำเนินการรับจำนำข้าว บริษัทที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว และโรงสีที่เกี่ยวข้อง มีข้อพิรุธว่า ไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จนส่งข้าวเข้าคลัง และต้องเสียค่าปรับให้กับคู่ค้าจากประเทศจีน เป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท โดยไม่รวมมูลค่าของการเสียโอกาสจากการค้าข้าวในสต๊อกนี้ด้วย " นายบวรทัต กล่าว
ทั้งนี้นายบวรทัต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59 ทางบริษัท ชิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด ได้ดำเนินการเปิดโกดังคลังสินค้า ของบริษัท สุพรีมไลฟ์ เอเจนซี่ หลังที่ 3 ตั้งอยู่เลขที่ 189 หมู่ที่ 5 ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท เพื่อตรวจสอบคุณภาพของข้าว และรับมอบสินค้า ข้าวเหนียว 10% ตามสัญญาเลขที่ คชก.ชน.(คน.) 13/2559 จำนวนกว่า 39,000 ตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ปรากฏว่า สินค้าที่อยู่ในคลังดังกล่าว เป็นข้าวเจ้า และข้าวดีด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเสียที่ปะปนอยู่ และถูกอำพรางไว้ โดยมีกระสอบข้าวเหนียวอยู่ล้อมรอบด้านบน และด้านข้าง บริษัทฯ จึงไม่สามารถรับมอบข้าวได้
นายบวรทัต กล่าวว่า ข้าวที่มีปัญหา เป็นข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลชุดก่อน โดยทางอคส.ได้เช่าโกดังเก็บข้าวที่ผ่านการแปรรูปเป็นข้าวสารแล้ว และมีโรงสีเป็นผู้รับจำนำข้าวจากเกษตรกร และมีบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (บริษัท SGS)เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ก่อนเข้าคลังสินค้า แต่หลังจากที่บริษัทฯ เข้าตรวจสอบคุณภาพข้าว และเตรียมการรับมอบสินค้า กลับพบว่า ชนิดข้าวไม่ตรงตามสัญญาซื้อขายตามที่กล่าวมา
" หมายความว่าทั้งโรงสี โรงสีผู้ดำเนินการรับจำนำข้าว บริษัทที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว และโรงสีที่เกี่ยวข้อง มีข้อพิรุธว่า ไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จนส่งข้าวเข้าคลัง และต้องเสียค่าปรับให้กับคู่ค้าจากประเทศจีน เป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท โดยไม่รวมมูลค่าของการเสียโอกาสจากการค้าข้าวในสต๊อกนี้ด้วย " นายบวรทัต กล่าว