วัดพระธรรมกายแจง “ธัมมชโย” บริสุทธิ์ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอแจ้ง ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียักยอกเงิน “เสี่ยศุภชัย” เหตุที่คืน 684 ล้านบาทเพื่อเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนจากสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 มี.ค. 59 พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่สำนักคดีการเงินและธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหกระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ที่มีกลุ่มสมาชิกรายย่อยสหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้กล่าวหา และพระเทพญาณมหามุนี ผู้ต้องหา อาศัยอำนาจประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 มาตรา 52 หมายมายัง พระเทพญาณมหามุนี บ้านเลขที่ 23/6 วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ด้วยเหตุที่ต้องหาว่า กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ฉะนั้นให้มาที่สำนักคดีการเงินและธนาคาร ดีเอสไอ ชั้น 8 ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ ในวันที่ 8 เม.ย. 59 เวลา 09.00 น.นี้
ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ทางวัดพระธรรมกายขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของพระเทพญาณมหามุนี และขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอชี้แจ้งดังนี้ วัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณียักยอกเงินดังกล่าว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นทางวัดได้สอบถามนายศุภชัยว่าเงินที่นำมาทำบุญมาจากไหน ได้รับคำตอบว่ากู้ยืมมาจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น และได้คืนแล้ว โดยมีหลักฐานคือการตรวจสอบบัญชีประจำปีและรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ฯ
จากยอดเงินบริจาคมากถึงหลายร้อยล้านบาท ทำไมถึงไม่สงสัยบ้าง จึงขอตอบว่านายศุภชัยไม่ใช่ผู้ทำบุญมากที่สุดของวัด ยังมีผู้ทำบุญมากกว่านายศุภชัยอีกหลายท่าน ดังนั้น เมื่อเจ้าตัวมาทำบุญจำนวนมากและบอกว่าทำธุรกิจ ทำเหมืองหลายอย่าง ได้ผลกำไรดีมากจึงมาทำบุญ ทางวัดจึงไม่ได้สงสัยอะไร
ส่วนวัดพระธรรมกายนำเงินคราวนี้ไปทำอะไร ทั้งนี้วัดพระธรรมกายได้นำไปใช้ก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาค เนื่องจากมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่วัดจำนวนมาก คราวละนับล้านคนในงานบุญใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีศาสนสถานขนาดใหญ่รองรับ
เพราะเหตุผลใดทางวัดพระธรรมกายจึงคืนเงินบริจาค จำนวน 684 ล้านบาทให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของชี้แจงว่า ทางวัดได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต และนำเงินบริจาคไปสร้าง ศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว ทางวัดไม่สามารถนำเงินของผู้บริจาครายอื่นในวัตถุประสงค์อื่นมาคืนให้แก่สหกรณ์ฯ ได้เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น ทางคณะศิษย์ของวัดพระธรรมกายเห็นว่าหากมีการต่อสู้คดีกันต่อไปก็จะกินเวลานาน และเกิดความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงของวัด และต่อประชาชนผู้ฝากเงินที่เดือดร้อน จึงได้ตั้งกองทุนรวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนแก่สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์
ส่วนที่มีข่าวว่าทางวัดมีปัญหากับทางสหกรณ์ฯ นั้น ขอชี้แจงว่าทางสหกรณ์ฯ ได้มีหนังสือขอบคุณมายังคณะศิษย์วัดพระธรรมกายที่มีน้ำใจตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาแก่ทางสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ที่เดือดร้อนครบจำนวน ทั้งที่ตามกฎหมายเมื่อเป็นการรับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต และนำเงินไปก่อสร้างศาสนสถานซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนาของผู้บริจาค ถือเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย ดังตัวอย่างที่คุณศุภชัยก็ได้นำเงินไปบริจาคให้แก่วัดและโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งก็ไม่ต้องคืนเงินแต่ประการใด
ทั้งนี้ได้มีการตกลงกันในชั้นศาลว่า ถ้าข้อกล่าวหายุติลงทางสหกรณ์ต้องคืนเงินเยียวยากลับให้กลุ่มลูกศิษย์ โดยทางสหกรณ์ได้ทำจดหมายขอบคุณ และมีความเข้าใจอันดีของทุกฝ่ายจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีหมายเรียกออกมาในลักษณะนี้ ซึ่งทางวัดจะได้ทำการตรวจสอบข้อแท้จริง และจะแจ้งความคืบหน้าในโอกาสต่อไป