ผบก.น. 4 และ ผกก.สน.โชคชัย มาเอง ปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่ม นปช. ตั้งแต่เช้า ทำเอาแถลงข่าวตั้งศูนย์ทั่วประเทศล่ม "จตุพร" หยัน คสช. ห้ามได้แค่สถานที่ แต่การทำงานยังคงอยู่ เตรียมไปยื่นหนังสือที่ยูเอ็นวันนี้ เปรียบบิ๊กตู่จะมีจุดจบเหมือนบิ๊กสุ ด้านโฆษก คสช.ไม่ให้ค่าใช้โซเชียลมีเดียเคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.) ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย จากสน.โชคชัย เข้ามาภายในพื้นที่ห้องแถลงข่าว ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับให้แกนนำกลุ่ม นปช. แถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติพร้อมกันทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญแกนนำกลุ่มนปช. หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง และสื่อมวลชน ออกจากห้องแถลงข่าวทั้งหมด พร้อมทั้งนำป้ายผ้าไวนิลมาติด คำว่า “ประกาศ ที่นี่ !! มิใช่ ศูนย์ปราบโกงประชามติ”รวมทั้งกระจายกำลังดูแลความเรียบร้อย ไม่ให้มวลชนที่สวมเสื้อ“ประชามติต้องไม่ล้ม ไม่โกง ไม่อายพม่า”เข้าไปด้านใน พร้อมกันนี้ ยังได้ร้องขอให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีชทีวี ยุติการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวในเวลา 10.00 น. อีกด้วย ส่งผลทำให้การแถลงข่าวต้องงดไป รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีชทีวี ยังออกอากาศรายการตามปกติของทางสถานี โดยไม่ได้ตัดเข้าการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวใดๆ
นอกจากนี้ ผกก.สน.โชคชัย ยังได้ทำหนังสือถึง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แจ้งให้งดจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยระบุว่า ทางสน.โชคชัย ได้สืบทราบมาว่านายจตุพร ได้ร่วมกับบุคคลอื่น ดำเนินการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ขึ้นที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว โดยศูนย์ดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมือง ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จึงขอแจ้งให้งดจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองต่อไป นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีชทีวี เพื่อขอให้ยุติการถ่ายทอดสดหรือการออกอากาศ อันเป็นการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ด้วย
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้กล่าวถึงศูนย์ปราบโกงประชามติหลายครั้ง โดยช่วงแรกพูดว่า สามารถเปิดได้ แต่หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาพูดว่า ไม่สามารถเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติได้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ กลับจากประเทศอินเดีย ก็ได้กลับคำว่า ศูนย์ปราบโกงฯ ไม่สามารถเปิดได้ ถือว่าล้มละลายในความน่าเชื่อถือไปแล้ว เพราะคนที่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ควรรักษาคำพูดของตัวเอง ไม่ใช่เป็นคนสับปลับ หน้าไหว้หลังหลอก ไม่รักษาเกียรติยศของตัวเอง
ทั้งนี้การที่กำลังตำรวจ สน.โชคชัย มาที่ อิมพีเรียลลาดพร้าว และทั้งประเทศ คสช.จะได้เพียงแค่สถานที่ และป้ายเท่านั้น ตนเห็นใจเจ้าหน้าที่อยู่ท่ามกลางอารมณ์แปรปรวนของผู้มีอำนาจ แต่ตนขอทำนายไว้เลยว่าจุดจบของพล.อ.ประยุทธ์ จะเหมือนกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2534 แม้จะมีการปิดศูนย์ แต่การดำเนินงาน ยังคงทำอยู่ รวมทั้งศูนย์ปราบโกงประชามติจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วย แม้จะไม่มีสถานที่ แต่ก็ยืนยันที่จะทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี ช่วยเหลือรัฐปราบโกงต่อไป เบอร์โทรศัพท์ การทำงาน ก็ยังเหมือนเดิม โดยจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ กกต. เช่นที่เคยกล่าวไว้ และในวันนี้ (20 มิ.ย.) เวลา 11.00 น. แกนนำนปช. จะไปที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถนนราชดำเนินนอก เพื่อยื่นหนังสือรายงานสถานการณ์การตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติไป
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า การเปิดศูนย์ปราบโกงประชามตินั้นไม่ทำให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ผู้มีอำนาจคิดอยู่ตลอดเวลาว่า มีประชาชนอีกกลุ่มเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็จะถูกตั้งแง่และถูกสกัดกั้น ตนไม่เคยคิดที่จะเผชิญหน้ากับคสช. หรือรัฐบาล ตลอดเวลา 2 ปีกว่า อยากจะทำอะไร เราก็ไม่เคยไปขัดขวาง แต่การลงประชามติ เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชน และสถานการณ์นี้ทำให้เราเห็นชัดว่า คนกลุ่มหนึ่งล้มการเลือกตั้งได้ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง แม้แต่จะมีส่วนร่วมกับการลงประชามติร่างรธน.ก็ทำไม่ได้ หลังจากนี้ เราก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำมา เพื่อให้เกิดพื้นที่เสรีภาพแก่ประชาชน
ส่วนที่มีการหยิบยกโพล มาอ้างว่า มีคนจำนวนกว่าร้อยละ 70 ไม่เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปราบโกงฯนั้น ตนมองว่า โพลดังกล่าวไปถามประชาชนก็เหมือนไม่ได้ถามอะไร เพราะเมื่อผู้มีอำนาจไปถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับเรา ก็ยากที่จะมีคนแสดงออกว่าเห็นด้วย ส่วนการไปพบ ยูเอ็น ก็เพื่อจะเล่าว่า เกิดอะไรขึ้น ตนไม่เคยคิดไปดึงเอายูเอ็น เข้ามาแทรกแซง แต่ไปพูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งตนเห็นชะตากรรมของศูนย์ปราบโกงฯ ตนไม่เชื่อมั่นอะไรทั้งนั้น เพราะขนาดศูนย์ปราบโกงฯ ยังอาการขนาดนี้ คิดดูแล้วกันว่า การลงประชามติ จะให้ตนเชื่อมั่นได้อย่างไร
**เมิน นปช.ใช้โซเชียลฯ เคลื่อนไหว
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช. จะเปลี่ยนวิธีการดำเนินการของศูนย์ปราบโกงฯ โดยหันไปใช้โซเชียลมีเดียแทน ว่า ทางโซเชียลมีเดีย ก็มีหน่วยงานทั้งของ คสช. และ กกต. เฝ้าติดตามตรวจสอบอยู่ เพื่อดำเนินการตามกรอบกฎหมาย แต่ถ้าไม่มีการยุยง ปลุกปั่น ก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่ง คสช.ไม่ได้ให้น้ำหนักมาก เพราะทราบดีว่า นปช. ต้องการสร้างกระแสให้เกิดขึ้นในสังคม หาก คสช.ไปเคลื่อนไหวตาม ก็จะเป็นเหมือนว่าไปช่วยสนับสนุนให้เกิดกระแส ทั้งนี้ คสช.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะติดตามและประเมินกระแสสังคมต่อไป แต่คิดว่าประชาชนทั่วไป จะมีความเข้าใจ
ส่วนที่แกนนำ นปช. โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นคนกลับกลอก เรื่องการเปิดศูนย์ปราบโกงฯนั้น ก็แค่เป็นความพยายามสร้างกระแส ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรักษาความสงบให้บ้านเมือง และบอกชัดเจนว่า สิ่งใดที่ทำแล้วผิดกฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่ นปช. ก็จับบางคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ ไปบืดเบือนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจ
"จากการประเมินสถานการณ์ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร การเปิดศูนย์ดังกล่าวในแต่ละจังหวัดและแต่ละอำเภอทำไม่ได้ แล้วมาเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย เพราะเขาต้องทำเพื่อสร้างกระแสให้เกิดความในสังคม" พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
** ชี้พฤติกรรม นปช.ขวางความสงบ
พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ระบุภารกิจตรวจสอบการทำประชามติร่าง รธน. ยังคงมีอยู่ว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง พูดชัดเจนว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าวขัดต่อประกาศ คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน โดยมีนัยยะทางการเมือง ที่อาจจะนำไปสู่ความวุ่นวาย หากยังจะดำเนินการต่อ ก็ถือเป็นการท้าท้าย ไม่สนใจระเบียบและมีนัยยะสำคัญว่าต้องการต่อต้านการรักษาความสงบในบ้านเมือง หลังจากประเด็นการตั้งศูนย์นี้แล้ว ก็อาจมีการยกประด็นอื่นๆ ตามมาอีก วันนี้ คสช.ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งแล้วว่า การกระทำดังกล่าวขัดกับประกาศ คสช. หากจะยังคงเดินหน้า ก็ต้องดำเนินการจับกุม
ส่วนประชาชนทั่วไป ถ้าจะทำการสอบการทำประชามติ สามารถทำได้อยู่แล้วโดยการให้ข้อมูลการกระทำผิดต่อ กกต. แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม หรือตั้งเป็นศูนย์ปราบโกงแบบที่ นปช. ทำอยู่
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ นายกฯระบุว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าวต้องดูกฎหมายก่อนนั้น เป็นเพราะกิจกรรมดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ เมื่อนายกฯ พูดชัดแล้วว่า กิจกรรมดังกล่าว ขัดกับประกาศคสช. ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่จะให้ดำเนินกิจกรรมต่อไม่ได้ ฝ่ายความมั่นคง คงเห็นผลกระทบทางการเมืองว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การตรวจสอบทั่วไป เพราะหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า หากจะตวรจสอบทำไมไม่ตรวจสอบทุกโครงการ แต่เลือกตรวจสอบเฉพาะเรื่อง
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การดำเนินการของกลุ่มการเมืองหลังจากนี้คงมีวิธีการหลากหลายมากขึ้น เมื่อผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว อาจมีกิจกรรมอื่นตามมาอีก ทั้งหมดมองว่าเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง เพราะกิจกรรมเหล่านี้ มีพื้นฐานจากความคิดทางการเมือง เมื่อกลุ่มหนึ่งทำได้ อีกกลุ่มก็จะทำด้วย เพื่อแย่งพื้นที่ทางการเมือง แล้วอาจมีการกระทบกระทั่งกัน ดังนั้น คสช. ต้องจัดระเบียบให้ดี เชื่อว่าจากนี้ คสช.คงมีการปรับว่า อะไรทำได้ ทำไม่ได้ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวบ้าง ไม่ให้หักหาญน้ำใจกันเกินไป และบรรยากาศที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว (วันที่ 19 มิ.ย.) ถือว่าเป็นไปด้วยดี มีการผ่อนสั้น ผ่อนยาว แต่เชื่อว่าฝ่ายที่สุดโต่ง ทั้งผู้ที่เรียกร้อประชาธิปไตย ต้องการพื้นที่แสดงความคิดเห็น หรือผู้ที่ต้องการการขัดระเบียบอย่างเข้มงวด ต่างไม่พอใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ถือเป็นการประคับประคองสถานการณ์ เชื่อว่าทุกอย่างจะเดินหน้าไปสู่การทำประชามติ และไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น.
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.) ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย จากสน.โชคชัย เข้ามาภายในพื้นที่ห้องแถลงข่าว ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับให้แกนนำกลุ่ม นปช. แถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติพร้อมกันทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญแกนนำกลุ่มนปช. หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง และสื่อมวลชน ออกจากห้องแถลงข่าวทั้งหมด พร้อมทั้งนำป้ายผ้าไวนิลมาติด คำว่า “ประกาศ ที่นี่ !! มิใช่ ศูนย์ปราบโกงประชามติ”รวมทั้งกระจายกำลังดูแลความเรียบร้อย ไม่ให้มวลชนที่สวมเสื้อ“ประชามติต้องไม่ล้ม ไม่โกง ไม่อายพม่า”เข้าไปด้านใน พร้อมกันนี้ ยังได้ร้องขอให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีชทีวี ยุติการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวในเวลา 10.00 น. อีกด้วย ส่งผลทำให้การแถลงข่าวต้องงดไป รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีชทีวี ยังออกอากาศรายการตามปกติของทางสถานี โดยไม่ได้ตัดเข้าการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวใดๆ
นอกจากนี้ ผกก.สน.โชคชัย ยังได้ทำหนังสือถึง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แจ้งให้งดจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยระบุว่า ทางสน.โชคชัย ได้สืบทราบมาว่านายจตุพร ได้ร่วมกับบุคคลอื่น ดำเนินการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ขึ้นที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว โดยศูนย์ดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมือง ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จึงขอแจ้งให้งดจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองต่อไป นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีชทีวี เพื่อขอให้ยุติการถ่ายทอดสดหรือการออกอากาศ อันเป็นการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ด้วย
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้กล่าวถึงศูนย์ปราบโกงประชามติหลายครั้ง โดยช่วงแรกพูดว่า สามารถเปิดได้ แต่หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาพูดว่า ไม่สามารถเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติได้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ กลับจากประเทศอินเดีย ก็ได้กลับคำว่า ศูนย์ปราบโกงฯ ไม่สามารถเปิดได้ ถือว่าล้มละลายในความน่าเชื่อถือไปแล้ว เพราะคนที่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ควรรักษาคำพูดของตัวเอง ไม่ใช่เป็นคนสับปลับ หน้าไหว้หลังหลอก ไม่รักษาเกียรติยศของตัวเอง
ทั้งนี้การที่กำลังตำรวจ สน.โชคชัย มาที่ อิมพีเรียลลาดพร้าว และทั้งประเทศ คสช.จะได้เพียงแค่สถานที่ และป้ายเท่านั้น ตนเห็นใจเจ้าหน้าที่อยู่ท่ามกลางอารมณ์แปรปรวนของผู้มีอำนาจ แต่ตนขอทำนายไว้เลยว่าจุดจบของพล.อ.ประยุทธ์ จะเหมือนกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2534 แม้จะมีการปิดศูนย์ แต่การดำเนินงาน ยังคงทำอยู่ รวมทั้งศูนย์ปราบโกงประชามติจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วย แม้จะไม่มีสถานที่ แต่ก็ยืนยันที่จะทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี ช่วยเหลือรัฐปราบโกงต่อไป เบอร์โทรศัพท์ การทำงาน ก็ยังเหมือนเดิม โดยจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ กกต. เช่นที่เคยกล่าวไว้ และในวันนี้ (20 มิ.ย.) เวลา 11.00 น. แกนนำนปช. จะไปที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถนนราชดำเนินนอก เพื่อยื่นหนังสือรายงานสถานการณ์การตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติไป
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า การเปิดศูนย์ปราบโกงประชามตินั้นไม่ทำให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ผู้มีอำนาจคิดอยู่ตลอดเวลาว่า มีประชาชนอีกกลุ่มเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็จะถูกตั้งแง่และถูกสกัดกั้น ตนไม่เคยคิดที่จะเผชิญหน้ากับคสช. หรือรัฐบาล ตลอดเวลา 2 ปีกว่า อยากจะทำอะไร เราก็ไม่เคยไปขัดขวาง แต่การลงประชามติ เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชน และสถานการณ์นี้ทำให้เราเห็นชัดว่า คนกลุ่มหนึ่งล้มการเลือกตั้งได้ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง แม้แต่จะมีส่วนร่วมกับการลงประชามติร่างรธน.ก็ทำไม่ได้ หลังจากนี้ เราก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำมา เพื่อให้เกิดพื้นที่เสรีภาพแก่ประชาชน
ส่วนที่มีการหยิบยกโพล มาอ้างว่า มีคนจำนวนกว่าร้อยละ 70 ไม่เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปราบโกงฯนั้น ตนมองว่า โพลดังกล่าวไปถามประชาชนก็เหมือนไม่ได้ถามอะไร เพราะเมื่อผู้มีอำนาจไปถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับเรา ก็ยากที่จะมีคนแสดงออกว่าเห็นด้วย ส่วนการไปพบ ยูเอ็น ก็เพื่อจะเล่าว่า เกิดอะไรขึ้น ตนไม่เคยคิดไปดึงเอายูเอ็น เข้ามาแทรกแซง แต่ไปพูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งตนเห็นชะตากรรมของศูนย์ปราบโกงฯ ตนไม่เชื่อมั่นอะไรทั้งนั้น เพราะขนาดศูนย์ปราบโกงฯ ยังอาการขนาดนี้ คิดดูแล้วกันว่า การลงประชามติ จะให้ตนเชื่อมั่นได้อย่างไร
**เมิน นปช.ใช้โซเชียลฯ เคลื่อนไหว
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช. จะเปลี่ยนวิธีการดำเนินการของศูนย์ปราบโกงฯ โดยหันไปใช้โซเชียลมีเดียแทน ว่า ทางโซเชียลมีเดีย ก็มีหน่วยงานทั้งของ คสช. และ กกต. เฝ้าติดตามตรวจสอบอยู่ เพื่อดำเนินการตามกรอบกฎหมาย แต่ถ้าไม่มีการยุยง ปลุกปั่น ก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่ง คสช.ไม่ได้ให้น้ำหนักมาก เพราะทราบดีว่า นปช. ต้องการสร้างกระแสให้เกิดขึ้นในสังคม หาก คสช.ไปเคลื่อนไหวตาม ก็จะเป็นเหมือนว่าไปช่วยสนับสนุนให้เกิดกระแส ทั้งนี้ คสช.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะติดตามและประเมินกระแสสังคมต่อไป แต่คิดว่าประชาชนทั่วไป จะมีความเข้าใจ
ส่วนที่แกนนำ นปช. โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นคนกลับกลอก เรื่องการเปิดศูนย์ปราบโกงฯนั้น ก็แค่เป็นความพยายามสร้างกระแส ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรักษาความสงบให้บ้านเมือง และบอกชัดเจนว่า สิ่งใดที่ทำแล้วผิดกฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่ นปช. ก็จับบางคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ ไปบืดเบือนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจ
"จากการประเมินสถานการณ์ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร การเปิดศูนย์ดังกล่าวในแต่ละจังหวัดและแต่ละอำเภอทำไม่ได้ แล้วมาเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย เพราะเขาต้องทำเพื่อสร้างกระแสให้เกิดความในสังคม" พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
** ชี้พฤติกรรม นปช.ขวางความสงบ
พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ระบุภารกิจตรวจสอบการทำประชามติร่าง รธน. ยังคงมีอยู่ว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง พูดชัดเจนว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าวขัดต่อประกาศ คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน โดยมีนัยยะทางการเมือง ที่อาจจะนำไปสู่ความวุ่นวาย หากยังจะดำเนินการต่อ ก็ถือเป็นการท้าท้าย ไม่สนใจระเบียบและมีนัยยะสำคัญว่าต้องการต่อต้านการรักษาความสงบในบ้านเมือง หลังจากประเด็นการตั้งศูนย์นี้แล้ว ก็อาจมีการยกประด็นอื่นๆ ตามมาอีก วันนี้ คสช.ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งแล้วว่า การกระทำดังกล่าวขัดกับประกาศ คสช. หากจะยังคงเดินหน้า ก็ต้องดำเนินการจับกุม
ส่วนประชาชนทั่วไป ถ้าจะทำการสอบการทำประชามติ สามารถทำได้อยู่แล้วโดยการให้ข้อมูลการกระทำผิดต่อ กกต. แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม หรือตั้งเป็นศูนย์ปราบโกงแบบที่ นปช. ทำอยู่
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ นายกฯระบุว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าวต้องดูกฎหมายก่อนนั้น เป็นเพราะกิจกรรมดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ เมื่อนายกฯ พูดชัดแล้วว่า กิจกรรมดังกล่าว ขัดกับประกาศคสช. ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่จะให้ดำเนินกิจกรรมต่อไม่ได้ ฝ่ายความมั่นคง คงเห็นผลกระทบทางการเมืองว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การตรวจสอบทั่วไป เพราะหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า หากจะตวรจสอบทำไมไม่ตรวจสอบทุกโครงการ แต่เลือกตรวจสอบเฉพาะเรื่อง
นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า การดำเนินการของกลุ่มการเมืองหลังจากนี้คงมีวิธีการหลากหลายมากขึ้น เมื่อผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว อาจมีกิจกรรมอื่นตามมาอีก ทั้งหมดมองว่าเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง เพราะกิจกรรมเหล่านี้ มีพื้นฐานจากความคิดทางการเมือง เมื่อกลุ่มหนึ่งทำได้ อีกกลุ่มก็จะทำด้วย เพื่อแย่งพื้นที่ทางการเมือง แล้วอาจมีการกระทบกระทั่งกัน ดังนั้น คสช. ต้องจัดระเบียบให้ดี เชื่อว่าจากนี้ คสช.คงมีการปรับว่า อะไรทำได้ ทำไม่ได้ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวบ้าง ไม่ให้หักหาญน้ำใจกันเกินไป และบรรยากาศที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว (วันที่ 19 มิ.ย.) ถือว่าเป็นไปด้วยดี มีการผ่อนสั้น ผ่อนยาว แต่เชื่อว่าฝ่ายที่สุดโต่ง ทั้งผู้ที่เรียกร้อประชาธิปไตย ต้องการพื้นที่แสดงความคิดเห็น หรือผู้ที่ต้องการการขัดระเบียบอย่างเข้มงวด ต่างไม่พอใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ถือเป็นการประคับประคองสถานการณ์ เชื่อว่าทุกอย่างจะเดินหน้าไปสู่การทำประชามติ และไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น.