บุรีรัมย์ - สารวัตรใหญ่พร้อมภรรยาโร่นำลูกสาววัย 15 ปีเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เอาผิดครูโรงเรียนมัธยมชื่อดังกล่าวหามีพฤติกรรมใช้วาจากดดันและอาวุธปืนข่มขู่ให้หวาดกลัวต่อหน้าเพื่อนนักเรียน ขณะครูคู่กรณีปฏิเสธ ด้านต้นสังกัดตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.ท.ชยกร นพกุลจิรา สารวัตรใหญ่ สภ.สะเดา อ.บัวเชษฐ์ จ.สุรินทร์ พร้อมนางวรรณ์ลดา ปัจจะไพบูลย์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/26 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้นำ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ นายชาญวิทย์ เพียรแก้ว ครูสอนวิทยาศาสตร์ ในโรงเรียนเดียวกัน
โดยกล่าวหาว่า นายชาญวิทย์ ครูคนดังกล่าวมีพฤติกรรมใช้วาจากดดันลูกสาว ว่าหากกลับบ้านไปให้ใช้เชือกผูกคอตาย และก่อนผูกให้เพื่อนถ่ายคลิปวิดีโอด้วย อีกทั้งยังใช้อาวุธปืนวางข่มขู่ลูกสาวของตนให้เกิดความหวาดกลัวด้วย ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 59) ขณะที่ลูกสาวนั่งอยู่ในศาลาภายในโรงเรียนกับเพื่อนอีก 4 คน จนทำให้ลูกสาวเกิดความหวาดกลัวไม่กล้ามาโรงเรียน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อ 2 เดือนก่อนผู้ปกครองของ น.ส.เอได้โต้เถียงกันทางโทรศัพท์กับครูประจำวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภรรยาของนายชาญวิทย์ ที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกันเรื่องการส่งเกรดให้ทางฝ่ายวิชาการล่าช้า ทำให้ผู้ปกครองเป็นกังวลเกรงว่าลูกจะไม่ได้ปรับเกรดเพื่อเรียนต่อชั้น ม.4 ที่โรงเรียนดังกล่าวซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด
กรณีดังกล่าวทางผู้บริหารโรงเรียนได้ต่อว่าครูประจำวิชาภาษาอังกฤษคนดังกล่าวด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่นายชาญวิทย์ ซึ่งเป็นสามีของครูภาษาอังกฤษที่ถูกต่อว่าเกิดผูกใจเจ็บแล้วมาพูดจากดดัน ทั้งใช้อาวุธปืนวางข่มขู่ให้เด็กเกิดความหวาดกลัวด้วย
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้ พร้อมจะเรียกครูที่ถูกกล่าวหา และเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป
ด้าน นายชาญวิทย์ เพียงแก้ว ครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ถูกกล่าวหา ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้พูดจากดดันให้เด็กไปผูกคอตายตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด เพียงเป็นการพูดหยอกล้อตามประสาครูกับลูกศิษย์ และอบรมสั่งสอนตามปกติเท่านั้น
ส่วนที่เด็กกล่าวอ้างว่ามีการวางปืนข่มขู่นั้น ขอชี้แจงว่าปืนที่เด็กเห็นเป็นปืนพลาสติกหรือปืนปลอมที่ตนยึดมาจากเด็กในโรงเรียนแล้วถือติดมือมาด้วยขณะเดินเข้าไปคุยกับเด็กในศาลา แล้วขณะพูดคุยกับลูกศิษย์ได้วางปืนไว้ข้างตัวเท่านั้น ไม่ได้มีการข่มขู่อย่างที่เด็กเข้าใจ
ทั้งเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนกันมากกว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ลูกศิษย์อย่างแน่นอน และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอน
ขณะที่ นายอารยะชัย ชนะวิเศษ ผู้อำนวยการโรงเรียนต้นสังกัด ระบุว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครอง ทางโรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำการตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวทันที โดยเบื้องต้นได้เรียกเด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบถาม พร้อมทั้งเรียกครูที่ถูกกล่าวหามาสอบด้วย ซึ่งครูปฏิเสธว่าไม่ได้พูดจากดดันหรือใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามที่ถูกกล่าวหา
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการ ซึ่งยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการสืบหาข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาได้รับทราบในเร็วๆ นี้
