MGR Online - รมต.ยุติธรรมเชิญกลุ่มลูกศิษย์ "พระธัมมชโย ร้องเรียนได้หากมีข้อสงสัยไม่ได้รับความเป็นธรรม การออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหา ความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ในวันที่ 16 พ.ค.นี้
วันนี้ (4 พ.ค.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกศิษย์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ว่า ตนบอกแล้วว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรม ซึ่งการร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยไม่ได้รับความเป็นธรรมในประเด็นใดก็ขอให้มา ดีเอสไอ โดยตนได้สั่ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ไปแล้วว่า ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเกิดความสงสัยก็ให้ตอบคำถามให้หมด ดีกว่าการที่เขาจะไปใช้แนวทางอื่นที่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ให้ลูกศิษย์พระธัมมชโยเดินทางมาร้องเรียน ดีเอสไอ เลย หากสงสัยในประเด็นใดก็ให้มาถาม ตนเชื่อว่าดีเอสไอซึ่งทำงานสืบสวนสอบสวนเขามีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว และจะสามารถตอบคำถามได้ รวมถึงประเด็นที่มีการระบุว่าทางวัดพระธรรมกายได้มีการคืนเงินให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้วด้วย ซึ่งก็จะได้มาสอบถามกันให้เกิดความเข้าใจ
"ผมไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะดีเอสไอจะสามารถตอบในรายละเอียดของกฎหมายได้เข้าใจกว่า ซึ่งจะได้ไม่ต้องเป็นการถามแบบอ้อมไปอ้อมมา หรือผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ และจะทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันแต่เราก็ต้องเคารพ เพราะบางทีประชาชนหลายคนไม่เข้าใจหลายมุม เราต้องมองในแง่บวกบ้าง เพราะเขาอาจจะไม่เข้าใจจริงๆ ก็บอกให้อธิบดีดีเอสไอได้มองในแง่บวกด้วย เมื่อตอบไปหมดแล้ว รู้กันหมดแล้ว ต่อไปก็จะเห็นภาพมากขึ้น" รมว.ยธ. กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ส่วนในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ทางวัดพระธรรมกายเตรียมระดมลูกศิษย์เข้าวัดกว่า 10,000 คน ทำกิจกรรมวันวิสาขบูชา ตนคิดว่าเป็นกิจกรรมที่วัดทำกัน ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่เพราะพุทธศาสนิกชนจะใช้เวลาตรงนี้ทำกิจกรรมศาสนาก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ก็อยากให้มองในแง่บวก เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ได้สั่งให้ อธิบดีดีเอสไอ คอยติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่แล้วในฐานะเจ้าของคดี
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่อยากให้ไปคิดในแง่อื่น เชิงการออกมารวมตัวป้องกันที่ไม่ใช่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตนก็เชื่อว่าในสังคมนี้หากใครทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ใครก็มองในแง่มุมหนึ่งได้ มันก็หมิ่นเหม่ที่วัดพระธรรมกายจะจัดกิจกรรมลักษณะที่มันไม่สอดคล้อง โดยตนมองในแง่บวก แต่อีกมุมมองหนึ่งคนอาจจะมองอีกมุมหนึ่งได้ และมันก็จะกลับไปที่วัดพระธรรมกายจะต้องตอบคำถาม
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวปิดท้ายว่า หากพระธัมมชโยไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ก็ต้องไปทำเรื่องที่ศาล เพราะเราไม่สามารถออกหมายจับเองได้ ซึ่งก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าก็ต้องทำแบบนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีดุลยพินิจอย่างไร เพราะในแง่มุมครั้งที่แล้วคือเหตุผลของการเจ็บป่วยและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ตนยังไม่ทราบว่าจะออกมาประเด็นอะไร ถ้าออกมาเจ็บป่วย พนักงานสอบสวนก็คงจะพิจารณา อีกทั้ง ที่ผ่านมา เขาก็พิจารณาแล้วว่าพระธัมมชโยสามารถเดินทางมาได้ ทั้งนี้ เราก็ต้องเอาเหตุผลของแพทย์มาประกอบ เพราะเราก็เชื่อว่าแพทย์มีจริยธรรมอยู่แล้ว