พิษราคาน้ำมันตกต่ำส่งผลให้"เชฟรอน"ประเทศไทยปรับโครงสร้างองค์กรลดต้นทุนปีนี้ตั้งเป้าลดต้นทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ต้องปลดคนงานซึ่งเป็นคนไทย 800 คนเริ่ม 1 ส.ค.นี้ ขณะที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเจรจา10 ผู้รับสัมปทานขอให้รักษาคนงานคนไทยให้มากสุด จับตา 18 พ.ค.คณะกรรมการปิโตรเลียมนัดถกแผนจัดการแหล่งสัมปทานที่จะหมดอายุทั้งแหล่งของเชฟรอน-บงกช
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยภายหลังได้เข้าพบ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน โดยรายงานถึงแผนการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดต้นทุนตามนโยบายบริษัทแม่ที่ให้ดำเนินการทั่วโลกภายหลังจากที่ภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกตกต่ำซึ่งในปี 2559 เชฟรอนประเทศไทยมีเป้าหมายจะลดต้นทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 17,500 ล้านบาท และแผนดังกล่าวส่วนหนึ่งต้องลดต้นทุนด้วยการปรับลดบุคลากรของบริษัทลงอีก 20% หรือคิดเป็นประมาณ 800 คนจากพนักงานเชฟรอนและพนักงานบริษัทผู้รับเหมาส่วนของคนไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
นางบุญบันดาล ยุวนะศิริ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯได้ให้บริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศไทยประมาณ 10 รายจัดทำแผนบริหารงาน 5 ปีมาเสนอเพื่อจะได้รับทราบการดำเนินงานรวมถึงแผนปรับโครงสร้างธุรกิจช่วงน้ำมันขาลง ซึ่งทางกรมฯก็พยายามให้รักษาพนักงานไว้โดยเฉพาะคนไทยเพราะหากระดับราคาน้ำมันขึ้นมาก็จะสามารถผลิตได้ต่อเนื่องทันที รวมถึงเชฟรอนด้วยแต่ทั้งนี้บริษัทต่างชาติก็ต้องดำเนินงานตามบริษัทแม่
"ระดับราคาน้ำมันที่ตกต่ำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมก็ย่อมได้รับผลกระทบในการดำเนินงานซึ่งขณะนี้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเริ่มขยับเพิ่มขึ้นจึงเชื่อว่าน่าจะมีสัญญาณที่จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ชะลอแผนปลดคนลงได้ไม่มากก็น้อย"นางบุญบันดาลกล่าว
ทั้งนี้วันที่ 18 พ.ค.นี้จะมีประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียม ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน จะประชุม เรื่องการบริหารจัดการแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานทั้งแหล่งเชฟรอนและบงกชในปี 2565 และ2566 ซึ่งจะมีการเสนอความเห็นการดำเนินการ ทั้งรูปแบบการเจรจา /จ้างผลิตและเปิดประมูล หลังจากนั้นจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เห็นชอบ จากนั้นจะเริ่มขบวนการตามแนวทางกพช.เห็นชอบภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนผลิตในการรักษากำลังผลิตทั้งสองแหล่งต่อ ไม่กระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยภายหลังได้เข้าพบ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน โดยรายงานถึงแผนการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดต้นทุนตามนโยบายบริษัทแม่ที่ให้ดำเนินการทั่วโลกภายหลังจากที่ภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกตกต่ำซึ่งในปี 2559 เชฟรอนประเทศไทยมีเป้าหมายจะลดต้นทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 17,500 ล้านบาท และแผนดังกล่าวส่วนหนึ่งต้องลดต้นทุนด้วยการปรับลดบุคลากรของบริษัทลงอีก 20% หรือคิดเป็นประมาณ 800 คนจากพนักงานเชฟรอนและพนักงานบริษัทผู้รับเหมาส่วนของคนไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
นางบุญบันดาล ยุวนะศิริ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯได้ให้บริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศไทยประมาณ 10 รายจัดทำแผนบริหารงาน 5 ปีมาเสนอเพื่อจะได้รับทราบการดำเนินงานรวมถึงแผนปรับโครงสร้างธุรกิจช่วงน้ำมันขาลง ซึ่งทางกรมฯก็พยายามให้รักษาพนักงานไว้โดยเฉพาะคนไทยเพราะหากระดับราคาน้ำมันขึ้นมาก็จะสามารถผลิตได้ต่อเนื่องทันที รวมถึงเชฟรอนด้วยแต่ทั้งนี้บริษัทต่างชาติก็ต้องดำเนินงานตามบริษัทแม่
"ระดับราคาน้ำมันที่ตกต่ำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมก็ย่อมได้รับผลกระทบในการดำเนินงานซึ่งขณะนี้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเริ่มขยับเพิ่มขึ้นจึงเชื่อว่าน่าจะมีสัญญาณที่จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ชะลอแผนปลดคนลงได้ไม่มากก็น้อย"นางบุญบันดาลกล่าว
ทั้งนี้วันที่ 18 พ.ค.นี้จะมีประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียม ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน จะประชุม เรื่องการบริหารจัดการแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานทั้งแหล่งเชฟรอนและบงกชในปี 2565 และ2566 ซึ่งจะมีการเสนอความเห็นการดำเนินการ ทั้งรูปแบบการเจรจา /จ้างผลิตและเปิดประมูล หลังจากนั้นจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เห็นชอบ จากนั้นจะเริ่มขบวนการตามแนวทางกพช.เห็นชอบภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนผลิตในการรักษากำลังผลิตทั้งสองแหล่งต่อ ไม่กระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ