ผู้จัดการรายวัน360-วัดพระธรรมกายขนแบคโฮขวางประตูอีกรอบ ป้อง "ธัมมชโย" ถูกจับ พร้อมจัดแถลงข่าวซัดดีเอสไอ และขนศิษยานุศิษย์โชว์เป็นแบล็คกราวน์เพียบ ยันไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย แต่กลับยอกย้อน ถ้าบุกมาจับ มีคนบาดเจ็บล้มตาย จะรับผิดชอบยังไง "บิ๊กต๊อก"สวนใครขวางเจอ ม.189 ตามล็อกตัวถึงบ้าน ย้ำถึงตอนนี้ จับได้ ต้องจับสึก เอาเข้าคุกอย่างเดียว หมดเวลายื้อแล้ว ด้านตำรวจ สั่ง ตม. จับตา หวั่นเผ่นนอก ลุ้นระทึก ดีเดย์แผน "กบิล59" วันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) บรรยากาศช่วงเช้าภายในวัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยังคงเป็นปกติ แต่พบว่ามีศิษย์ธรรมกายเดินทางเข้ามาที่วัดมากกว่าปกติ หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวว่าจะมีการบุกเข้าไปจับกุมพระธัมมชโย แต่ในช่วงใกล้เที่ยง ที่ประตู 1 ได้มีการนำรถแบคโฮจำนวน 2 คัน มาจอดขวางประตูอีกครั้ง หลังจากที่เคยนำมาจอดไว้ก่อนหน้านี้ และได้รื้อออกไปแล้ว และยังพบอีกว่า ได้มีการนำเหล็กนั่งร้านมาตั้งปิดกั้นประตูชั้นในอีกชั้นหนึ่งด้วย เพื่อห้ามบุคคลภายนอกเดินทางเข้าออก
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของบรรดาศิษย์ธรรมกาย พบว่า เฟซบุ๊กของ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่ภาพการแถลงข่าวของนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จากห้องแถลงข่าวปกติมาเป็น ห้องโถงใหญ่ ทามกลางคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่นั่งสมาธิเป็นแบล็คกราวน์เป็นจำนวนมาก พร้อมกับระบุเนื้อหาตอบโต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึง 10 ข้อ โดยมีเนื้อหาสรุปได้ คือ ยืนยันว่าพระธัมมชโยได้รับเงินบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต กล่าวหาดีเอสไอสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีไปยังอัยการ โดยไม่รอผลประชุมคณะกรรมการประสานงาน ทั้งๆ ที่เคยระบุว่าจะไปแจ้งข้อกล่าวหาและประกันตัวที่วัด แต่ก็สั่งฟ้อง แสดงว่าเชื่อคำพูดดีเอสไอไม่ได้ ระบุว่าดีเอสไอจะทำสงครามกลางเมือง โดยยกกำลังเข้าจับกุมพระภิกษุชราอายุ 72 ปี ที่กำลังอาพาธ เป็นการทำเกินกว่าเหตุ เป็นการบ่อนทำลายพุทธศาสนา และเห็นว่ามีศิษย์ที่เป็นห่วงมาวัดจำนวนมาก หากมีมือที่สามเข้ามาแทรกทำให้เกิดสถานการณ์บานปลาย จนบาดเจ็บล้มตาย ดีเอสไอจะรับผิดชอบอย่างไร รวมทั้งระบุว่า คดีอยู่ในความรับผิดชอบของอัยการแล้ว ขอให้รอการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ
จากนั้นในช่วงบ่าย นายองอาจ ได้เปิดแถลงข่าวต่อหน้าผู้มาปฏิบัติธรรมที่วัดธรรมกายจำนวนหลายพันคน โดยระบุว่า คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของอัยการแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ รอการพิจารณาคดีของอัยการ ไม่ควรเข้าไปแทรกแซง ไม่ควรขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะจะเป็นการยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และตั้งแต่มีข่าวว่าดีเอสไอจะบุกจับกุม คณะศิษย์จากทั่วโลกมีการหลั่งไหลมาที่วัดด้วยจิตบริสุทธิ์
"ขอยืนยันว่าเราไม่คิดใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย จะไม่มีกำแพงมนุษย์ แต่ถ้าการบุกเข้ามาจนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ขอถามว่าดีเอสไอจะรับผิดชอบอย่างไร และยังขอยืนยันว่าเราเคารพในกระบวนการกฎหมาย แต่ต้องเป็นกฎหมายที่เป็นธรรมเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายองอาจแถลงถึงตรงนี้ คณะลูกศิษย์ก็ขานรับด้วยการปรบมือกันอย่างเกรียวกราว
ด้านนายสมศักดิ์ โตรักษา หัวหน้าทีมกฎหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวว่า ไม่ทราบกรณีรายงานข่าวที่ระบุดีเอสไอจะเข้าควบคุมตัวพระธัมมชโย ก่อนวันศุกร์ที่ 17 มิ.ย.นี้ เพราะตนได้ยุติบทบาทคนกลางในการเจรจาไปแล้ว และเห็นว่า คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นอัยการแล้ว ควรดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมายต่อไปจะดีกว่า
ขณะที่พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร กล่าวยืนยันว่า พระธัมมชโยยังคงอาพาธและพักรักษาตัวอยู่ภายในวัด และทางวัดมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องมือที่สามที่อาจเข้ามาก่อความวุ่ยวาย ทำให้เกิดเหตุใหญ่โต และอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
สำหรับความเคลื่อนไหวของภาครัฐ ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การดำเนินการตามแผน "กบิล 59" ตนยังไม่ทราบ และทราบจากข่าวเท่านั้น แต่ตนทราบเพียงว่า ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับตำรวจ เพราะต้องใช้หน่วยงานที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และหากมีความพร้อมทั้งหมดแล้ว ก็คงจะดำเนินการเข้าตรวจค้นทันที ส่วนจะเป็นวันที่ 17 มิ.ย.นี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ รู้แต่ว่าเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา
ส่วนการเข้าจับกุม ตนพูดทุกครั้งว่า ถ้าเข้าไปแล้วมีเรื่อง จะเข้าไปทำไม แต่อีกมุมหนึ่ง ถ้าไม่เข้า แล้วจะจับผู้ต้องหาได้อย่างไร เหตุการณ์ไม่ดี อย่าให้มันเกิดขึ้น ซึ่งต้องไปบอกกับศาลและอัยการว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาถามว่าทำไมไม่เอาตัวมา เพราะต้องมีผู้ต้องหาตามกฎหมายอาญา ก็ต้องบอกไปว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสังคมไทยก็จะรับรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของพนักงานสอบสวน
"ถ้ามีใครขัดขวางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ก็มีกฎหมาย มาตรา 189 ไปถ่ายรูปมา และมาตามจับกันทีหลัง ต้องพูดตรงๆ อย่างนี้ ไปถ่ายรูป ไปถ่ายมา ว่า คนขวางมันหน้าตาเป็นอย่างนี้ และก็มาจับกันทีหลัง ตามจับทั้งหมดนั่นแหละ ซึ่งผมและอธิบดีดีเอสไอก็ประกาศไปแล้วว่าใครขัดขวางก็มีมาตรา 189 กลับบ้านเมื่อไร ก็ไปจับที่บ้าน หากใครขวาง เจอกลางทาง ก็จับกลางทาง ตามจับกันไป และก็ฟ้องศาล ส่งอัยการเป็นอีกคดี” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มีการเปิดประเด็นไปมากกว่านี้ เพราะมันจะไม่มีทางคลี่คลายได้ เพราะตั้งแต่มีหมายเรียก ถ้าผู้ต้องหามาก็จบไปแล้ว พนักงานสอบสวนก็บอกให้ประกันตัวได้ จนกระทั่งผ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มมองเห็นถึงการคัดค้านการประกันตัว หากติดคุกก็ต้องถอดผ้าเหลือง ซึ่งมันต้องไปถึงขนาดนั้น หากพนักงานสอบสวนได้ตัวผู้ต้องหา ส่วนในชั้นอัยการ จะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ เป็นเรื่องของอัยการ ซึ่งทราบว่าจะขอเวลาพิจารณาสำนวน 1 เดือน
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ดำเนินการเรื่องนี้ โดยใช้แผนชื่อว่า "กบิล 59" ซึ่งเป็นแผนสนับสนุนดีเอสไอ และยังไม่ยืนยันว่าจะมีการบุกจับกุมพระธัมมชโยในวันศุกร์นี้หรือไม่ แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พร้อมสนับสนุนด้านกำลังพล เมื่อดีเอสไอร้องขอมา
ทั้งนี้ ยังได้มีการเฝ้าระวังไม่ให้พระธัมมชโยหลบหนีออกนอกประเทศ โดยได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา และเรื่องนี้ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เป็นผู้กำกับดูแลเรื่องผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศอยู่แล้ว เนื่องจากการแจ้งข้อหากับผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว จะต้องมีกระบวนการเฝ้าระวังและจับตาไม่ให้หลบหนี ส่วนพระธัมมชโยจะอยู่ในวัดหรือไม่นั้นไม่สามารถระบุได้
นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า กรณีจะมีบุกจับพระธัมมชโย เจ้าคณะผู้ปกครองไม่กังวล เนื่องจากได้ประสานไปยังดีเอสไอแล้ว ซึ่งดีเอสไอจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาโดยปราศจากอาวุธ และมั่นใจว่าวัดพระธรรมกายจะไม่ต่อสู้ใดๆ และในวันที่ดีเอสไอเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหา พศ. ได้มอบให้นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมาหาเถรสมาคม (มส.) นายประทีป พูลลาภ ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา และนายจีรวิชญ์ นิยมธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ปทุมธานี ไปร่วมกับดีเอสไอในการแจ้งข้อกล่าวหา และส่งผู้บริหารระดับสูง พศ.ไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดี ดีเอสไอ คุมกำลังเจ้าหน้าที่สำนักปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอ ร่วมเข้าปฏิบัติการ "กบิล 59" กับตำรวจ บช.ภ. 1 เพื่อจับกุมพระธัมมชโย คาดว่า วันที่ 16 มิ.ย.จะไปขออนุญาตหมายค้นวัดพระธรรมกายจากศาลอาญา ก่อนจะสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าจับกุมในเช้าตรู่วันที่ 17 มิ.ย. โดยชุดปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอ กับ บช.ภ.1 จะต้องมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เนื่องจากหวั่นมีการปะทะกับกลุ่มลูกศิษย์ที่เตรียมตัวเป็นโล่มนุษย์ภายในวัดพระธรรมกาย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง