วานนี้ (19 พ.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เดินทางมายื่นคำร้องขอฝากขัง 8 ผู้ต้องหา ผัดสามเป็นเวลา 12 วัน ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ นายนพเก้า คงสุวรรณ นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ นายโยธิน มั่งคั่งสง่า นายธนวรรธน์ บูรณศิริ นายศุภชัย สายบุตร นายหฤษฏ์ มหาทน และนายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ศาลทหารฯได้อนุญาตให้ทั้ง 8 คน ได้รับการประกันตัว และทุกคนต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารฯทุกครั้ง เมื่อครบกำหนดฝากขัง แต่ด้าน น.ส.ณัฏฐิกา และ นายหฤษฏ์ นั้นมีฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา ทางพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ จึงได้นำตัวมารับฟังคำสั่งศาลทหารฯด้วย
ทั้งนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ 8 ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังศาลทหารฯว่า ในวันนี้แบ่งเป็น 2 คดี ซึ่งคดีแรก คือคดี 8 มือโพสต์ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่ครบกำหนดฝากขังผัดสอง และทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน จะยื่นขอฝากขังผัดสาม ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จหรือยัง ซึ่งหลังจากทราบรายละเอียดพยานและหลักฐาน ทางทนายความวางแนวทางจะขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากคดีนี้มีมาตรฐาน และมีแนวคดีตัวอย่างที่สามารถเทียบเคียงได้ คือ คดีของนางรินดา ปฤชาบุตร ผู้ต้องหาในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่ศาลทหารฯและศาลยุติธรรมเคยมีความเห็นเรื่องกรอบอำนาจศาล เพราะเห็นว่าการพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ได้เป็นความผิดเรื่องความมั่นคง แต่เป็นความผิดหมิ่นประมาทตัวบุคคล ที่ไม่ควรขึ้นสู่ศาลทหารฯ ควรขึ้นศาลยุติธรรมหรือศาลพลเรือน
ส่วนน.ส.ณัฏฐิกา และนายหฤษฏ์ ที่มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดตัวไว้นั้น ทางทนายความ จะยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้ง โดยจะเพิ่มหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 7 แสนบาท ส่วนเหตุผลนั้นคือ เรื่องสิทธิการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหา ที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง และรับรองอย่างเต็มที่ ซึ่งคดีนี้ก็ไม่ต่างจากคดีอื่นๆ จึงขอวิงวอนผู้ใช้อำนาจรัฐทุกระดับ และทุกองค์กรว่า ประชาชนควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้บิดาของ นายหฤษฏ์ ยังไปเรียกร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อขอสิทธิ์ในการปล่อยตัวชั่วคราว
ด้วย
ต่อมาคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบังลังก์ พิจารณาคำร้องดังกล่าว และให้ฝากขังผัดสาม เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. -3 มิ.ย.59 และทุกคนต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารทุกครั้ง เมื่อครบกำหนดฝากขัง
อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ได้รับการประกันตัว ยกเว้น น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ และ นายหฤษฏ์ มหาทน ที่มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งทนายความยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์วงเงินคนละ 7 แสนบาท แต่ศาลทหารฯ ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนอาจหลบหนี และอาจเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ดังนั้นในชั้นนี้ ศาลทหารฯจึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยพินิจเดิม จึงให้ยกคำร้องการยื่นขอประกันตัว
ขณะที่คดีความของ น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งเป็นมารดาของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องขอฝากขังผัดสอง ซึ่งทางคณะตุลาการศาลทหารฯได้พิจารณาคำร้องแล้วพิจารณาอนุญาตให้ฝากขัง น.ส.พัฒน์นรี ผัดสองเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-31 พ.ค. 59 แต่ก่อนหน้านี้ศาลทหาร ได้อนุญาตให้ประกันตัวน.ส.พัฒน์นรี แล้ว ดังนั้นในวันที่ 31 พ.ค. 59 น.ส.พัฒน์นรี ต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารฯด้วย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ศาลทหารฯได้อนุญาตให้ทั้ง 8 คน ได้รับการประกันตัว และทุกคนต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารฯทุกครั้ง เมื่อครบกำหนดฝากขัง แต่ด้าน น.ส.ณัฏฐิกา และ นายหฤษฏ์ นั้นมีฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา ทางพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ จึงได้นำตัวมารับฟังคำสั่งศาลทหารฯด้วย
ทั้งนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ 8 ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังศาลทหารฯว่า ในวันนี้แบ่งเป็น 2 คดี ซึ่งคดีแรก คือคดี 8 มือโพสต์ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่ครบกำหนดฝากขังผัดสอง และทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน จะยื่นขอฝากขังผัดสาม ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จหรือยัง ซึ่งหลังจากทราบรายละเอียดพยานและหลักฐาน ทางทนายความวางแนวทางจะขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากคดีนี้มีมาตรฐาน และมีแนวคดีตัวอย่างที่สามารถเทียบเคียงได้ คือ คดีของนางรินดา ปฤชาบุตร ผู้ต้องหาในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่ศาลทหารฯและศาลยุติธรรมเคยมีความเห็นเรื่องกรอบอำนาจศาล เพราะเห็นว่าการพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ได้เป็นความผิดเรื่องความมั่นคง แต่เป็นความผิดหมิ่นประมาทตัวบุคคล ที่ไม่ควรขึ้นสู่ศาลทหารฯ ควรขึ้นศาลยุติธรรมหรือศาลพลเรือน
ส่วนน.ส.ณัฏฐิกา และนายหฤษฏ์ ที่มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดตัวไว้นั้น ทางทนายความ จะยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้ง โดยจะเพิ่มหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 7 แสนบาท ส่วนเหตุผลนั้นคือ เรื่องสิทธิการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหา ที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง และรับรองอย่างเต็มที่ ซึ่งคดีนี้ก็ไม่ต่างจากคดีอื่นๆ จึงขอวิงวอนผู้ใช้อำนาจรัฐทุกระดับ และทุกองค์กรว่า ประชาชนควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้บิดาของ นายหฤษฏ์ ยังไปเรียกร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อขอสิทธิ์ในการปล่อยตัวชั่วคราว
ด้วย
ต่อมาคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบังลังก์ พิจารณาคำร้องดังกล่าว และให้ฝากขังผัดสาม เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. -3 มิ.ย.59 และทุกคนต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารทุกครั้ง เมื่อครบกำหนดฝากขัง
อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ได้รับการประกันตัว ยกเว้น น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ และ นายหฤษฏ์ มหาทน ที่มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งทนายความยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์วงเงินคนละ 7 แสนบาท แต่ศาลทหารฯ ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนอาจหลบหนี และอาจเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ดังนั้นในชั้นนี้ ศาลทหารฯจึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยพินิจเดิม จึงให้ยกคำร้องการยื่นขอประกันตัว
ขณะที่คดีความของ น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งเป็นมารดาของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องขอฝากขังผัดสอง ซึ่งทางคณะตุลาการศาลทหารฯได้พิจารณาคำร้องแล้วพิจารณาอนุญาตให้ฝากขัง น.ส.พัฒน์นรี ผัดสองเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-31 พ.ค. 59 แต่ก่อนหน้านี้ศาลทหาร ได้อนุญาตให้ประกันตัวน.ส.พัฒน์นรี แล้ว ดังนั้นในวันที่ 31 พ.ค. 59 น.ส.พัฒน์นรี ต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารฯด้วย
