ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (11พ.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. กลุ่มชาวพุทธรักสันติ กทม. นำโดย นายมาณพ เค้ามาก ประธานกลุ่มฯ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกพระธัมมชโย ในฐานะผู้ต้องหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยไม่ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในคดีพิเศษ ที่ 27/2559 จากกรณีที่พระธัมมชโย ได้รับเงินบริจาคด้วยเช็ค จำนวน 10 ฉบับ จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด
ทั้งนี้ การที่ดีเอสไอ ได้ทำสำนวนแยกออกเป็นคดีพิเศษ ที่ 27/2559 ซึ่งเป็นการซ้ำซ้อนกับคดีพิเศษ ที่ 146/2556 และคดี 63/2557 และเห็นว่า เป็นการดำเนินคดีที่ขัดกับหลักกฎหมายที่ว่ากรรมเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนกันไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทางกลุ่มพุทธรักสันติ ระบุว่า การจะกล่าวหาว่าพระธัมมชโยในความผิดนั้น ต้องพิจารณาที่เจตนา ซึ่งการรับเงินจากนายศุภชัย เป็นไปอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะรับเช็คในชื่อของตนเอง ดังนั้น หากพบว่ามีการทุจริต ก็จะทำให้สืบย้อนเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด นอกจากนั้นเงินที่รับบริจาค ก็นำไปใช้ในการก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคทั้งหมด ไม่ได้นำไปใช่เป็นการส่วนตัว ซึ่งสามารถตรวจสอบ และเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น พระธัมมชโย จึงไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
“ผู้รับบริจาคไม่รู้ หรือควรรู้ได้ว่าทรัพย์สินที่ผู้บริจาคได้มาจากการกระทำความผิด เพราะผู้บริจาคยืนยันว่า เป็นทรัพย์ที่ตนยืมมา แม้แต่เจ้าทรัพย์เอง ก็มารู้เรื่องดังกล่าวในภายหลังนานถึง 4 ปี ในกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า พระธัมมชโย จะไม่ทราบถึงที่มาของเงินจำนวนมากที่นายศุภชัย บริจาคเลยหรือไม่ หนังสือได้ชี้แจงว่า นายศุภชัยได้แจ้งว่า เป็นเงินที่ตนได้ทำธุรกิจซึ่งมีกำไรงาม นอกจากนั้น ยังอ้างต่อว่านายศุภชัย ไม่ได้บริจาคให้วัดพระธรรมกายเพียงแห่งเดียว แต่ยังบริจาคให้กับโรงเรียน มหาวิยาลัย สถานสาธารณกุศล รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ อีกทั้งนายศุภชัย ไม่ใช่ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของวัด จึงทำให้ไม่เป็นที่สงสัย และรับเงินไว้"
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้น นายศุภชัยก็ได้ชี้แจงว่าคืนเงินที่ยืมจากสหกรณ์ฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาหลังจากที่เป็นคดีความ ทางคณะศิษยานุศิษย์ของพระธัมมชโย ก็ได้ตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อนำเงินไปเยียวยาต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ได้รับผลกระทบ โดยสหกรณ์ฯ ได้รับเงินไปแล้วทั้งหมด 684.78 ล้านบาท ส่วนเงินอีกจำนวน 370.78 ล้านบาท ทางคณะได้มอบเช็คให้กับสหกรณ์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดังนั้น ทางสหกรณ์ฯ จึงถอนฟ้องพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย โดยทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
นอกจากนี้ ในหนังสือยังได้ชี้แจงกรณีข่าวลือที่พระธัมมชโย สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่า ไม่จริง เพราะวัดมุ่งสอนศีลธรรมเพื่อสร้างคนดีไม่มีเป้าหมายในทางการเมือง แต่ลูกศิษย์นั้นมีจำนวนมาก และมีความหลากหลายซึ่งอาจจะมีทั้งผู้ที่ชอบในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งทางวัดได้ออกระเบียบห้ามพูดเรื่องการเมืองตั้งแต่ช่วงเริ่มสร้างวัด โดยพระธัมมชโย ได้สนับสนุนกิจกรรมของทุกรัฐบาล ที่จะช่วยในการพัฒนาประเทศ
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มชาวพุทธฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. โดยมี จ.ส.อ.ประจวบ ฤทธิ์เรืองเดช เป็นผู้รับมอบหนังสือ
ขณะเดียวกัน ยังมีชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนใต้ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้แก่พระธัมมชโย ที่ศูนย์บริการประชาชนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในส่วนของต่างจังหวัด ได้มีสาวกของวัดพระธรรมกาย เช่น ชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนา กลุ่มปฏิบัติธรรมจังหวัดอุดรธานี และครูอาสาฟื้นฟูศีลธรรมโลก ได้เดินทางไปยืนหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับพระธัมมชโยด้วย
ทั้งนี้ การที่ดีเอสไอ ได้ทำสำนวนแยกออกเป็นคดีพิเศษ ที่ 27/2559 ซึ่งเป็นการซ้ำซ้อนกับคดีพิเศษ ที่ 146/2556 และคดี 63/2557 และเห็นว่า เป็นการดำเนินคดีที่ขัดกับหลักกฎหมายที่ว่ากรรมเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนกันไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทางกลุ่มพุทธรักสันติ ระบุว่า การจะกล่าวหาว่าพระธัมมชโยในความผิดนั้น ต้องพิจารณาที่เจตนา ซึ่งการรับเงินจากนายศุภชัย เป็นไปอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะรับเช็คในชื่อของตนเอง ดังนั้น หากพบว่ามีการทุจริต ก็จะทำให้สืบย้อนเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด นอกจากนั้นเงินที่รับบริจาค ก็นำไปใช้ในการก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคทั้งหมด ไม่ได้นำไปใช่เป็นการส่วนตัว ซึ่งสามารถตรวจสอบ และเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น พระธัมมชโย จึงไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
“ผู้รับบริจาคไม่รู้ หรือควรรู้ได้ว่าทรัพย์สินที่ผู้บริจาคได้มาจากการกระทำความผิด เพราะผู้บริจาคยืนยันว่า เป็นทรัพย์ที่ตนยืมมา แม้แต่เจ้าทรัพย์เอง ก็มารู้เรื่องดังกล่าวในภายหลังนานถึง 4 ปี ในกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า พระธัมมชโย จะไม่ทราบถึงที่มาของเงินจำนวนมากที่นายศุภชัย บริจาคเลยหรือไม่ หนังสือได้ชี้แจงว่า นายศุภชัยได้แจ้งว่า เป็นเงินที่ตนได้ทำธุรกิจซึ่งมีกำไรงาม นอกจากนั้น ยังอ้างต่อว่านายศุภชัย ไม่ได้บริจาคให้วัดพระธรรมกายเพียงแห่งเดียว แต่ยังบริจาคให้กับโรงเรียน มหาวิยาลัย สถานสาธารณกุศล รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ อีกทั้งนายศุภชัย ไม่ใช่ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของวัด จึงทำให้ไม่เป็นที่สงสัย และรับเงินไว้"
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้น นายศุภชัยก็ได้ชี้แจงว่าคืนเงินที่ยืมจากสหกรณ์ฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาหลังจากที่เป็นคดีความ ทางคณะศิษยานุศิษย์ของพระธัมมชโย ก็ได้ตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อนำเงินไปเยียวยาต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ได้รับผลกระทบ โดยสหกรณ์ฯ ได้รับเงินไปแล้วทั้งหมด 684.78 ล้านบาท ส่วนเงินอีกจำนวน 370.78 ล้านบาท ทางคณะได้มอบเช็คให้กับสหกรณ์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดังนั้น ทางสหกรณ์ฯ จึงถอนฟ้องพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย โดยทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
นอกจากนี้ ในหนังสือยังได้ชี้แจงกรณีข่าวลือที่พระธัมมชโย สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่า ไม่จริง เพราะวัดมุ่งสอนศีลธรรมเพื่อสร้างคนดีไม่มีเป้าหมายในทางการเมือง แต่ลูกศิษย์นั้นมีจำนวนมาก และมีความหลากหลายซึ่งอาจจะมีทั้งผู้ที่ชอบในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งทางวัดได้ออกระเบียบห้ามพูดเรื่องการเมืองตั้งแต่ช่วงเริ่มสร้างวัด โดยพระธัมมชโย ได้สนับสนุนกิจกรรมของทุกรัฐบาล ที่จะช่วยในการพัฒนาประเทศ
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มชาวพุทธฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. โดยมี จ.ส.อ.ประจวบ ฤทธิ์เรืองเดช เป็นผู้รับมอบหนังสือ
ขณะเดียวกัน ยังมีชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนใต้ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้แก่พระธัมมชโย ที่ศูนย์บริการประชาชนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในส่วนของต่างจังหวัด ได้มีสาวกของวัดพระธรรมกาย เช่น ชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนา กลุ่มปฏิบัติธรรมจังหวัดอุดรธานี และครูอาสาฟื้นฟูศีลธรรมโลก ได้เดินทางไปยืนหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับพระธัมมชโยด้วย