บุรีรัมย์ - ตร.บุรีรัมย์เตรียมเรียกพยานและครูที่ถูกกล่าวหาใช้วาจาและอาวุธปืนข่มขู่นักเรียนหญิงสอบปากคำ หลังผู้ปกครองพาลูกสาวโร่แจ้งความเอาผิด ขณะแม่ยันเอาเรื่องถึงที่สุดทั้งวินัยและกฎหมาย ชี้ทำเกินกว่าเหตุทั้งต้องการให้เป็นกรณีตัวอย่าง ด้านต้นสังกัดเผยทั้งสองฝ่ายยังให้ข้อมูลขัดแย้ง
วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.ท.ชยกร นพกุลจิรา สารวัตรใหญ่ สภ.สะเดา อ.บัวเชษฐ์ จ.สุรินทร์ พร้อม นางวรรณ์ลดา ปัจจะไพบูลย์ อายุ 47 ปี สองสามีภรรยา ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ นายชาญวิทย์ เพียรแก้ว ครูสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเดียวกัน โดยกล่าวหาว่านายชาญวิทย์ ครูคนดังกล่าวมีพฤติกรรมใช้วาจากดดันลูกสาวให้ใช้เชือกผูกคอตาย และใช้อาวุธปืนวางข่มขู่ลูกสาวให้เกิดความหวาดกลัว ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนขณะนั่งหลบฝนอยู่ในศาลาภายในโรงเรียนนั้น
ล่าสุดพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกพยานซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึง นายชาญวิทย์ ครูคู่กรณีที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ แต่ในเบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลใดเพราะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน แต่จากคำให้การของผู้ปกครองและเด็กถึงพฤติกรรมของครูน่าจะเข้าข่ายข่มขู่ให้ตกใจกลัว
ส่วนกรณีที่เด็กระบุว่าครูชาญวิทย์ได้นำอาวุธปืนออกมาวางข่มขู่นั้น จากการประสานไปยังทางอำเภอไม่ปรากฏชื่อของนายชาญวิทย์มีการขออนุญาตพกปืน ซึ่งสอดคล้องกับที่นายชาญวิทย์ระบุว่าเป็นปืนปลอมหรือปืนพลาสติกที่ยึดมาจากเด็กนักเรียนในโรงเรียนไม่ใช่ปืนจริง
ขณะที่ทางโรงเรียนต้นสังกัดที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจากการสอบถามครูที่ถูกกล่าวหา นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยังขัดแย้งกับข้อร้องเรียนผู้ปกครอง โดยครูยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่เพียงสอบถามตามประสาอาจารย์กับลูกศิษย์ และไม่ได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่ ดังนั้นจะต้องสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
ด้าน นางวรรณ์ลดา ปัจจะไพบูลย์ แม่ของน้องเอ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียนเพราะหวาดกลัวเกรงจะถูกกลั่นแกล้ง แต่ต้องไปเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการเรียน พร้อมยืนยันว่าจะเอาเรื่องครูที่ข่มขู่ลูกให้ถึงที่สุดทั้งทางวินัย และกฎหมาย เพราะพฤติกรรมของครูเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ทั้งอยากให้กรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่าง เพื่อจะได้ไม่เกิดแก่บุตรหลานคนอื่นอีก