กาญจนบุรี - จนท.กรมอุทยานฯ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ปูพรมค้น "วัดป่าหลวงตาบัว" วัดเสือชื่อดังเมืองกาญจน์ พบทั้งหนังเสือ 2 ซาก และซากลูกเสือโคร่งถูกดองในโหลอีกอื้อ หัวกระทิง รวมทั้งเขี้ยวเสือ ตะกรุดและจี้อีกจำนวนมาก ส่วนคนงานย่องบรรทุกหนังสือพร้อมของผิดกฎหมายอีกเพียบ แต่ไม่รอดโดยรวบคาประตู เตรียมปูพรมรอบ 2 วันนี้ (3มิ.ย.) ด้านเสือโคร่งของกลางขนย้ายแล้ว 104 ตัวคาดวันนี้จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเข้าตรวจวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ของเจ้าหน้าที่กรมยานแห่งชาติ ทหาร และตำรวจ นำโดยนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวานนี้ (2 มิ.ย.) คณะสัตวแพทย์สามารถยิงยาสลบจับเสือโคร่งได้อีกจำนวน 20 ตัวและในช่วงบ่ายจับเสือได้อีกจำนวน 20 ตัว รวมปฏิบัติการจับเสือโคร่งรวม 4 วันได้เสือทั้งสิ้น 104 ตัว ยังคงเหลือเสือโคร่งอีก 37 ตัวที่กำลังเร่งดำเนินการจับอยู่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบซากลูกเสือโคร่งแรกเกิดอายุประมาณ 7 วันจำนวน 40 ซากถูกแช่แข็งปะปนกับซากไก่ที่ใช้สำหรับเลี้ยงเสืออยู่ในห้องเย็นภายในเกาะเสือ นอกจากนี้ยังมีซากหมีขอจำนวน 1 ซาก ซากกระรอก 1 ซาก เขากวาง 5 เขา อวัยวะดองของลูกเสือ จำนวน 7 ขวด และ 10 กระป๋อง ซึ่งคณะวัตวแพทย์ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานและนำตัวอย่างไปพิสูจน์ DNA ว่าซากเสือที่พบเกี่ยวข้องกับเสือโคร่งของกลางจำนวน 147 ตัวหรือไม่ ซึ่งคาดต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ขณะเดียวกันรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นิติกรกรมอุทยานฯ หารือกับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินการทางด้านกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาวานนี้ (2 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 06.00 น.นายอดิศร ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดที่มีอยู่ภายในวัดป่าหลวงตาบัวฯ พบไม้มะค่าโมงแปรรูปขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ในโรงเก็บของใกล้กับศาลาวัด จึงทำบันทึกตรวจยืดก่อนที่จะขนย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา)
ขณะเดียวกันยังได้รับแจ้งจากนายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณประตูทางเข้าวัดป่าหลวงตัวบัวฯ ตรวจค้นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ชษ 5583 กทม.วิ่งออกมาจากวัด จากการตรวจค้นพบซากหนังเสือ 2 ซากบรรจุในย่ามวางอยู่กับพื้นแค๊ป รวมทั้งตะกุดที่ทำจากหางเสืออีกเป็นจำนวนมาก จึงนำของกลางมาตรวจสอบ รวมทั้งสอบปากคำคนขับที่มาด้วยกัน 2 คนด้วย คือนายเนตร กุลเรืองไกล อายุ 42 ปี และนายก้องเกียรติ จันเพ็ง อายุ 37 ปี
นอกจากนี้ จากการเข้าไปตรวจค้นกุฏิของพระสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดฯ และประธานมูลนิธิวัดป่าฯ พบหัวกระทิง รวมทั้งเขี้ยวเสือ ตะกรุดและจี้ลักษณะเดียวกันกับที่ตรวจยึดเอาไว้ได้อีกจำนวนหนึ่ง
จากนั้นมีพนักงานที่เลี้ยงดูเสือโคร่งได้มาพบเจ้าหน้าที่และแจ้งว่าภายในบ้านพักคนงานมีซากลูกเสือโคร่งดองเอาไว้ในโหลอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบ พบว่ามีอยู่จริงนับรวมกันได้จำนวน 30 ซาก จึงมอบหมายให้คณะสัตวแพทย์นำซากจำนวนดังกล่าวไปพิสูจน์
นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่ยังได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นบริเวณอาคารพักของพระสงฆ์ที่ก่อสร้างด้วยปูนภายในมีรถยนต์จำนวน 1 จอดอยู่โดยใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้อย่างมิดชิด ส่วนผนังอาคารทำเป็นชั้นวางของ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบเขี้ยวเสือ ตะกรุด รวมทั้งจี้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้หยุดภารกิจการตรวจค้นเนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างรุนแรง และจะทำการปูพรมตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง โดยในขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ นำโดยรองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะทั้งหมด ได้นำของกลางที่ตรวจยึดเอาไว้ได้ในครั้งนี้ไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บริเวณอาคารศูนย์บัญชาการชั่วคราว ริมถนนสาย 323 หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเข้าตรวจวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ของเจ้าหน้าที่กรมยานแห่งชาติ ทหาร และตำรวจ นำโดยนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวานนี้ (2 มิ.ย.) คณะสัตวแพทย์สามารถยิงยาสลบจับเสือโคร่งได้อีกจำนวน 20 ตัวและในช่วงบ่ายจับเสือได้อีกจำนวน 20 ตัว รวมปฏิบัติการจับเสือโคร่งรวม 4 วันได้เสือทั้งสิ้น 104 ตัว ยังคงเหลือเสือโคร่งอีก 37 ตัวที่กำลังเร่งดำเนินการจับอยู่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบซากลูกเสือโคร่งแรกเกิดอายุประมาณ 7 วันจำนวน 40 ซากถูกแช่แข็งปะปนกับซากไก่ที่ใช้สำหรับเลี้ยงเสืออยู่ในห้องเย็นภายในเกาะเสือ นอกจากนี้ยังมีซากหมีขอจำนวน 1 ซาก ซากกระรอก 1 ซาก เขากวาง 5 เขา อวัยวะดองของลูกเสือ จำนวน 7 ขวด และ 10 กระป๋อง ซึ่งคณะวัตวแพทย์ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานและนำตัวอย่างไปพิสูจน์ DNA ว่าซากเสือที่พบเกี่ยวข้องกับเสือโคร่งของกลางจำนวน 147 ตัวหรือไม่ ซึ่งคาดต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ขณะเดียวกันรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นิติกรกรมอุทยานฯ หารือกับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินการทางด้านกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาวานนี้ (2 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 06.00 น.นายอดิศร ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดที่มีอยู่ภายในวัดป่าหลวงตาบัวฯ พบไม้มะค่าโมงแปรรูปขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ในโรงเก็บของใกล้กับศาลาวัด จึงทำบันทึกตรวจยืดก่อนที่จะขนย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา)
ขณะเดียวกันยังได้รับแจ้งจากนายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณประตูทางเข้าวัดป่าหลวงตัวบัวฯ ตรวจค้นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ชษ 5583 กทม.วิ่งออกมาจากวัด จากการตรวจค้นพบซากหนังเสือ 2 ซากบรรจุในย่ามวางอยู่กับพื้นแค๊ป รวมทั้งตะกุดที่ทำจากหางเสืออีกเป็นจำนวนมาก จึงนำของกลางมาตรวจสอบ รวมทั้งสอบปากคำคนขับที่มาด้วยกัน 2 คนด้วย คือนายเนตร กุลเรืองไกล อายุ 42 ปี และนายก้องเกียรติ จันเพ็ง อายุ 37 ปี
นอกจากนี้ จากการเข้าไปตรวจค้นกุฏิของพระสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดฯ และประธานมูลนิธิวัดป่าฯ พบหัวกระทิง รวมทั้งเขี้ยวเสือ ตะกรุดและจี้ลักษณะเดียวกันกับที่ตรวจยึดเอาไว้ได้อีกจำนวนหนึ่ง
จากนั้นมีพนักงานที่เลี้ยงดูเสือโคร่งได้มาพบเจ้าหน้าที่และแจ้งว่าภายในบ้านพักคนงานมีซากลูกเสือโคร่งดองเอาไว้ในโหลอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบ พบว่ามีอยู่จริงนับรวมกันได้จำนวน 30 ซาก จึงมอบหมายให้คณะสัตวแพทย์นำซากจำนวนดังกล่าวไปพิสูจน์
นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่ยังได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นบริเวณอาคารพักของพระสงฆ์ที่ก่อสร้างด้วยปูนภายในมีรถยนต์จำนวน 1 จอดอยู่โดยใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้อย่างมิดชิด ส่วนผนังอาคารทำเป็นชั้นวางของ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบเขี้ยวเสือ ตะกรุด รวมทั้งจี้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้หยุดภารกิจการตรวจค้นเนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างรุนแรง และจะทำการปูพรมตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง โดยในขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ นำโดยรองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะทั้งหมด ได้นำของกลางที่ตรวจยึดเอาไว้ได้ในครั้งนี้ไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บริเวณอาคารศูนย์บัญชาการชั่วคราว ริมถนนสาย 323 หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
