กาญจนบุรี - จนท.อุทยานแห่งชาติฯ พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังตรวจค้นวัดป่าหลวงตาบัวฯ กาญจนบุรีต่อเนื่อง ล่าสุด วันนี้จับ “เสือโคร่ง” ในวัดได้เพิ่มอีก 2 ตัว เป็น 149 ตัว เหลือเพียง 20 ตัว ส่วนการปูพรมตรวจค้นรถหรู “หลวงตาจันทร์” พบเพียงเต็นท์ และเขี้ยวเรซิน พระลูกวัดเผย “หลวงตาจันทร์” ออกจากวัดไปตั้งแต่ 29 พ.ค.โดยมีลูกศิษย์ในพื้นที่ขับรถยนต์มารับ แต่ไม่ทราบว่าไปที่ใด และหลังจากออกไปจากวัดไปแล้วก็ไม่ได้โทร.ประสานมาอีกเลย
ผู้สื่อข่าวรานงานความคืบหน้ากรณีศาลจังหวัดกาญจนบุรี อนุมัติหมายค้นที่ มค.432/2559 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 ให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจค้นวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน และมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีพระสุทธิสารเถร เป็นเจ้าอาวาส และประธานมูลนิธิฯ และนายอธิธัช ศรีมณี ผู้ดูแล
โดยการดำเนินการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ถึงวันที่ 2 มิ.ย.เจ้าหน้าที่สามารถวางยาสลบเพื่อขนย้ายเสือโคร่งไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรีได้ทั้งหมด จำนวน 102 ตัว จากทั้งหมด 137 ตัว ยังคงเหลือเสือโคร่งอีก จำนวน 35 ตัว และมีการยึดนึกเงือกอีก จำนวน 6 ตัว
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคณะเจ้าหน้าที่นำโดย นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจค้นพบซากลูกเสือโคร่งถูกดองแช่แข็งปะปนกับซากไก่ที่ใช้สำหรับเป็นอาหารของเสืออยู่ภายในห้องเย็นที่อยู่บริเวณเกาะเสือ นอกจากนี้ ยังพบซากหมีขอ กะรอก รวมอยู่ด้วย สำหรับซากทั้งหมดถูกค้นพบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันที่ 2 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยที่ประตูทางเข้าออกวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ จับกุม นายเนตร กุลเรืองไกล อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/15 หมู่ 4 ตงลิ้นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ขณะขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ชษ 5583 กทม. ลักลอบซุกซ่อนซากหนังสือ 2 ซาก ตะกรุดที่ทำจากหางเสือ จำนวน 1,035 ชิ้น ล็อกเกตรูปหลวงตาจันทร์ และหลวงตามหาบัว รวม 65 อัน เขี้ยวเสือ 9 อัน ทั้งหมดอยู่ในย่าม
โดยมี นายก้องเกียรติ จันเพ็ง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 3 ต.โนนปูน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ นั่งอยู่เบาะหลัง และพระจักรกฤษณ์ สณหกิตติโก พระเลขาหลวงตาจันทร์ นั่งอยู่เบาะหน้าซ้าย โดยมีพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องอีก 2 รูป คือ พระละม่อม วันทิยา และพระสนองชัย แสงนาค
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบซากลูกเสือโคร่งดองอยู่ในขวดโหล 30 ซาก อยู่ภายในบ้านพักคนงาน ส่วนเขากระทิง เขากวาง เขี้ยวเสือโคร่ง ตะกรุดหางเสือ ล็อกเกตรูปหลวงตามหาบัวฯ และหลวงตาจันทร์ อีกจำนวนหนึ่งค้นพบบนกุฏิหลวงตาจันทร์ และที่อาคารหอฉันน้ำปานะ รวมกันร่วม 2,000 ชิ้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วย นปพ.13 ยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.10 และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 เจ้าหน้าที่สายตรวจสำนัก 10 (ราชบุรี) และ ตร.บก.ปทส.ได้ร่วมกันตรวจยึดไม้สักแปรรูป และไม้กะยาเลยแปรรูป รวมจำนวน 27 แผ่น ปริมาตร 5.886 ลบ.ม.พร้อมเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง คณะเจ้าหน้าที่นำโดย นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นายยรรยง เลขาวิจิตร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง ) นายศิริ อัคคะอัคร ผอ.สำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานฯ (ผอ.สปฟ.) นายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร์ ผอ.ส่วนยุทธการป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานฯ นายสุนทร ฉายวัฒนะ ผอ.ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ นายชาญวิทย์ กันยา นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานฯ นายบรรพต มาลีหวล หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง และคณะสัตวแพทย์
ล่าสุด วันนี้ (3 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 06.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบเสือโคร่งอีก จำนวน 2 ตัว หลบอยู่ในช่องอุโมงค์บริเวณภายในลานแสดงเสือ ซึ่งเสือโคร่งทั้ง 2 ตัว เป็นเสื่อพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ ตัวผู้ชื่อสายฟ้า อายุ 17 ปี และเพศเมียชื่อน่านฟ้า อายุ 15 ปี โดยเสือทั้ง 2 ตัวเป็นที่รักใคร่ของ พระสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เป็นอย่างมาก และ 1 ใน 2 เคยตะปบหลวงตาจันทร์ได้รับบาดเจ็บมาแล้วครั้งหนึ่ง
การจับเสือทั้ง 2 ตัว คณะเจ้าหน้าที่ต้องประสานขอความช่วยเหลือจาก อ.น.สพ.มาโนชญ์ ยินดี ผอ.โรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า ปศุปาลัน คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี พร้อมทีมงานเดินทางมาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นักนักก็สามารถวางยาสลบแล้วนำไปไว้ที่จังหวัดราชบุรีได้ ล่าสุด คณะสัตวแพทย์สามารถดำเนินการขนย้ายเสือโคร่งได้ในวันนี้ทั้งหมด 17 ตัว
ขณะเดียวกัน นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี ให้เข้าร่วมตรวจค้นรถยนต์ตู้ยี่ห้อเบนซ์ สีบอรนซ์ หมายเลขทะเบียน ฮค 6868 กทม. ของหลวงตาจันท์ ที่จอดอยู่ภายในอาคารหอฉันน้ำปะนะ ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยมีเพียงเต็นท์ และเขี้ยวเสือที่ทำจากเรซิน และล็อกเกตจำนวนหนึ่งเท่านั้น โดยคณะเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นภายในกุฏิของหลวงตาจันทร์ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพบไม้เท้าประดับด้วยเขี้ยวเสือ 1 อัน และพบเครื่องฮาร์ดดิสก์ของกล้องวงจรปิด 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงนำไปตรวจสอบ โดมี พระละม่อม วันทิยา พระลูกวัดเป็นผู้เซ็นหนังสือรับทราบ
โดย พระละม่อม วันทิยา พระลูกวัดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในภายหลังว่า “พระสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ได้ออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีลูกศิษย์ชื่อบุญลือ เป็นคนในพื้นที่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มารับ ทราบเพียงว่าจะไป กทม.แต่ไม่ทราบว่าไปที่ใด และหลังจากหลวงตาจันทร์ ออกไปจากวัดก็ไม่ได้โทร.ประสานมาอีกเลย ซึ่งอาตมาเองก็ไม่สามารถติดต่อหลวงพ่อ ได้เนื่องจากไม่เคยมีเบอร์โทร.ของหลวงพ่อ"
“สำหรับซากหนังเสือโคร่ง และของกลางอื่นที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดได้ภายในรถ อาตมา และพระรูปอื่นเป็นผู้ขนออกมาจากกุฏิของหลวงพ่อเอง ซึ่งก็รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย ซึ่งเมื่อสื่อมวลชนสอบถามเกี่ยวกับจุดหมายที่หลวงตาจันทร์จะไป รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เดินทางหมายเลขทะเบียนอะไร รวมทั้งสอบถามเกี่ยวกับซากลูกเสือที่ดองไว้ในขวดโหล”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.ที่ผ่านมา นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมคณะเดิทางมาที่วัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน เพื่อติดตามความคืบหน้าการขนย้ายเสือ และการพบซากเสือ และสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ โดยที่ยังไม่มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด และกำลังเดินตรวจสอบภายในวัดอยู่