ศาลอาญายกคำร้องทนายวัดพระธรรมกายขอเพิกถอนหมายจับ “ธัมมชโย” ชี้ศาลพิจารณาอนุมัติหมายจับโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฟาก ดีเอสไอ พร้อมอัยการเข้าเรือนจำบางขวาง แจ้งข้อหาเพิ่ม “ศุภชัย ศุภอักษร” อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นฯ ฐานสมคบฟอกเงิน-ร่วมกับรับของโจร หลังพบชื่อสั่งจ่ายเช็คให้พระธัมมชโย ด้านเฟซบุ๊กหมอดังโรงพยาบาลพระมงกุฏฯ แสดงความเห็นลูกศิษย์จัดฉากถ่ายทอดสดอาการอาพาธไม่สมจริง
ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วานนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ ทนายความของพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางมาศาลอาญา เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับพระธัมมชโย ผู้ต้องหาข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร พร้อมกับขอให้ศาลไต่สวนข้อเท็จจริงตามที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นั้น ภายหลังศาลพิเคราะห์คำร้องและเอกสารขอเพิกถอนหมายจับของทนายความพระพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย แล้วเห็นว่า ศาลอาญาพิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาโดยชอบตามกฎหมายแล้ว จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง โดยทนายความของพระธัมมชโย ยังสามารถยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับของศาลอาญาไปยังศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งเพิกถอนต่อไปได้ภายใน 30 วัน
ดีเอสไอ แจ้งข้อหา “ศุภชัย”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (24 พ.ค.) ที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 และนางกนกลดา เจริญศิริ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ คณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 เดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหากับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 58 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในฐานความผิด สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้โอนเช็คให้พระธัมมชโย โดยใช้เวลาเกือบ 7 ชั่วโมง
ภายการเเจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศุภชัย นายขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำ นายศุภชัย ภายในเรือนจำบางขวางโดยมีทนายความเข้าร่วมด้วย ซึ่ง นายศุภชัย ให้การเป็นประโยชน์หลายประการและยังเปิดเผยถึงความสนิทสนมส่วนตัวโดยมีการใช้ชื่อเรียกเฉพาะระหว่างกันแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยนายศุภชัยยังเคยเข้าไปยังกุฎิของพระธัมมชโยมาแล้วด้วย
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายศุภชัย ยังบอกอีกว่า พระธัมมชโย ได้แต่งตั้งให้เป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2542 และได้ลาออกไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2556 รวมทั้ง นายศุภขัย ยังให้การเป็นประโยชน์ในคดีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ส่วนกรณีเงินบริจาค ดีเอสไอ ยังขอไม่เปิดเผย แต่เป็นไปตามแนวทางสืบสวน
นายขจรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียกให้พระธัมมชโยเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาที่ ดีเอสไอ ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ หากมีอาการเจ็บป่วยจริง ดีเอสไอ ก็จะจัดสถานที่รับรองและมีขั้นตอนปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ที่เจ็บป่วย โดยขอยืนยันว่าขั้นตอนปฏิบัติทุกอย่างจะทำแบบเดียวกับบุคคลทั่วไปและสามารถให้ประกันตัวได้ แต่ถ้าพระธัมมชโยไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ดีเอสไอ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายในวันที่ 27 พ.ค.59 อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหา 5 รายซึ่งได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 4 ราย เหลือ 1 รายที่กำลังหลบหนี เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมออกหมายจับต่อไป
ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้ดำเนินคดีกับ นายศุภชัย มากกว่า 10 คดี เป็นคดีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2552-2556 มีการกระทำต่างกรรมต่างวาระ บางคดีศาลตัดสินแล้วและหลายคดีอยู่ระหว่างพิจารณา โดยคดีล่าสุดศาลอาญาได้ตัดสินจำคุก นายศุภชัย 32 ปี ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่เจ้าตัวสารภาพ ศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 16 ปี โดยไม่รอลงอาญา
“บิ๊กต๊อก” เชื่อจัดการทุกอย่างได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์จะบานปลาย ภายหลังจากที่ วัดพระธรรมกาย อ้างว่า พระธัมมชโย มีอาการอาพาธจึงไม่สามารถเข้ารายงานตัวต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังถูกออกหมายจับได้ว่า เรื่องดังกล่าวต้องถาม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งดูแลอยู่ แต่เชื่อว่า พล.อ.ไพบูลย์ จะสามารถจัดการทุกอย่างได้
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ทุกคนต้องหันมาใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา พระธัมมชโย ก็ใช้สิทธิของตัวเองซึ่งถือเป็นกระบวนการยุติธรรมอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ การที่ พระธัมมชโย ทำแบบนี้ดีกว่าใช้รูปแบบอื่น หรือใช้เทคนิคอื่นมาทำให้เกิดปัญหา
“ผมมองว่า พระธัมมชโย พยายามต่อสู้โดยกระบวนการยุติธรรมซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะท้ายที่สุดแล้วกระบวนการยุติธรรมจะตอบโจทย์ทุกอย่างเอง หาก พระธัมมชโย ยื่นเรื่องต่อศาล ทุกคนก็ต้องเคารพ และวันนี้เมื่อศาลออกหมายจับ ดีเอสไอ ก็ต้องดำเนินการ หากศาลสั่งให้ถอนหมายจับก็ต้องถอน ถ้าศาลรับก็จะต้องเรียกพนักงานสอบสวนมาว่ากัน ถ้ายังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้าใช้อย่างอื่นก็คงไม่เหมาะ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นปัญหา ส่วนใบรับรองแพทย์ของ พระธัมมชโย เองก็ต้องมีการสอบสวนให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่ควรจะกลัวอะไรทั้งสิ้นเพราะเป็นอำนาจหน้าที่ มีอำนาจแล้วจะไปกลัวอะไร แต่ถ้าจำเป็นต้องตัดสินใจเข้าไปถึงในวัดแล้วกลับมากลัวจึงไม่เข้า ผมว่าคงไม่ถูกและไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไร เพราะเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก”
นายกฯ กำชับให้ดูวินัยสงฆ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึง การดำเนินการเอาผิดพระธัมมชโยว่า ขอให้นำพระธรรมวินัยมาพิจารณาแล้วก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
หมอตั้งข้อสังเกต “ธัมมชโย” จัดฉาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เฟซบุ๊ก Tavatchai Kanchanarin ของ อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ผช.ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่เปิดเผยถึงอาการอาพาธของพระธัมมชโยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ผู้ป่วยซึ่งหมายถึงพระธัมมชโย นอนราบไม่ได้หนุนขาซ้าย ดม oxygen mask ไม่ได้ต่อถังออกซิเจน สาย oxygen sat ก็ไม่ได้ติด มอนิเตอร์วางซ่ะไกล แพทย์ตรวจร่างกายฟังปอดทะลุผ่านจีวรผ้าห่ม แปะ IV ใกล้ข้อมือ ไม่มี infusion pump control
จากนั้น วันที่22 พ.ค. ฉากปรับปรุงขึ้น หนุนขาแล้ว ดม oxygen canular ผ่าน flowmeter humidifier ต่อถังออกซิเจน สาย oxygen sat ติดปลายนิ้วแล้ว สาย EKG monitor & BP cuff อยู่ในตะแกรง IV ไม่มีแล้ว มี defibrillator, emergency kit , respirator, mayo overbed รถทำแผล....แต่เท่านี้เพียงพอแล้วหรอ?
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผู้ป่วยอาการหนักนานกว่าสองสัปดาห์ สภาพภายในห้องควรเป็นอย่างไร กินนอนขับถ่ายเช็ดตัวกันอย่างไร แพทย์พยาบาลนั่งเฝ้ากันตรงไหน?
ยิ่งดูวีดีโอเห็นภาพต่อเนื่องแล้ว ขำกลิ้งตั้งแต่หมอเปิดประตูเดินเข้ามา ไหนโฆษกบอกว่า อยู่ในห้องพักฟื้นเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อ
ออกอาการร้อนตัว ให้สื่อเขียนตัวเลข ยืนถือหนังสือพิมพ์ถ่ายรูป จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว แก่จน 72 แล้ว ยังเล่นเป็นเด็กไปกับเขาด้วย
คนที่ทำงานในวงการแพทย์พยาบาลมานาน มีความรู้ประสบการณ์ด้านวิกฤต เขาไม่มองแค่เท้าคนไข้หรอก vital signs, ESI, APACHE score แสดงให้ดูด้วยซิ คุณบอกว่าอาการหนักจนไม่สามารถเดินทางมา รพ.ได้ ต้องรักษาที่วัด อันนี้มันผิดหลักการแพทย์น่ะ ไม่งั้นจะมีระบบ EMS ไว้ทำไม"
ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วานนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ ทนายความของพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางมาศาลอาญา เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับพระธัมมชโย ผู้ต้องหาข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร พร้อมกับขอให้ศาลไต่สวนข้อเท็จจริงตามที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นั้น ภายหลังศาลพิเคราะห์คำร้องและเอกสารขอเพิกถอนหมายจับของทนายความพระพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย แล้วเห็นว่า ศาลอาญาพิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาโดยชอบตามกฎหมายแล้ว จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง โดยทนายความของพระธัมมชโย ยังสามารถยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับของศาลอาญาไปยังศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งเพิกถอนต่อไปได้ภายใน 30 วัน
ดีเอสไอ แจ้งข้อหา “ศุภชัย”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (24 พ.ค.) ที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 และนางกนกลดา เจริญศิริ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ คณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 เดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหากับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 58 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในฐานความผิด สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้โอนเช็คให้พระธัมมชโย โดยใช้เวลาเกือบ 7 ชั่วโมง
ภายการเเจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศุภชัย นายขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำ นายศุภชัย ภายในเรือนจำบางขวางโดยมีทนายความเข้าร่วมด้วย ซึ่ง นายศุภชัย ให้การเป็นประโยชน์หลายประการและยังเปิดเผยถึงความสนิทสนมส่วนตัวโดยมีการใช้ชื่อเรียกเฉพาะระหว่างกันแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยนายศุภชัยยังเคยเข้าไปยังกุฎิของพระธัมมชโยมาแล้วด้วย
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายศุภชัย ยังบอกอีกว่า พระธัมมชโย ได้แต่งตั้งให้เป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2542 และได้ลาออกไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2556 รวมทั้ง นายศุภขัย ยังให้การเป็นประโยชน์ในคดีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ส่วนกรณีเงินบริจาค ดีเอสไอ ยังขอไม่เปิดเผย แต่เป็นไปตามแนวทางสืบสวน
นายขจรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียกให้พระธัมมชโยเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาที่ ดีเอสไอ ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ หากมีอาการเจ็บป่วยจริง ดีเอสไอ ก็จะจัดสถานที่รับรองและมีขั้นตอนปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ที่เจ็บป่วย โดยขอยืนยันว่าขั้นตอนปฏิบัติทุกอย่างจะทำแบบเดียวกับบุคคลทั่วไปและสามารถให้ประกันตัวได้ แต่ถ้าพระธัมมชโยไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ดีเอสไอ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายในวันที่ 27 พ.ค.59 อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหา 5 รายซึ่งได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 4 ราย เหลือ 1 รายที่กำลังหลบหนี เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมออกหมายจับต่อไป
ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้ดำเนินคดีกับ นายศุภชัย มากกว่า 10 คดี เป็นคดีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2552-2556 มีการกระทำต่างกรรมต่างวาระ บางคดีศาลตัดสินแล้วและหลายคดีอยู่ระหว่างพิจารณา โดยคดีล่าสุดศาลอาญาได้ตัดสินจำคุก นายศุภชัย 32 ปี ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่เจ้าตัวสารภาพ ศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 16 ปี โดยไม่รอลงอาญา
“บิ๊กต๊อก” เชื่อจัดการทุกอย่างได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์จะบานปลาย ภายหลังจากที่ วัดพระธรรมกาย อ้างว่า พระธัมมชโย มีอาการอาพาธจึงไม่สามารถเข้ารายงานตัวต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังถูกออกหมายจับได้ว่า เรื่องดังกล่าวต้องถาม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งดูแลอยู่ แต่เชื่อว่า พล.อ.ไพบูลย์ จะสามารถจัดการทุกอย่างได้
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ทุกคนต้องหันมาใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา พระธัมมชโย ก็ใช้สิทธิของตัวเองซึ่งถือเป็นกระบวนการยุติธรรมอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ การที่ พระธัมมชโย ทำแบบนี้ดีกว่าใช้รูปแบบอื่น หรือใช้เทคนิคอื่นมาทำให้เกิดปัญหา
“ผมมองว่า พระธัมมชโย พยายามต่อสู้โดยกระบวนการยุติธรรมซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะท้ายที่สุดแล้วกระบวนการยุติธรรมจะตอบโจทย์ทุกอย่างเอง หาก พระธัมมชโย ยื่นเรื่องต่อศาล ทุกคนก็ต้องเคารพ และวันนี้เมื่อศาลออกหมายจับ ดีเอสไอ ก็ต้องดำเนินการ หากศาลสั่งให้ถอนหมายจับก็ต้องถอน ถ้าศาลรับก็จะต้องเรียกพนักงานสอบสวนมาว่ากัน ถ้ายังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้าใช้อย่างอื่นก็คงไม่เหมาะ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นปัญหา ส่วนใบรับรองแพทย์ของ พระธัมมชโย เองก็ต้องมีการสอบสวนให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่ควรจะกลัวอะไรทั้งสิ้นเพราะเป็นอำนาจหน้าที่ มีอำนาจแล้วจะไปกลัวอะไร แต่ถ้าจำเป็นต้องตัดสินใจเข้าไปถึงในวัดแล้วกลับมากลัวจึงไม่เข้า ผมว่าคงไม่ถูกและไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไร เพราะเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก”
นายกฯ กำชับให้ดูวินัยสงฆ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึง การดำเนินการเอาผิดพระธัมมชโยว่า ขอให้นำพระธรรมวินัยมาพิจารณาแล้วก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
หมอตั้งข้อสังเกต “ธัมมชโย” จัดฉาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เฟซบุ๊ก Tavatchai Kanchanarin ของ อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ผช.ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่เปิดเผยถึงอาการอาพาธของพระธัมมชโยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ผู้ป่วยซึ่งหมายถึงพระธัมมชโย นอนราบไม่ได้หนุนขาซ้าย ดม oxygen mask ไม่ได้ต่อถังออกซิเจน สาย oxygen sat ก็ไม่ได้ติด มอนิเตอร์วางซ่ะไกล แพทย์ตรวจร่างกายฟังปอดทะลุผ่านจีวรผ้าห่ม แปะ IV ใกล้ข้อมือ ไม่มี infusion pump control
จากนั้น วันที่22 พ.ค. ฉากปรับปรุงขึ้น หนุนขาแล้ว ดม oxygen canular ผ่าน flowmeter humidifier ต่อถังออกซิเจน สาย oxygen sat ติดปลายนิ้วแล้ว สาย EKG monitor & BP cuff อยู่ในตะแกรง IV ไม่มีแล้ว มี defibrillator, emergency kit , respirator, mayo overbed รถทำแผล....แต่เท่านี้เพียงพอแล้วหรอ?
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผู้ป่วยอาการหนักนานกว่าสองสัปดาห์ สภาพภายในห้องควรเป็นอย่างไร กินนอนขับถ่ายเช็ดตัวกันอย่างไร แพทย์พยาบาลนั่งเฝ้ากันตรงไหน?
ยิ่งดูวีดีโอเห็นภาพต่อเนื่องแล้ว ขำกลิ้งตั้งแต่หมอเปิดประตูเดินเข้ามา ไหนโฆษกบอกว่า อยู่ในห้องพักฟื้นเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อ
ออกอาการร้อนตัว ให้สื่อเขียนตัวเลข ยืนถือหนังสือพิมพ์ถ่ายรูป จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว แก่จน 72 แล้ว ยังเล่นเป็นเด็กไปกับเขาด้วย
คนที่ทำงานในวงการแพทย์พยาบาลมานาน มีความรู้ประสบการณ์ด้านวิกฤต เขาไม่มองแค่เท้าคนไข้หรอก vital signs, ESI, APACHE score แสดงให้ดูด้วยซิ คุณบอกว่าอาการหนักจนไม่สามารถเดินทางมา รพ.ได้ ต้องรักษาที่วัด อันนี้มันผิดหลักการแพทย์น่ะ ไม่งั้นจะมีระบบ EMS ไว้ทำไม"