สองขวบปีแล้ว...ที่ชาติไทยมี “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” และ “นายกรัฐมนตรี” ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
แม้ “นายพลตู่” จะมีผลงานมิใช่น้อย แต่ส่วนใหญ่เป็นงาน “รูทีน” ไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาชาติหลายเรื่อง จึงยังไม่คุ้มค่ากับการรัฐประหารอยู่ดี นั่นคือ ไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนเป็นชิ้นเป็นอัน! แถมกลุ่มคนชั่วโกงชาติและล้มเจ้า ยังลอยนวลเย้ยกฎหมายอยู่จนทุกวันนี้
ตัวอย่าง “คน” ที่มีอาชีพ “ทหาร” และเป็น “ผู้นำชาติที่เด็ดขาดกล้าหาญ” ปฏิรูปชาติด้วยความจริงใจ-รับผิดชอบ-ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จนได้รับการยกย่องจากคนในชาติและชาวโลก คือ “ชาร์ล อ็องเดร โฌแซ็ฟ มารี เดอ โกล” แต่ผู้คนมักเรียกสั้นๆ ว่า “ชาร์ล เดอ โกล”
ห้วงการเมืองฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย ชายชาติทหาร “ชาร์ล เดอ โกล” พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“I have come to the conclusion that politics are too serious a matter to be left to the politicians ข้าพเจ้าสรุปว่า การเมืองเป็นเรื่องจริงจัง เกินกว่าที่เราจะปล่อย ให้พวกนักการเมืองเล่นกันตามลำพัง”
แต่นายพล “ชาร์ล เดอ โกล” ผู้นำการปลดปล่อยฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นผู้นำรัฐบาลชั่วคราว เป็นแรงบันดาลใจในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในยุคสาธารณรัฐที่ 5 เป็นรัฐบุรุษของฝรั่งเศส ที่ชาวโลกยอมรับในผลงานปฏิรูปฝรั่งเศส ที่ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
แน่นอน...ผลงานรัฐประหาร “บิ๊กตู่” คือ ยุติความรุนแรงทางการเมือง และตัดตอนอำนาจรัฐทุนสามานย์ลงได้...(แค่ชั่วคราว!) ส่วนผลงานปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนนั้น-สอบตก!
ทั้งๆ ที่ชาติถูกนักการเมืองชั่วทำร้ายมาตลอด แต่ “บิ๊กตู่” ยังปล่อยให้การปฏิรูปชาติ เดินหน้าอย่างไร้ความแน่นอนไปเรื่อยๆ อีกหรือ?
“บิ๊กตู่” ฉลาดพอจะรู้ว่า สงครามการทหารกับสงครามการเมืองนั้น แผนต้องดี-กำลังรบทุกมิติต้องดี-มิตรร่วมรบต้องดี-ต้องเด็ดขาดกล้าหาญ-ต้องรบชนะสถานเดียวเท่านั้น! อดีตนายกฯ อังกฤษ “วินสตัน เชอร์ชิลล์” มีถ้อยคำที่นายกฯ รุ่นหลังอย่าง “บิ๊กตู่” ควรศึกษายิ่งนัก...
“Politics are almost as exciting as war and quite as dangerous. In war you can only be killed once, but in politics-many times. การเมืองเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง ไม่ต่างไปจากการทำสงคราม แต่ในสงคราม คุณจะเสียชีวิตแค่ครั้งเดียว แต่หากเล่นการเมือง คุณอาจจะตายได้หลายครั้ง”
“เชอร์ชิลล์” พูดถูก...การเมืองเป็นเรื่องอันตราย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ของใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องประโยชน์คนทั้งชาติ “ผู้นำชาติคนไหน” ก็ตาม...ถ้าไม่ทำหรือไม่กล้าทำเรื่องที่ถูกต้อง! ไม่กล้าขจัดต้นเหตุปัญหาของชาติอย่างเด็ดขาด ก็ควรกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านดีกว่า
เรื่องของประชาชนและชาตินั้น จะกล้าๆ กลัวๆ ไม่ขจัดกลุ่มคนชั่วที่เป็นต้นเหตุปัญหาชาติไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะก่อผลเสียหายใหญ่หลวงต่อชาติ จนบางสถานการณ์อาจจะสายเกินแก้ด้วยซ้ำไป...จริงไหม?
นายกฯ หญิงเหล็ก “มาร์กาเรต แธตเชอร์” กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า “Do you know that one of the great problems of our age is that we are governed by people who care more about feelings than they do about thoughts and ideas ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของยุคสมัยเรา คือ พวกเราถูกปกครองโดยคนซึ่งใช้อารมณ์ มากกว่าใช้ปัญญาและความคิดสร้างสรรค์”
“แธตเชอร์” ไม่ได้ระบุใครเป็นการเฉพาะ เธอยกปัญหาที่เจอในอังกฤษมายั่วให้คิดเท่านั้น แต่ “วอลแตร์” กลับห่วงคนคิดต่างจากผู้มีอำนาจว่า “It is dangerous to be right when the government is wrong. เป็นเรื่องอันตรายมากที่จะเป็นฝ่ายถูก เมื่อรัฐบาลเป็นฝ่ายผิด”
คราวนี้มาฟังถ้อยธรรมแห่งปัญญา ตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องแปลของ “ท่านพุทธทาส” ที่ว่า
“ประชาธิปไตยคือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่ ต้องให้ประชาชนได้ประโยชน์เต็ม อย่างนั้นจึงจะเป็นประชาธิปไตย ให้ประชาชนเป็นใหญ่นั้นมันไม่แน่ ประชาชนบ้าบอก็ได้ ถ้าประชาชนเห็นแก่ตัวแล้วฉิบหายหมด”
งานนี้...จะเป็นประชาธิปไตยและเผด็จการแบบไหนก็ตาม ถ้ายึด “ประโยชน์ประชาชน” เป็นใหญ่ ทำให้คนส่วนใหญ่กินดีอยู่ดีได้ ประชาชนย่อมชื่นชอบแน่นอน!แม้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ “บ้าบอ” แต่ก็ไม่พร้อมในแทบทุกมิติ! “ตักขี้” จึงใช้ความอ่อนแอของประชาชน ใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้งแบบตะวันตก ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง ใช้เผด็จการรัฐสภาและรัฐบาลโกงชาติ ถอนทุนบวกกำไรและสืบทอดอำนาจ จนก่ออันตรายร้ายแรงต่อชาติมาจนทุกวันนี้
ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมา ทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ ก็มิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงทำให้ชาติยังจมอยู่ในวงจรอุบาทว์เรื่อยมา นั่นคือ
เลือกตั้งขี้โกง-เกิด-เผด็จการรัฐสภาและรัฐบาลโกงชาติ-จึงถูก-ประชาชนขับไล่ต่อเนื่อง-จน-ต้องยุบสภาหรือโดนทหารรัฐประหาร-แต่-รัฐบาลทหารก็จัดเลือกตั้งใหม่-ซึ่ง-นำชาติเข้าสู่วงจรอุบาทว์ซ้ำซาก...
สองปีที่ผ่านไป...ยังไร้วี่แววว่า “บิ๊กตู่” จะนำชาติไทยให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง และนำคนดีขึ้นปกครองชาติได้เลย!
เวลาที่เหลือ...ผู้คนยังคงหวังว่า รัฐประหารของ “บิ๊กตู่” คงไม่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต...?
แม้ “นายพลตู่” จะมีผลงานมิใช่น้อย แต่ส่วนใหญ่เป็นงาน “รูทีน” ไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาชาติหลายเรื่อง จึงยังไม่คุ้มค่ากับการรัฐประหารอยู่ดี นั่นคือ ไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนเป็นชิ้นเป็นอัน! แถมกลุ่มคนชั่วโกงชาติและล้มเจ้า ยังลอยนวลเย้ยกฎหมายอยู่จนทุกวันนี้
ตัวอย่าง “คน” ที่มีอาชีพ “ทหาร” และเป็น “ผู้นำชาติที่เด็ดขาดกล้าหาญ” ปฏิรูปชาติด้วยความจริงใจ-รับผิดชอบ-ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จนได้รับการยกย่องจากคนในชาติและชาวโลก คือ “ชาร์ล อ็องเดร โฌแซ็ฟ มารี เดอ โกล” แต่ผู้คนมักเรียกสั้นๆ ว่า “ชาร์ล เดอ โกล”
ห้วงการเมืองฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย ชายชาติทหาร “ชาร์ล เดอ โกล” พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“I have come to the conclusion that politics are too serious a matter to be left to the politicians ข้าพเจ้าสรุปว่า การเมืองเป็นเรื่องจริงจัง เกินกว่าที่เราจะปล่อย ให้พวกนักการเมืองเล่นกันตามลำพัง”
แต่นายพล “ชาร์ล เดอ โกล” ผู้นำการปลดปล่อยฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นผู้นำรัฐบาลชั่วคราว เป็นแรงบันดาลใจในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในยุคสาธารณรัฐที่ 5 เป็นรัฐบุรุษของฝรั่งเศส ที่ชาวโลกยอมรับในผลงานปฏิรูปฝรั่งเศส ที่ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
แน่นอน...ผลงานรัฐประหาร “บิ๊กตู่” คือ ยุติความรุนแรงทางการเมือง และตัดตอนอำนาจรัฐทุนสามานย์ลงได้...(แค่ชั่วคราว!) ส่วนผลงานปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนนั้น-สอบตก!
ทั้งๆ ที่ชาติถูกนักการเมืองชั่วทำร้ายมาตลอด แต่ “บิ๊กตู่” ยังปล่อยให้การปฏิรูปชาติ เดินหน้าอย่างไร้ความแน่นอนไปเรื่อยๆ อีกหรือ?
“บิ๊กตู่” ฉลาดพอจะรู้ว่า สงครามการทหารกับสงครามการเมืองนั้น แผนต้องดี-กำลังรบทุกมิติต้องดี-มิตรร่วมรบต้องดี-ต้องเด็ดขาดกล้าหาญ-ต้องรบชนะสถานเดียวเท่านั้น! อดีตนายกฯ อังกฤษ “วินสตัน เชอร์ชิลล์” มีถ้อยคำที่นายกฯ รุ่นหลังอย่าง “บิ๊กตู่” ควรศึกษายิ่งนัก...
“Politics are almost as exciting as war and quite as dangerous. In war you can only be killed once, but in politics-many times. การเมืองเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง ไม่ต่างไปจากการทำสงคราม แต่ในสงคราม คุณจะเสียชีวิตแค่ครั้งเดียว แต่หากเล่นการเมือง คุณอาจจะตายได้หลายครั้ง”
“เชอร์ชิลล์” พูดถูก...การเมืองเป็นเรื่องอันตราย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ของใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องประโยชน์คนทั้งชาติ “ผู้นำชาติคนไหน” ก็ตาม...ถ้าไม่ทำหรือไม่กล้าทำเรื่องที่ถูกต้อง! ไม่กล้าขจัดต้นเหตุปัญหาของชาติอย่างเด็ดขาด ก็ควรกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านดีกว่า
เรื่องของประชาชนและชาตินั้น จะกล้าๆ กลัวๆ ไม่ขจัดกลุ่มคนชั่วที่เป็นต้นเหตุปัญหาชาติไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะก่อผลเสียหายใหญ่หลวงต่อชาติ จนบางสถานการณ์อาจจะสายเกินแก้ด้วยซ้ำไป...จริงไหม?
นายกฯ หญิงเหล็ก “มาร์กาเรต แธตเชอร์” กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า “Do you know that one of the great problems of our age is that we are governed by people who care more about feelings than they do about thoughts and ideas ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของยุคสมัยเรา คือ พวกเราถูกปกครองโดยคนซึ่งใช้อารมณ์ มากกว่าใช้ปัญญาและความคิดสร้างสรรค์”
“แธตเชอร์” ไม่ได้ระบุใครเป็นการเฉพาะ เธอยกปัญหาที่เจอในอังกฤษมายั่วให้คิดเท่านั้น แต่ “วอลแตร์” กลับห่วงคนคิดต่างจากผู้มีอำนาจว่า “It is dangerous to be right when the government is wrong. เป็นเรื่องอันตรายมากที่จะเป็นฝ่ายถูก เมื่อรัฐบาลเป็นฝ่ายผิด”
คราวนี้มาฟังถ้อยธรรมแห่งปัญญา ตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องแปลของ “ท่านพุทธทาส” ที่ว่า
“ประชาธิปไตยคือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่ ต้องให้ประชาชนได้ประโยชน์เต็ม อย่างนั้นจึงจะเป็นประชาธิปไตย ให้ประชาชนเป็นใหญ่นั้นมันไม่แน่ ประชาชนบ้าบอก็ได้ ถ้าประชาชนเห็นแก่ตัวแล้วฉิบหายหมด”
งานนี้...จะเป็นประชาธิปไตยและเผด็จการแบบไหนก็ตาม ถ้ายึด “ประโยชน์ประชาชน” เป็นใหญ่ ทำให้คนส่วนใหญ่กินดีอยู่ดีได้ ประชาชนย่อมชื่นชอบแน่นอน!แม้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ “บ้าบอ” แต่ก็ไม่พร้อมในแทบทุกมิติ! “ตักขี้” จึงใช้ความอ่อนแอของประชาชน ใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้งแบบตะวันตก ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง ใช้เผด็จการรัฐสภาและรัฐบาลโกงชาติ ถอนทุนบวกกำไรและสืบทอดอำนาจ จนก่ออันตรายร้ายแรงต่อชาติมาจนทุกวันนี้
ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมา ทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ ก็มิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงทำให้ชาติยังจมอยู่ในวงจรอุบาทว์เรื่อยมา นั่นคือ
เลือกตั้งขี้โกง-เกิด-เผด็จการรัฐสภาและรัฐบาลโกงชาติ-จึงถูก-ประชาชนขับไล่ต่อเนื่อง-จน-ต้องยุบสภาหรือโดนทหารรัฐประหาร-แต่-รัฐบาลทหารก็จัดเลือกตั้งใหม่-ซึ่ง-นำชาติเข้าสู่วงจรอุบาทว์ซ้ำซาก...
สองปีที่ผ่านไป...ยังไร้วี่แววว่า “บิ๊กตู่” จะนำชาติไทยให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง และนำคนดีขึ้นปกครองชาติได้เลย!
เวลาที่เหลือ...ผู้คนยังคงหวังว่า รัฐประหารของ “บิ๊กตู่” คงไม่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต...?