xs
xsm
sm
md
lg

“การ์ดแดง”โผล่จริง ธรรมกายยอมรับ-แต่ออกจากวัดไปแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



ผู้จัดการรายวัน 360 - “ประยุทธ์” สั่งฝ่ายความมั่นคงเช็ค “การ์ดแดง” โผล่ธรรมกาย เหน็บไม่ออกมาก็ไปไหนไม่ได้ ยันไร้รายงาน “ธัมมชโย” เผ่น ตอกศิษย์อย่าอ้างคดีจิ๊บจ๊อย เปรียบ “แม้ว” หนีก็แค่ซื้อที่ดินเหมือนกัน “ดีเอสไอ” ยังไม่บุก รอเจ้าคณะปทุมฯเจรจาก่อน พร้อมส่งแพทย์เป็นกลางไปตรวจ ถ้าป่วยหนักจริงพร้อมไปแจ้งข้อหาที่วัด “คณะศิษย์” ซัดดีเอสไอไม่เป็นกลาง ปูดขอ ตร.ช่วย 600 นายเหมือนทำสงครามกลางเมือง “แพทยสภา” รับลูกคัดหมอเป็นกลาง 7 คนไปตรวจ “ธัมมชโย”

วานนี้ (2 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า มีกลุ่มการ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าไปในวัดพระธรรมกาย เพื่อคุ้มกันเจ้าหน้าที่ที่อาจจะบุกเข้าไปเพื่อจับกุม พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร จากการรับเช็คบริจาคของ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด วงเงินกว่า 1,200 ล้านบาทว่า จึงได้สั่งการให้ความมั่นคงไปหามาตรการในการควบคุมการเข้าออก ว่าจะทำอย่างไรทั้งเรื่องการตรวจค้นอาวุธต่างๆ ให้ได้ก่อน แต่ไม่ใช่เวลาที่จะต้องให้ตนเข้าไปก้าวล่วงภายในของวัดพระธรรมกาย เพียงแต่ต้องดูแลให้ประชาชนมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามขณะนี้การเข้าออกทำไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากทางวัดตั้งด่านตรวจความปลอดภัยบริเวณด้านใน แต่เกรงว่า จะมีคนอื่นเข้ามาแทรกแซง เข้าไปข้างใน และป้ายความผิดมาที่รัฐบาลอีก จึงต้องเตรียมตัว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ห้ามพกปืน และอาวุธในบริเวณนั้น เราไม่อยากให้ใครไปทำให้เกิดเหตุลุกลามบานปลาย เหมือนปี 2553 อีก ส่วน นปช.จะเข้าไปหรือไม่นั้น ต้องดูว่าเขาผิดหรือเป็นผู้ร้ายหรือเปล่า ถ้าพกปืนเข้าออกก็ต้องถูกจับ ถ้าเป็น นปช.เข้าไปเฉยๆก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ตนต้องการมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยเท่านั้น

“เราไม่ได้ไปห้าม แต่ในเมื่อไม่มารายงานตัว ก็ไปไหนไม่ได้ ขอร้องว่าอย่าไปฟังโลกโซเชียลมากนัก ว่าพระธัมมชโยจะอยู่หรือไม่อยู่ในวัด ถึงวันนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามาว่าท่านหนีออกไปไหน แต่ถ้าจะหนีคงหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะตอนนี้ไม่เห็นมีใครออกมาได้ แกนนำบางคนออกมาพูดว่าคดีเล็กน้อยไม่เห็นจะต้องมาเข้มงวดแสดงว่า เล็กๆน้อยๆเหมือนกันหมดใช่ไหม กฎหมายไม่ได้บัญญัติความแตกต่างว่าทำผิดน้อย หรือผิดมาก กฎหมายเขียนไว้ว่าผิดก็คือผิด แล้วให้มาต่อสู้คดี ไม่เช่นนั้นก็จะไปสู้คดี ที่หนีออกไปต่างประเทศจากเรื่องขายที่ขายทางเล็กๆนิดเดียว เขาต้องการอย่างนั้นยังไปทำตามเขาอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** “ดีเอสไอ” ระบุอาจเป็นแค่การ์ดหางแถว

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่คาดว่าเป็นการ์ดเสื้อแดง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาประเมินสถานการณ์ เบื้องต้นอยู่ระหว่างติดตามความเคลื่อนไหวโดยบุคคลที่ปรากฏชื่อ และภาพทางสังคมออนไลน์ขณะนี้ไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายของดีเอสไอ แต่คาดว่าเป็นการ์ดระดับล่างเท่านั้น ทั้งนี้การสอบสวนคดีของดีเอสไอมีการแยกกันทำงานระหว่างทีมเจรจาและประสานงานกับฝ่ายปกครองทางสงฆ์เพื่อดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.สงฆ์กับทีมสืบสวนสะกดรอยและติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการตามหมายจับคือการขอหมายค้นและเข้าจับกุม

ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหากับ พระธัมมชโย นั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ยังรอผลการดำเนินการของ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ที่รับประสานงานให้อยู่ โดย ดีเอสไอ ยังยืนยันในเงื่อนไขที่ต้องให้พระธัมมโยตรวจร่างกายเพื่อยืนยันอาการอาพาธหนักก่อน เพราะเข้าใจดีว่าพระธัมมชโยป่วย แต่ทางกฎหมายต้องพิสูจน์อาการป่วยว่าสามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้หรือไม่ หากไม่ยินยอมให้ตรวจร่างกายถือว่าไม่มีเหตุตามกฎหมายให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาภายในวัด

สำหรับผลสอบการออกใบรับรองแพทย์จาก รพ.ค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี ของ พระธัมมชโย ซึ่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16ระบุว่า รอง ผอ.โรงพยาบาลผู้ออกใบรับรองแพทย์มีความผิด โดยถือเป็นการบกพร่องทางวินัยนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอได้ส่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นที่ รพ.ค่ายภาณุรังษีระบุว่า ใบรับรองแพทย์ดังกล่าวไม่ถือเป็นเอกสารราชการไปให้แพทยสภาตรวจสอบแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบกลับถึงผลการพิจารณา

** ยัน “การ์ดเสื้อแดง” ออกจากวัดไปแล้ว

ที่สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้แถลงกรณีมีภาพชายต้องสงสัยซึ่งอาจเกี่ยวข้องทางการเมืองเข้ามาในวัดว่า ทางวัดได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ในเรื่องของการลงทะเบียนซึ่งต้องมีการคัดกรองบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะก่อความไม่สงบหรือสร้างสถานณ์ทางการเมืองภายในวัด จากการตรวจสอบพบว่ามีชายคนดังกล่าวเข้ามาในวัดจริง แต่ไม่ทราบว่าเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ใด และได้ออกจากวัดไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวคงรู้ว่าสื่อให้ความสนใจและนำเสนอข่าว จึงสมัครใจขอออกไปจากวัดเอง โดยทางวัดไม่ได้ไล่ออกแต่อย่าใด ส่วนที่มีการถามถึงที่มาของรั้วลวดหนามที่ได้มายังไงนั้น ทางวัดได้ซื้อมาจากร้านก่อสร้าง บ้างก็ลูกศิษย์จัดหาให้ อาจจะมีการเปลี่ยนออก ซึ่งต้องมีการประเมินสถานการณ์จากมือที่สามด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่าได้มีกลุ่มบุคคล ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่สาธุชนเข้ามาดูเหตุการณ์ในวัด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้คัดกรองออกไป ซึ่งยอมรับว่าทางเจ้าหน้าที่จุดคัดกรอง ได้รับทราบข่าวสารไม่เท่ากัน บางคนดูข่าวเยอะก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร จึงทำให้อาจมีบุคคลผู้ไม่หวังดีหลุดรอดเข้ามาได้ สำหรับบอลลูนที่สื่อให้ความสนใจอยู่นั้น บอลลูนดังกล่าวอยู่ภายในวัด เป็นเพียงสัญลักษณ์ในการเดินทาง เพื่อบอกจุดให้ศิษย์เดินทางปฏิบัติธรรมอย่างเป็นระเบียบเท่านั้น

จากนั้นทางวัดได้นำสื่อมวลชนนั่งรถรางไปที่ ห้องแก้วสารพัดสำนึก เพื่อร่วมทำข่าวในพิธีถวายกำลังใจพระธัมมชโย โดยมีคณะสงฆ์จากภาคอีสานจำนวน 300 รูป เดินทางมาร่วมพิธี นำโดย ดร.พระครูสุภกิจ วรกุน เลขาเจ้าคณะอำเภอพระทองคำ จ.นครราชสีมา และ ดร.พระครูวิสิฐ สุตาลังการ เจ้าคณะตำบลโคกกรวด จ.นครราชสีมา เป็นผู้กล่าวโอวาทให้กำลังใจ พระธัมมชโย ซึ่งมีลูกศิษย์มานั่งฟังกันเป็นจำนวนมาก จากนั้นได้มีการนำดอกไม้มาถวายต่อ พระธัมมชโย เพื่อให้กำลังใจ โดยมี พระภาวนา ธรรมวิเทศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้แทนรับมอบดอกไม้

** “คณะศิษย์” ปูด DSI ขอ ตร.ช่วย 600 นาย

ที่ห้องสตูดิโอ DMC สำนักสื่อสาร วัดธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงถึงกรณีที่ ดีเอสไอ ระบุว่า จะให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจมาตรวจอาการของพระธัมมชโยเพื่อยืนยันอาการอาพาธว่า หากอาพาธจริง ก็ยินดีเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายว่า หากดีเอสไอมีท่าทีอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น เรื่องก็คงจบไปนานแล้ว แต่ขณะนี้การแสดงออกของดีเอสไอที่ผ่านมาทำให้คณะศิษยานุศิษย์ไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของดีเอสไอ แม้ทางวัดจะมีหนังสือแจ้งว่าพระธัมมชโยอาพาธ โดยมีใบรับรองแพทย์ยืนยันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางถึง 3 คน และแพทย์ผู้ตรวจก็ได้เดินทางไปรอให้ข้อมูลรายละเอียดที่ ดีเอสไอ แต่พนักงานสอบสวนก็ไม่ยอมฟังรายละเอียด และเมื่อทางวัดขอให้ส่งแพทย์จากหน่วยงานกลางมาตรวจอาการที่วัด ดีเอสไอก็ปฏิเสธอีก และไปยื่นขอหมายจับที่ศาลทันทีถึง 2 ครั้ง รวมทั้งมีการออกข่าวว่าใบรับรองแพทย์ของพระเทพญาณมหามุนีเป็นเท็จ แม้ภายหลังทางแพทยสภาจะออกมายืนยันว่าเป็นใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้อง ก็ยังมีความพยายามจะเล่นงานแพทย์ผู้ออกใบรับรองแพทย์

นายองอาจ กล่าวว่า มีข้อมูลว่า ดีเอสไอได้ทำหนังสือถึง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอกำลังจำนวน 4 กองร้อย หรือ 600 นาย พร้อมอาวุธครบมือ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ โดยดีเอสไอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อรวมกับกำลังของดีเอสไอซึ่งปรากฏตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่ามีรถหุ้มเกราะพร้อมออกปฏิบัติการ และกำลังของเจ้าหน้าที่หน่วยอื่น ดูประหนึ่งว่าดีเอสไอกำลังจะทำสงครามกลางเมือง โดยยกกำลังนับพันนายพร้อมรถหุ้มเกราะและเฮลิคอปเตอร์บุกเข้าวัดเพื่อจับกุมพระภิกษุชรา อายุกว่า 72 ปี ที่กำลังอาพาธหนักเป็นเพียงผู้ต้องหา ยังไม่ได้สอบสวน ยังไม่ได้ตกเป็นจำเลยในคดีเลย เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจต่อคณะสงฆ์ทั่วประเทศ ศิษยานุศิษย์พระเทพญาณมหามุนี และชาวพุทธทั่วโลกเป็นอย่างมาก

** คัดหมอเป็นกลาง 7 คนไปธรรมกาย

อีกด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการบริหารแพทยสภา ซึ่งมีวาระเกี่ยวกับการพิจารณากรณี ดีเอสไอ ขอให้แพทยสภาตรวจสอบคุณสมบัติของแพทย์ในการออกใบสำคัญความเห็นแพทย์ ร่วมกับการร้องขอของทีมแพทย์ที่ให้การดูแล พระธัมมชโย เพื่อส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปตรวจอาการอาพาธที่วัดพระธรรมกายว่า คณะอนุกรรมการบริหารแพทยสภา มีมติเห็นควรส่งเรื่องใบรับรองแพทย์ให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมชุดเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ในการออกใบสำคัญความเห็นแพทย์ โดยต้องเชิญแพทย์ผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูล ร่วมกับการพิจารณาข้อมูลเอกสารและผลการตรวจจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางที่แพทยสภาจะร่วมกับราชวิทยาลัยเข้าไปตรวจอาการด้วย โดยจะพิจารณาว่าแพทย์ออกใบรับรองแพทย์ตามอาการป่วยจริงหรือไม่ หรือออกเท็จหรือไม่ หากพบว่าเป็นเท็จก็จะดำเนินการลงโทษแพทย์ ส่วนกรณีที่ใช้ต้นขั้วหนังสือรับรองแพทย์เป็นของ รพ.ค่ายภานุรังษี แต่ไม่ได้ไปตรวจจริงที่สถานพยาบาลนั้น เป็นเรื่องภายในของโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของแพทยสภาที่จะตรวจสอบ

“ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางที่จะเข้าไปตรวจอาการอาพาธนั้น แพทยสภาจะประสาน 3 ราชวิทยาลัย ได้แก่ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ฯและราชวิทยาลัยรังสีแพทย์ฯ เพื่อจัดส่งแพทย์เข้าไปทำการตรวจ โดยทีมแพทย์จะมีอย่างน้อย 7 คน เป็นกรรมการแพทยสภา 2 คน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ โรคปอด โลหิตวิทยา ศัลยแพทย์เส้นเลือด และรังสีแพทย์ ทั้งนี้ จะคัดเลือกแพทย์ที่เป็นกลาง ไม่รักหรือเกลียดวัดพระธรรมกาย” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น