xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ของขลัง” สร้างกำลังใจ ในวันที่มนต์ “ลุงตู่” เสื่อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ปลดกระดุมเสื้อโชว์พระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่ห้อยคอให้ผู้สื่อข่าวดู ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับเป็นเวลา 2 ปีเต็มแล้วที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจเข้ามาปกครองบ้านเมือง ซึ่งต้องยอมรับว่าหากประเมิน “เรตติ้ง” ของ คสช. ต่อเนื่องมายังรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงต้องบอกว่ายิ่งอยู่นาน ยิ่งเสื่อมมนต์ขลัง จากเริ่มแรกที่ส่วนใหญ่ต่าง “แซ่ซ้องสรรเสริญ” ไปๆมาๆเริ่มเข้าสู่โหมด “เบื่อหน่าย” ด้วยผลงานที่ไร้รูปธรรม

ความนิยมของรัฐบาล คสช.ในห้วงนี้ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลอื่นๆทั้งที่มาจากการรัฐประหาร หรือมาจากการเลือกตั้ง ที่สำคัญด้วยความที่รัฐบาล คสช.เอง ได้กำหนดให้ตัวเองมีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหา หรือบริหารประเทศให้เป็นที่พอใจของประชาชนคนส่วนใหญ่ได้ โดยเฉพาะในประเด็นการปฏิรูปและสร้างความปรองดองที่เป็น “ธงนำ” ของ คสช.ที่ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร

แม้จะเป็นธรรมดาของ “วัฏจักรการเมือง” ที่มีขาขึ้น-ขาลง แล้วแต่จังหวะโอกาสว่านโยบายที่ดำเนินการถูกใจ-ถูกคอประชาชนมากน้อยแค่ไหน แต่ในห้วงเวลานี้รัฐบาล คสช.และองคาพยพมีศึกใหญ่อยู่ที่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 สิงหาคม 2559 ที่ผลการประชามตินอกจากจะเป็นการตัดสินว่า โรดแมปของ คสช.จะได้เดินหน้าต่อหรือไม่เท่านั้น

ผลคะแนนในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ยังเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล คสช.อีกด้วย

ซึ่งหากผลประชามติผ่านไป โรดแมปก็เดินหน้าต่อ แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางของรัฐบาล คสช. ปัญหาใหม่-เก่ายังประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน ในทางกลับกันหากผลประชามติออกมาปรากฏว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แม้ทางผู้ใหญ่ใน คสช.จะระบุว่ามีแผนในการเดินหน้าต่อ แต่ก็ต้องถามว่ากระแสสังคมจะยอมรับในกระบวนการที่ออกแบบโดย คสช.หรือไม่ เพราะร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว 2 ครั้ง ล้มเหลวทั้ง 2 ครั้งในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี

เชื่อว่ารัฐบาล คสช.เองก็ทราบดีถึงกระแสความนิยมผ่านการสำรวจของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีการทำงานมวลชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งที่ผ่านมาก็มีความพยายามในการทำคลอดสารพัดโครงการ-นโยบายต่างๆ เพื่อหวังที่จะซื้อใจประชาชน ภายใต้ชื่อเก๋ไก๋ “ประชารัฐ” ที่อาจจะไม่ได้เป็นรูปแบบ “ประชานิยม” จ๋า แต่ก็มาจากสาแหรกเดียวกันนั่นเอง ขณะเดียวกันก็ส่งอาณัติสัญญาณ “ถอย” ในหลายเรื่องที่มีข้อพิพาทระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน

แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีอยู่มากมายก่ายกอง ทั้งปัญหาที่ซุกใต้พรมมาเนิ่นนาน ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่กระเตื้อง งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยใกล้ภาวะ “ถังแตก” เต็มทน ส่งผลให้นโยบายต่างๆขับเคลื่อนได้อย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตลอดจนปัญหาการเมืองทั้งการปฏิรูปและความปรองดองที่ไม่คืบหน้าดังที่กล่าวไปแล้ว

ในขณะที่มีการจับจ้องเรื่องคะแนนนิยมและความศรัทธาในรัฐบาล คสช. และตัวผู้นำอย่าง “นายกฯตู่” เมื่อวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม ซึ่งมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) บังเอิญช่วงเช้าวันเดียวกันได้มีพิธียกเสาเอกอาคารเรือนรับรองบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และได้นิมนต์ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือ “ท่านเจ้าคุณธงชัย” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งกำลังโด่งดังไปทั่วโลกกับผลงานของทีมฟุตบอลสโมสร “เลสเตอร์ซิตี้” ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย และเพิ่งคว้าแชมป์ลีคสูงสุดที่ประเทศอังกฤษ มาร่วมในพิธี ภายหลังเสร็จพิธี “ท่านเจ้าคุณธงชัย” ได้มอบวัตถุมงคลให้แก่ “บิ๊กตู่” ด้วย อันประกอบด้วย ผ้ายันต์เลสเตอร์ เหรียญพระศิวะนาฏราช และเหรียญแปดเหลี่ยมที่ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อทองคำ และด้านหลังเป็นลิงขี่ม้า

ซึ่งมีการเปิดเผยภายหลังถึงความหมายของวัตถุมงคลที่ “ท่านเจ้าคุณธงชัย” มอบให้ว่า ผ้ายันต์เลสเตอร์เพื่อให้ได้รับชัยชนะ ส่วนเหรียญพระศิวะนาฏราชเป็นการเพิ่มและเสริมบารมี เสริมอำนาจ เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ ที่นิยมบูชากันมาก และนิยมนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ ขณะที่เหรียญแปดเหลี่ยมนั้น เปรียบเสมือนแปดเซียน แปดทิศ ที่จะคอยคุ้มครองป้องกันภยันตราย

หลังจากการประชุม ครม.แล้วเสร็จ ในระหว่างการแถลงข่าวของ “นายกฯตู่” จึงมีผู้สื่อข่าวยิงคำถามถึงวัตถุมงคลที่ได้รับจาก “ท่านเจ้าคุณธงชัย” คุยไปคุยมา จู่ๆท่านผู้นำประเทศก็ปลดกระดุมแหวกอกด้วยท่าทางคล้ายกับตัวละครดัง “ซูเปอร์แมน” โชว์ให้เห็นพระเครื่อง-ของขลังที่ห้อยไว้เต็มคอ คะเนด้วยสายตามากกว่า 10 องค์ พร้อมระบุว่า

“พระของผมมีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนเป็นทหารก็ได้มาตลอด เช่น หลวงปู่ทวด แต่ไม่ได้นับว่าทั้งหมดกี่องค์ ผมไม่หนัก เพราะพระอยู่กับผม ในใจผมมีพระอยู่ ในใจมียิ่งกว่าพระประธานอีก”

ไม่แปลกหรอกที่ใครสักคนจะบูชาพระเครื่อง-ของขลัง หรือเสริมดวง-บารมีด้วยวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะอดีต ผบ.ทบ.ที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วอย่าง “นายกฯตู่” แต่ด้วยจำนวนที่มากผิดไปจากปกติ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะต้องการ “ขวัญกำลังใจ” ในช่วงนี้เป็นพิเศษ ที่ว่ากันว่ามนต์ขลังของ “ท่านผู้นำ” เริ่มเสื่อม

หากรื้อแฟ้มบัญชีทรัพย์สินและหนีสิ้นที่ “บิ๊กตู่” ได้แจ้งต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไว้จะพบว่า มีทรัพย์สินที่ระบุว่าเป็น “พระเครื่อง” อยู่ 2 รายการ แบ่งเป็นสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง 11 องค์ มูลค่า 2 แสนบาท และสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง 3 องค์ และ ร. 2 มูลค่า 1 แสนบาท

โดยที่ไม่ได้ระบุรายละเอียดไว้ว่า พระเลี่ยมทองรวม 14 องค์นั้นมี “พระดัง” กี่องค์ แต่องค์หนึ่งที่มีแน่ๆก็ “หลวงปู่ทวด” ที่เจ้าตัวเปิดเผยด้วยตัวเอง และอีกองค์หนึ่งที่เกจิผู้สันทัดกรณีฟันธงชัวร์แม้เห็นจากภาพแบบไม่ชัด แต่รูปพรรณสัณฐานไม่พ้น “พระรอด” กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน ถือว่าเป็น 1 ในพระชุด “เบญจภาคี”

และหากนับตามภาพที่ปรากฏ นับดูพระที่ “บิ๊กตู่” ห้อยไว้พวงใหญ่แล้วมี 14 องค์ตามที่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไว้พอดิบพอดี

เรียกว่าขนมาหมดกรุ มีเท่าไรก็นิมนต์มาห้อยคอเท่านั้น
แหวนนพเก้าที่สวมอยู่ที่นิ้วมือของบิ๊กตู่ พร้อมกับ แหวนนะโมและอีกสารพัดแหวนหลวงพ่อ ซึ่งเคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้
ว่ากันว่า “บิ๊กตู่” ถือเป็นนายทหารที่เชื่อเรื่องพระ-เรื่องดวงมากคนหนึ่ง เพราะหากจำกันได้ ในช่วงที่ทำพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ก็เคยถูกนักข่าวทักถึง “แหวนทองนพเก้า” ที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย

โดย “แหวนทองนพเก้า” ที่ “บิ๊กตู่” สวมใส่ตัวเรือนเป็นทอง ประดับด้วยอัญมณีมงคล 9 อย่าง ได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม ไพลิน โกเมน มุกดาหาร เพทาย และไพฑูรย์ โดยมีความเชื่อว่า “นพเก้า” หรือเรียกอีกอย่างว่า “นพรัตน์” นี้มีอำนาจพิเศษที่จะนำสิริมงคลมาสู่ตัวผู้สวมใส่ และส่วนใหญ่จะใส่ที่นิ้วชี้มือขวา

ซึ่งตามตำราโบราณต่างระบุกันไว้ว่า “แหวนทองนพเก้า” บรรดาแม่ทัพ-นายกอง-บิ๊กทหาร จะสวมใส่ก่อนที่จะ “ออกรบ-ทำศึก” เพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมา จึงไม่แปลกที่พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่างก็สวมแหวนชนิดเดียวกันไว้ที่นิ้วของแต่ละคน

หากเปรียบตามตำราทำศึกสงคราม แม้วันนี้ “3ป.บูรพาพยัคฆ์” จะไม่ได้ออกรบกับฆ่าศึก-อริราชศัตรูของประเทศ แต่ศึกที่ต้องเข้ามาบริหารบ้านเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านถือเป็นศึกใหญ่ที่ “บิ๊กทหาร” ต่างรู้ดีว่าภัยข้างหน้าอันตราย เดิมพันทั้งชีวิต-ตำแหน่ง-ชื่อเสียง-เงินตรา

เรื่องราวเครื่องรางของขลังที่ “บิ๊กตู่” นำมาสวมประดับเป็นประจำยังไม่หมด นอกเหนือจาก “แหวนทองนพเก้า” ก็ยังมีแหวนอื่นๆอีก 3 วง จน“ผู้จัดการสุดสัปดาห์” เอง ถึงกับเคยมอบฉายา “The Lord of the Rings” ให้มาแล้ว ประกอบไปด้วย “แหวนพระ - แหวนนะโม - แหวนสมเด็จ” ส่วนที่ข้อมือนอกจากริสแบนด์สีเหลืองที่เห็นกันประจำแล้ว ก็ยังมีกำไลอีก 1 วงเป็น “กำไลเงินหางช้าง”

สำหรับพุทธคุณ-บารมีของบางชิ้นนั้นพบว่า “แหวนนะโม” หรือที่ปักษ์ใต้เรียกว่า “หัวนอโม” คือหัวแหวนเล็ก ๆ หล่อด้วยเงิน ทอง นากหรือนวโลหะเรียบร้อยแล้วจึงตอกตรานะโมลงไป ตรงกลางเป็นอักขระขอมตัวนะ อยู่ภายในบ่อวงกลมตื้นๆเชื่อว่าถ้ามีติดตัวติดบ้านแล้วจะป้องกันคุณไสย เสนียดจัญไรและสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้เข้ามาได้

ส่วน “หางช้าง” เป็นเครื่องรางปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจและสัตว์ร้ายป้องกันคุณไสยต่างๆในยามที่ต้องเดินทางไกล นอกจากนี้คนโบราณเชื่ออีกว่าถ้าบูชาดีขนจากหางช้างจะทำให้สามารถหยั่งรู้พิษภัยต่างๆล่วงหน้าด้วย

เมื่อช่วงต้นปี 2558 นักข่าวสังเกตเห็นว่า “บิ๊กตู่” นำ “กำไลหินสีเทา” มาสวมที่ข้อมือด้านขวา เมื่อสอบถามก็ทำให้ทราบว่าเป็นกำไลที่ลูกสาวนำมามอบให้ ด้วยหวังว่า “คุณพ่อตู่” จะได้ใจเย็นเหมือนหิน แต่ปรากฎว่าใส่ได้ไม่ทันข้ามวันก็ต้องถอดออก เนื่องจากทำให้ฉุนเฉียวยิ่งกว่าเก่า
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธ และพิธีบวงสรวงตามประเพณีพราหมณ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมืองครบรอบ 234 ปี พร้อมทำพิธีเททองรูปหล่อ “หนุมานครองเมือง” ที่เปรียบเสมือนทหารที่คอยรักษาบ้านเมืองให้สงบสุขด้วย โดยมีพระพรหมมังคลาจารย์ หรือเจ้าคุณธงชัย รองเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ร่วมพิธีฝ่ายสงฆ์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2559
เรื่องราวการเสริมดวง-บารมีของ “ขุนทหาร” ยังไม่หมด ย้อนไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่ คสช. เดินนำหน้าแม่ทัพ-นายกองทุกเหล่าทัพ เข้าสักการะ “ศาลหลักเมือง” เนื่องในวันครบรอบวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 234 ปี โดยน่าสังเกตว่า ผู้นำเหล่าทัพพร้อมใจกันมาทำพิธีอย่างยิ่งใหญ่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ

ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การเททองรูปหล่อ “หนุมานครองเมือง” ที่ทางกองทัพได้ขอให้ “ท่านเจ้าคุณธงชัย” เป็นผู้ทำพิธีและหล่อรูปหล่อขึ้นมา โดยเชื่อกันว่า “หนุมาน” ในวรรณคดีรามเกียรติ์คือ “ทหาร” ที่อยู่เคียงข้าง “พระราม” และมักออกรบแล้วได้รับชัยชนะ จึงสร้างรูปหล่อ “หนุมานครองเมือง” เอาไว้ที่ศาลหลักเมือง ซึ่งถือเป็นศูนย์รวม-ใจกลาง-หัวใจ ขอบประเทศไทย

แปลความหมายง่าย “หนุมานครองเมือง” ก็คือ “ทหารครองเมือง” ที่ตั้งไว้ที่ “ศาลหลักเมือง” ก็ถอดรหัสง่ายเข้าไปอีกคือ “ทหารครองเมืองไทย” และจะปกครองไว้ด้วยความมั่นคง

ความเคลื่อนไหวเรื่องโชคชะตา-ดวงเมืองของ “ผู้นำทหาร” ครั้งนี้มีนัยสำคัญยิ่ง เพราะตามธรรมเนียมแล้วจะไม่มีการสร้างรูปหล่อเพิ่มเติมที่ “ศาลหลักเมือง” เป็นอันขาด ที่ผ่านมาจะมีแต่การบูรณะของเก่าไม่ให้อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม

นัยที่ส่งออกมาจาก “บิ๊กทอปบูต” เหมือนกำลังส่งสัญญาณเตรียมพร้อมทั้งตัว-ใจ เอาไว้ เพื่อสถานการณ์เร่งเร้าให้ถึงเวลาต้องออกรบโดยเร็วก็พร้อมที่จะสู้ทั้งเกมใต้ดิน-บนดิน ซึ่งขวัญกำลังใจนั้นสำคัญยิ่ง

เรื่องโชคลาง-ของคลัง-ดวงชะตา เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่หากเป็น “ผู้มีอำนาจ” แล้วไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม สนใจแต่การปลดเปลื้องพันธนาการ และประโยชน์ของพวกพ้องเครือญาติ

ต่อให้ขนพระประธานมาห้อยคอก็อยู่ยากนะเจ้านาย.


กำลังโหลดความคิดเห็น